18 สิงหาคม 2557

พระเจ้า...ทำไมสิ่งนี้ถึงเกิดขึ้นกับข้าพระองค์?

เมื่อเหตุร้าย หรือ สถานการณ์ที่เราไม่พึงประสงค์ เกิดขึ้นกับชีวิตของเรา  ทันทีคำถามผุดขึ้นในห้วงความคิดและความรู้สึกของเรา  มักเริ่มต้นคำถามว่า “ทำไม?”  

ทำไมเขาถึงเดินออกไปจากชีวิตของฉัน?
ทำไมเพื่อนคนนี้ถึงไม่รักษาคำมั่นสัญญา?
ทำไมฉันจึงต้องเจ็บปวดซ้ำซาก?
ทำไมคนที่ฉันรักถึงต้องมาตายจากไปในเวลาที่ไม่สมควร?
ทำไมฉันต้องตกงาน?
ทำไมฉันต้องเป็นมะเร็ง?   ทำไมต้องเป็นฉัน?   ทำไมไม่เป็นคนอื่น?
ทำไม?  ทำไม?  ทำไม?

แล้วคำตอบที่เรามักจะได้รับคือ  “ไม่มีคำตอบ”   “ไม่รู้สิ”

โยบ...ถามพระเจ้าแรงกว่าเราครับ   ทำไมพระเจ้าให้เขามีชีวิตแต่ชีวิตนี้ต้องทนกับความระทมทุกข์ (โยบ 3:20)  ดูจะเป็นธรรมชาติในความเป็นมนุษย์ที่ตั้งคำถามว่า “ทำไม”   และเราท่านต่างถามคำถามนี้บ่อย ๆ ทั้งที่รู้ตัวและที่ไม่รู้ตัว   ด้วยความเป็นมนุษย์ผมขอถามคำถามต่อไปว่า 

“ทำไมมนุษย์ถึงมักถามคำถามว่าทำไม?”

เป็นไปได้ไหมว่า   เพราะเรามีความคิดและเข้าใจที่ผิดพลาดว่า  
“ความรู้จะแก้ปัญหาทุกอย่างได้”  
เราถามว่า “ทำไม” เหมือนกับว่า  
ถ้าเราได้คำตอบว่าทำไมเราถึงเป็นเช่นนี้   เราจะแก้ปัญหาที่เรากำลังเผชิญอยู่ในเวลานี้ได้  
เราเข้าใจผิดว่าถ้าเรามีคำตอบในเรื่องนั้น ๆ เราจะแก้สภาวะที่เราไม่พึงประสงค์นั้นได้  
เราคิดผิดไปว่าเราสามารถแก้ปัญหาทุกปัญหาได้    เพียงถ้าเรามีคำตอบว่าทำไม

แต่ในความเป็นจริง   เราไม่สามารถแก้ไขทุกสิ่งได้   แม้แต่นิสัยของเราเองบางอย่างเรายังไม่สามารถจัดการแก้ไขได้เลย    แล้วเราจะไปเปลี่ยน  ความคิด  จิตใจ  และชีวิตที่เกี่ยวข้องกับคนอื่น ๆ ได้อย่างไร   แล้วเราจะไปควบคุมกำกับกระแสต่าง ๆ ในสังคมได้อย่างไร?   ตกลงเป็นอันว่า ถึงเราจะได้คำตอบแต่ในหลาย ๆ ครั้งเราก็ยังไม่สามารถที่จะจัดการแก้ปัญหาเหล่านั้นที่เราประสบได้เลย

ในฐานะที่เราเป็นคริสตชน   เรารู้ว่าการเรียนรู้ของมนุษย์เกิดขึ้นได้สองแนวทางใหญ่ ๆ คือ  

แนวทางแรกเกิดจากการค้นหา  ทดลอง  และการแสวงหาคำตอบของเรา   เราใช้สติปัญญา  เราใช้ความคิดตรรกะเหตุผลในการค้นหาเพื่อที่จะเรียนรู้

ในอีกด้านหนึ่ง   มีหลายเรื่องในชีวิตที่เราไม่สามารถค้นหาเรียนรู้จากวิธีการที่กล่าวข้างต้น     แต่ต้องอาศัยการทรงเปิดเผยจากพระเจ้า   ถึงพระราชกิจที่ทรงกระทำในชีวิตมนุษย์และในสังคมโลก    พระราชกิจเหล่านี้พระองค์ทรงกระทำตามพระประสงค์ของพระองค์     มิใช่เพื่อตอบสนองความอยากรู้อยากเห็น  หรือ ตามความต้องการรู้ของมนุษย์   ดังนั้น   การเรียนรู้จากการทรงเปิดเผยถึงพระประสงค์ของพระเจ้าจะค่อย ๆ ช่วยเราให้เข้าใจสถานการณ์ชีวิตแต่ละครั้งที่เกิดขึ้นกับเรา

ในภาวะวิกฤติต่าง ๆ ในชีวิตที่เราเผชิญอยู่   เราจะรับมือกับความทุกข์ยากเหล่านั้นได้อย่างไรคงไม่ได้ขึ้นอยู่ที่ว่าเราได้คำตอบว่า “ทำไม” ถึงเกิดขึ้นแก่เรา

แต่สิ่งที่เราต้องการคือ  “กำลัง” และ “การหนุนช่วย”    สิ่งนี้ต่างหากที่จะช่วยให้เราสามารถรับมือและจัดการกับวิกฤตินั้นด้วยความอดทนและจิตใจที่มั่นคง

พระเจ้าทรงเปิดเผยแผนการและพระราชกิจของพระองค์ผ่านทางธรรมชาติที่พระองค์ทรงสร้าง   ผ่านพระวจนะที่บันทึกถึงพระราชกิจ   พระประสงค์และน้ำพระทัยของพระองค์   และพระองค์ทรงเปิดเผยและสำแดงพระองค์ผ่านสถานการณ์ต่าง ๆ ในชีวิตของแต่ละคน   และสถานการณ์ของสังคมโลกด้วย

การทรงเปิดเผยของพระเจ้าในแต่ละสถานการณ์ชีวิต   เราต้องเข้าใจว่า  

ประการแรก  การที่เราตกอยู่ในสถานการณ์ชีวิตที่คับขันยากลำบากนั้น   มิใช่เพราะพระเจ้าต้องการให้เราประสบความทุกข์ยากลำบากในชีวิต   แต่ในหลาย ๆ สถานการณ์เกิดจากผลการตัดสินใจเลือก และ การกระทำของมนุษย์คนนั้นเอง

ประการที่สอง  สภาวะแวดล้อมที่เป็นต้นเหตุให้ชีวิตของเราต้องตกในสภาพที่ทุกข์ยากหรือเสี่ยงตาย   ในภาวะเช่นนี้เราจึงหวังพึ่งในการนำของพระเจ้าให้เป็นไปตามพระประสงค์ของพระองค์สำหรับชีวิตของเรา   สิ่งที่เราทูลขอคงมิใช่ขอพระเจ้าช่วยให้เรารู้ว่าจะทรงนำเราไปในทางไหน  ถึงแม้ว่าเรารู้แล้วเราก็จัดการตนเองไม่ได้อยู่ดี   แต่เราทูลขอให้เรามีกำลังและความอดทนในการรอคอย และมีจิตใจที่ไว้วางใจในการทรงนำ และยอมทำตาม

ประการที่สาม  ในการทรงนำแต่ละก้าวย่างในวิกฤตินั้นเองที่เป็นการทรงเปิดเผยถึงน้ำพระทัยและพระประสงค์ของพระเจ้าในชีวิตของเราในเรื่องนั้น   เราได้เรียนรู้พระประสงค์ของพระเจ้าในชีวิตเรา   เราได้รับการทรงสร้างใหม่จากการใช้ชีวิตที่ก้าวย่างออกจากพลังอำนาจชั่วที่ทำให้เราตกอยู่ใต้วิกฤติ   เราได้เรียนรู้และเติบโตขึ้นในการดำเนินชีวิต   โดยเฉพาะอย่างยิ่งการดำเนินชีวิตในวิถีแห่งพระประสงค์ของพระเจ้า  

สิ่งเหล่านี้เองที่ทำให้เราเห็นถึงพระประสงค์ และ ชีวิตของเราชัดเจนมากยิ่งขึ้น   และทำให้เข้มแข็งเติบโตขึ้นในชีวิตที่เป็นสาวกของพระคริสต์
เพราะ​ว่า​บัดนี้​เรา​เห็น​สลัว ๆ เหมือน​ดู​ใน​กระจก
แต่​เวลา​นั้น​จะ​ได้​เห็น​พระ​พักตร์​ชัดเจน
เดี๋ยวนี้​ความ​รู้​ของ​ข้าพเจ้า​ไม่​สมบูรณ์
เวลา​นั้น​ข้าพเจ้า​จะ​รู้​แจ้ง​เหมือน​พระ​องค์​ทรง​รู้จัก​ข้าพเจ้า
(1โครินธ์ 13:12 มตฐ.)

ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย  สันทราย  เชียงใหม่
E-mail: prasit.barnabus@gmail.com
081-2894499

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น