วันนี้เราสามารถ “เดินบนคลื่นลมทะเล”
ไปหาพระเยซูได้ดังนี้
(1) ให้เรามุ่งมองที่พระเยซูคริสต์
อะไรที่ทำให้เปโตรกล้าและมั่นใจเดินไปบนคลื่นทะเล
ความกล้าและความมั่นใจของเปโตรมาจากคำตรัสของพระเยซูคริสต์ เปโตรจึงทูลตอบพระองค์ว่า
“องค์พระผู้เป็นเจ้า ถ้าเป็นพระองค์แน่แล้ว
ขอตรัสให้ข้าพระองค์เดินบนน้ำไปหาพระองค์” พระองค์ตรัสว่า “มาเถิด”
เปโตรจึงลงจากเรือเดินบนน้ำไปหาพระเยซู (มัทธิว 14:28-29 มตฐ.) เปโตรขอความกล้าและความมั่นใจจากพระเยซู
“ขอตรัสให้ข้าพระองค์เดินบนน้ำไปหาพระองค์”
พระองค์ตรัสว่า “มาเถิด”
แล้วอะไรล่ะที่ทำให้เปโตรเกิดความกลัวและเกือบจมน้ำทะเล สาเหตุก็เพราะว่า
เปโตรเปลี่ยนจากการมุ่งมองที่พระเยซูไปมุ่งมองที่คลื่นลมที่โหมแรงรอบตัวเขา “แต่เมื่อเขาเห็นลมพัดแรงก็กลัว
และเมื่อกำลังจะจมก็ร้องว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้า
ช่วยข้าพระองค์ด้วย” (ข้อ 30) หลายคนคงคิดในใจว่า เปโตรน่าจะมุ่งมองที่พระเยซูให้นานกว่านี้ เขาคงเดินบนคลื่นลมทะไปได้นานและไกลกว่านี้แน่
(2) ให้เราไว้วางใจฤทธิ์อำนาจของพระองค์
เมื่อเปโตรกำลังจะจมลงเขาร้องว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้า
ช่วยข้าพระองค์ด้วย” (ข้อ 29) พระเยซูจึงเอื้อมพระหัตถ์จับเขาไว้ทันที
แล้วตรัสว่า “ช่างมีความเชื่อน้อย ท่านสงสัยทำไม?
(ข้อ 31) ในเวลาที่พระเยซูยื่นมือมาคว้ามือเขาไว้ เขารู้ทันทีว่า ทุกอย่างจะปลอดภัยสำหรับเขา ในเวลาที่เปโตรไว้วางใจในฤทธิ์อำนาจของพระเยซูคริสต์
เขาสามารถที่ยื่นมือไปที่พระเยซูคริสต์แล้วยึดมือของพระองค์ไว้แน่น เช่นกัน...ในชีวิตประจำวันของเรา ในเวลาที่เราเผชิญกับวิกฤติในชีวิต เราสามารถที่จะยื่นมือของเราออกไปให้พระเยซูคริสต์คว้ามือของเรา แล้วให้เราเกาะยึดมือของพระองค์ไว้ให้มั่น... แล้วพระคริสต์จะช่วยให้ท่านไม่ต้อง “จมลง”
ในวิกฤตินั้น
(3) จากนั้นให้ก้าวเดินต่อไป
อะไรจะเกิดขึ้นถ้าเปโตรเกิดความลังเลใจ?
อะไรจะเกิดขึ้นถ้าเปโตรไม่ทูลขอให้พระเยซูสั่งให้เขาเดินบนคลื่นทะเลไปหาพระองค์?
โดยปกติในสถานการณ์เช่นนี้ เปโตรจะไม่ลงจากเรือด้วยตัวของเขาเอง
หรือถ้าเขากำลังจมลงในน้ำทะเลเขาต้องพยายามหาทางช่วยตนเองที่จะหาอะไรเกาะไม่ให้จมลงก้นทะเล
แต่เพราะเขาเชื่อและไว้วางใจ เขาจึงก้าวลงจากเรือ แล้วเดินบนคลื่นลมทะเลได้ แต่เมื่อเขาวอกแวกเขากำลังจะจมลง
เขาร้องให้พระเยซูช่วยเขา พระองค์คว้าเปโตรไว้
เขาสามารถเดินบนคลื่นลมทะเลอีกครั้งหนึ่ง
เขาเดินบนคลื่นลมทะเลต่อไปจนถึงพระองค์
บนเส้นทางชีวิตประจำวันของเรา
แม้ว่าบางครั้งเราอาจจะเกือบจมลงในมรสุมชีวิต เมื่อเราร้องให้พระคริสต์ช่วย และเมื่อพระองค์คว้ามือเราไว้
เราก็สามารถเดินต่อบนวิถีวิกฤติชีวิตนั้นต่อไป จนถึงพระเยซูคริสต์ บนวิกฤติในชีวิตประจำวันของเรา เรามีเวลาที่จะ “ขาดความเชื่อ” หรือ
“ความเชื่อถดถอยลดน้อยลง” ได้
แต่พระเยซูคริสต์ไม่เคยละทิ้งเรา “เคียงข้าง และ คว้า” เราทันเวลาเสมอ
เราเชื่อว่าพระองค์ทรงมีฤทธิ์อำนาจเหนือวิกฤติและสถานการณ์ที่สุดเลวร้ายในชีวิตของเราหรือไม่? ท่านไว้วางใจในการทรง “เคียงข้าง”
และพร้อมที่จะ “คว้า” ท่านไว้ในทุกวิกฤติชีวิตหรือไม่?
(4) ไปถึงเป้าหมาย
เปาโลได้เป็นพยานชีวิตแก่เราว่า “พี่น้องทั้งหลาย
ข้าพเจ้าไม่ถือว่าข้าพเจ้าฉวยไว้ได้แล้ว แต่ข้าพเจ้าทำอย่างหนึ่ง
คือลืมสิ่งที่ผ่านพ้นมา แล้วโน้มตัวไปยังสิ่งที่อยู่เบื้องหน้า
และข้าพเจ้าบากบั่นมุ่งไปสู่หลักชัย
เพื่อจะได้รับรางวัลคือการทรงเรียกแห่งเบื้องบนซึ่งมีในพระเยซูคริสต์”
(ฟิลิปปี 3:13-14 มตฐ.) เปาโลรู้ดีว่า
เขาไม่สามารถไปให้ถึงหลักชัยด้วยความสามารถของเขาเอง แต่ที่เขามุ่งไปข้างหน้าได้เพราะ พระคริสต์ทรงเป็นและอยู่ที่หลักชัย และทรงเรียกเราให้ไปถึงหลักชัยนั้น เราก็เช่นกัน
เราไม่สามารถไปให้ถึงเป้าหมายชีวิตด้วยความสามารถของตนเองได้ แต่พระคริสต์ทรงเป็นหลักชัย และ
ทรงเรียกเราให้วิ่งไปสู่หลักชัยนั้น
ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในชีวิตของเรา
พระองค์ทรงอยู่ข้างหน้าเรา และ เคียงข้างเรา
และพร้อมเสมอที่จะคว้ามือของเราไว้เมื่อวิกฤติถาโถมชีวิตของเรา
(5) คว้ามือพระคริสต์ไว้
วันนี้
ในการดำเนินชีวิตประจำวันของเราทุกเรื่องทุกขณะ ให้เรามุ่งมองไปที่พระคริสต์ ไม่ใช่มุ่งมองไปที่ปัญหา อย่ามุ่งมองคลื่นและลมในทะเลชีวิต แต่ให้เรา “...จับตามองที่พระเยซูผู้เบิกทางความเชื่อ
และผู้ทรงทำให้ความเชื่อนั้นสมบูรณ์ พระองค์ทรงสู้ทนต่อกางเขน
เพื่อความยินดีที่อยู่ต่อหน้าพระองค์
ทรงถือว่าความอับอายนั้นไม่เป็นสิ่งสำคัญ และพระองค์ประทับเบื้องขวาพระที่นั่งของพระเจ้า”
(ฮีบรู 12:2 มตฐ.)
ถ้าเราไม่มุ่งมองที่พระคริสต์ เราจะคว้ามือของใครบางคนที่เรามุ่งมอง ที่เราไม่สามารถมั่นใจว่าเขาจะยึดมือของเราไว้แน่นหรือไม่? ให้เรามุ่งมองที่พระคริสต์ ที่พระองค์พร้อมที่จะคว้ามือของเราไว้
เพื่อที่จะช่วยให้เราไม่จมลงในคลื่นลมทะเลแห่งวิกฤติในชีวิต
และจับมือของเราให้สามารถเดินต่อไปบนทะเลที่บ้าคลั่งนั้น จนไปถึงพระองค์
วันนี้
การที่เราจะมุ่งเดินไปอย่างไม่สะดุด เราจะต้องมุ่งมองที่พระคริสต์ และมองที่พระองค์เท่านั้น เราต้องไว้วางใจในฤทธิ์อำนาจของพระองค์
เราต้องมุ่งเดินต่อไปข้างหน้า เพื่อเราจะไปถึงหลักชัยคือแผ่นดินของพระเจ้า
และที่สำคัญคือเราต้องเกาะกุมยึดมั่นพระหัตถ์ของพระคริสต์ไว้อย่างไม่ยอมปล่อยเลยทีเดียว
ประสิทธิ์
แซ่ตั้ง
Prasit.emmaus@gmail.com; 081 289
4499
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น