27 เมษายน 2561

ข่าวดีสำหรับผู้นำ “ที่หยุดนำ”

ผู้นำที่ “หยุดนำ” สามารถกลับมานำใหม่ได้ครับ!

ในตอนก่อนเราได้แบ่งปันถึงสาเหตุที่ทำให้ผู้นำ “หยุดนำ” หรือ “ไม่นำ” ในองค์กร หรือ คริสตจักร   และเราแบ่งปันกันอีกว่า   เหตุผลประการหลักที่ผู้นำ “หยุดนำ” หรือ “ไม่นำ”  คือ ความท้อแท้หมดกำลังใจ

บางท่านคิดว่า เมื่อผู้นำ “หยุดนำ” หรือ “ไม่นำ”  คือสัญญาณจุดจบของการเป็นผู้นำหรือเปล่า?
ข่าวดีครับ...   ผู้นำที่ “หยุดนำ” สามารถกลับมานำใหม่ได้ครับ!
คำถามคือ   แล้วจะเริ่มนำใหม่ได้อย่างไร?

1.   ผู้นำครับ...เลี้ยงดู ใส่ใจจิตวิญญาณของตนเองก่อนครับ!

ท่านอาจจำเป็นที่ต้องมีเวลาพักผ่อน  มีที่ปรึกษาที่กอปรด้วยสติปัญญาจากเบี้องบน  และที่สำคัญคือตัวผู้นำเองจะต้องอธิษฐานด้วยความจริงใจอย่างต่อเนื่อง และ อีกสิ่งหนึ่งคือผู้นำจะต้องกลับมาตรวจสอบถึงอารมณ์ จิตวิญญาณของตนว่าเป็นอย่างไร  เพื่อที่ตนจะรู้เท่าทันตนเอง  

ท่านอาจจะจำเป็นหาวันใดวันหนึ่งทั้งวันที่ท่านจะมีเวลาอยู่กับพระเจ้าตัวต่อตัว   เพื่อท่านจะแสวงหาทางที่จะกลับคืนเข้าสู่วิถีชีวิตแห่งการทรงเรียกของท่าน    บางครั้งบางท่านอาจจะจำเป็นหรือต้องการสติปัญญาและกำลังใจจากเพื่อนสนิท  อย่างไรก็ตาม  บางครั้งท่านอาจจำเป็นที่จะต้องขุดค้นลงลึก หรือ ต้องทุ่มเทชีวิตเพื่อให้จิตใจของท่านกลับฟื้นคืนดีสู่เส้นทางการทรงเรียกอีกครั้งหนึ่ง   อย่าลังเลใจที่จะทุ่มเทชีวิตของท่านเพื่อการนี้

2.   พลิกฟื้นคืนดีการทรงเรียกของท่าน

ท่านไม่ควรมีการตัดสินใจใด ๆ เกี่ยวกับการทรงเรียกของพระเจ้าในชีวิตของท่าน  จนกว่าชีวิตจิตวิญญาณของท่านได้รับการพลิกฟื้นคืนดีกับพระเจ้าก่อน   เพื่อท่านจะมีมุมมองในชีวิต และ ความนึกคิดต่อพระประสงค์ของพระเจ้าที่ถูกต้อง  

จากนั้นใช้เวลาในการสะท้อนคิดถึงการทรงเรียกในชีวิตของท่าน...   พระเจ้าตรัสอะไรกับท่านบ้าง?   การทรงเรียกนั้นเปลี่ยนแปลงหรือไม่?   ท่านเชื่อหรือไม่ว่า การทรงเรียกของพระเจ้าให้ท่านรับใช้พระองค์มีมากกว่านี้?  ดูเหมือนว่า พระเจ้าไม่ได้เปลี่ยนความคิดของพระองค์   และพระองค์ยังมีพันธกิจที่มีความหมายที่ให้ท่านรับใช้พระองค์หรือไม่?   การแสวงหาน้ำพระทัยของพระเจ้าเป็นเรื่องที่สำคัญยิ่งต่อภาวะผู้นำในตัวท่าน  พระเจ้ามีพระประสงค์อะไรในชีวิตของท่าน?   แล้วท่านละ  ท่านต้องการอะไรในชีวิตของท่าน?

3.   รู้จักคนที่จะเคียงข้างท่าน

ไม่มีใครถูกกำหนดให้ชีวิตต้องจาริกไปตัวคนเดียว และ รับผิดชอบในการนำไปอย่างโดดเดี่ยวด้วยตนเอง

เป็นเรื่องธรรมชาติปกติที่คนเราจำเป็นต้องมีเพื่อนสนิทบางคนที่ตนเองไว้วางใจได้ และ วางแผนงานพันธกิจด้วยกันได้   ถ้าคริสตจักรของท่านเป็นคริสตจักรขนาดเล็ก   ท่านอาจจะเริ่มมีเพื่อนสนิทคนหนึ่ง  แต่ให้อธิษฐานและมองหาคนต่อ ๆ ไปด้วย   ไม่จำเป็นต้องเป็นกลุ่มเพื่อนสนิทที่ใหญ่โต   และที่ท่านกำลังแสวงหานี้ท่านแสวงหาเพื่อนสนิท  มากกว่าการแสวงหาคนที่เป็นผู้นำ


4.   ชัดเจนในเรื่องที่ท่านนำ

ในการนำท่านไม่จำเป็นที่จะต้องมีความคิดริเริ่มใหม่ ๆ มากมายอะไร   แต่สิ่งหนึ่งที่ผู้นำคริสตจักรจำเป็นจะต้องทำคือ  เราต้องกล้าก้าวไปล่วงหน้า “หนึ่งก้าว” ก่อนคริสตจักร หรือ คนอื่นในองค์กร  เช่น การเริ่มพันธกิจใหม่ของคริสตจักร หรืออาจจะเป็น “การยกเครื่อง” พันธกิจคริสตจักรใหม่ทั้งหมด   อาจจะเป็นการสร้างอาคารใหม่ของคริสตจักร   หรือ อาจจะเป็นความคิดใหม่ ๆ เกี่ยวกับการนมัสการในคริสตจักร และ ฯลฯ   ประเด็นในที่นี้คือ  ท่านกำลังนำในเรื่องอะไร?   ท่านกำลังก้าวไปสู่ทิศทางไหน?  ในฐานะผู้นำ  ท่านจะต้องมีความชัดเจนสิ่งที่ท่านนำ และ จะนำไปสู่ทิศทางใด?

5.   เริ่มต้นด้วยสิ่งเล็ก ๆ ที่รู้ว่าจะสำเร็จ

บ่อยครั้งที่ผู้นำไม่เห็น หรือ มองข้ามความสามารถ หรือ ศักยภาพ ที่คริสตจักร/องค์กรมีอยู่ (แม้จะเล็กน้อย หรือ ธรรมดา) ว่ามีคุณค่า การที่ผู้คนจะเห็นคุณค่าความสามารถ และ ศักยภาพที่เล็กน้อยธรรมดาเหล่านั้นก็ต่อเมื่อมีผู้กระตุ้นในชุมชนคริสตจักร หรือ องค์กรได้ใช้สิ่งเล็กน้อยและธรรมดาเหล่านั้นมาทำให้เกิดผลและเป็นประโยชน์ก่อน   ทั้งผู้นำและคนในคริสตจักรก็จะกลับมาเห็นคุณค่าของศักยภาพ และ ความสามารถที่ธรรมดาและน้อยนิดเหล่านั้น

ดังนั้นในการเริ่มต้น  ผู้นำสามารถเริ่มต้นจากเป้าหมายเล็ก ๆ ที่เป็นความจำเป็นต้องการของคนในคริสตจักร และ/หรือ คนในชุมชน  ที่ผู้นำและสมาชิกนำเอาความสามารถ หรือ ศักยภาพที่มีอยู่แล้วมาทำให้เป้าหมายสำเร็จเกิดผลตามความต้องการ   ในกระบวนการนี้ให้สมาชิกเข้ามามีส่วนร่วมด้วย  (มิใช่ผู้นำทำเอง/ทำแทนสมาชิก)   ทั้งนี้เพื่อทั้งผู้นำและทีมงานพันธกิจจะเกิดการเรียนรู้  และได้รับกำลังใจจากชัยชนะครั้งแรกที่เล็กแต่สำเร็จและสำคัญ   ที่จะนำไปสู่การคิด พิจารณา วางแผน และก้าวเดินงานพันธกิจต่อไปที่สำคัญและใหญ่ขึ้น

ศักยภาพ และ ความสามารถที่ธรรมดาและเล็กน้อยเหล่านี้   มิใช่เพียงชัยชนะเล็ก ๆ ที่เกิดขึ้น   แต่เป็นประกายไฟที่จุดตะเกียงที่จะส่องค้นพบตนเองของผู้นำและคริสตจักรหรือองค์กรในความมืดมิดที่ผ่านมา

ชัยชนะที่ธรรมดาเล็กน้อยนี้เป็นเหมือนเมล็ดผักกาดที่พระเยซูคริสต์เปรียบเทียบ   เมื่อหว่านลงไปในดินแล้วก็จะงอก เติบใหญ่ เกิดดอกออกผล   และขยายพันธุ์ต่อไป   และนี่คือการทำพันธกิจ   และนี่คือลักษณะของแผ่นดินของพระเจ้าที่พระคริสต์อธิบายไว้

ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย  สันทราย  เชียงใหม่
E-mail: prasit.emmaus@gmail.com; 081-2894499

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น