แต่คาเลบได้ให้ประชาชนเงียบต่อหน้าโมเสสแล้วกล่าวว่า
“ให้เราขึ้นไปทันทีและยึดแผ่นดินนั้น เพราะเราจะชนะแน่นอน”
แต่คนทั้งหลายที่เข้าไปสอดแนมด้วยกล่าวว่า “เราไม่สามารถเข้าไปและชนะคนเหล่านั้นได้
เพราะพวกเขามีกำลังมากกว่าเรา” (กันดารวิถี 13:30-31 มตฐ.)
จากเหตุการณ์ข้างต้น เป็นไปได้อย่างไรที่คนไปดูและเห็นในเหตุการณ์เดียวกันแต่มีความเห็นที่แตกต่างกันจากหน้ามือเป็นหลังมือ?
ทั้งนี้เพราะคนสองกลุ่มนี้มีมุมมอง และ
การรับรู้ที่แตกต่างกัน คนที่มีมุมมองที่สร้างสรรค์
มองในมุมที่บวกเป็นรากฐานทางจิตสำนึก เป็นก้าวแรกที่นำไปสู่การเป็นผู้นำที่มีประสิทธิภาพ
และผู้นำที่จะประสบความสำเร็จจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องวางรากฐานภาวะผู้นำในขั้นนี้ไว้ให้มั่นคงอย่างขาดไม่ได้เลย
แล้วมุมมองที่ว่านี้ต้องเป็นมุมมองแบบไหน
อย่างไร?
จากคำพูดและพฤติกรรมของโยชูวาและคาเลบ
เราสามารถสกัดสัจจะความจริงเกี่ยวกับความสำคัญของมุมมอง และ
ความสามารถในการรับรู้ได้ดังนี้
1) มุมมองของเราคือตัวกำหนด ท่าที และ
วิธีการการจัดการ/กระทำในแต่ละเรื่องในชีวิตของเรา
2) มุมมองของเราคือตัวกำหนดความสัมพันธ์ที่เรามีกับผู้อื่น
3) มุมมองที่แตกต่างนำมาไปถึงซึ่งความสำเร็จ
หรือ ล้มเหลว
4) มุมมองของเราย่อมมีผลต่อผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นจากการทำงานในแต่ละงาน มากกว่าสาเหตุหรือเงื่อนไขอื่นใด
5) มุมมองของเรามีพลังที่จะเปลี่ยนปัญหาให้เป็นพระพร
แต่ทั้งหมดทั้งสิ้นที่กล่าวมานี้
มุมมองของเราโดยลำพังไม่สามารถมีพลังได้อย่างที่กล่าวข้างต้น
ถ้ามุมมองนั้นไม่ใช่มุมมองที่มาจากพระเจ้าสำหรับเรา
ดังนั้น สำหรับคริสตชนแล้ว นอกจากพลังจากมุมมองเชิงบวกแล้ว
มุมมองนั้นต้องเป็นมุมมองที่ได้รับการทรงเปิดเผยชี้นำจากพระเจ้าด้วย
ประสิทธิ์
แซ่ตั้ง
Prasit.emmaus@g,ail.com; 081 289
4499
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น