16 พฤษภาคม 2561

ชีวิตที่น่ายกย่อง... แต่หลงทาง?


เรื่องราวของเศรษฐีหนุ่มที่มาหาพระเยซูเพื่อแสวงหา “คำยืนยัน” จากพระเยซูว่า เขาจะได้รับชีวิตนิรันดร์   ที่ว่าเช่นนี้เพราะ  เขาเชื่อมั่นว่าการดำเนินชีวิตของเขาตามธรรมบัญญัติของยิว  เขาจะได้รับชีวิตนิรันดร์อย่างแน่นอน  และเขาต้องการให้พระเยซูคริสต์ยืนยันต่อหน้ามหาชนว่า ชีวิตของเขาจะได้ชีวิตนิรันดร์

แต่ภายหลังจากการที่เขาได้สนทนากับพระเยซูคริสต์ต่อหน้ามหาชน  เรากลับเห็นความจริงว่า  เศรษฐีหนุ่มคนนี้เป็นคนที่มีชีวิต “ที่น่ายกย่องสรรเสริญ   แต่ขอโทษครับ...ชีวิตกำลังหลงทาง” 

พระเยซูคริสต์ทรงรักเศรษฐีหนุ่มคนนี้   ดังนั้น กระบวนการที่พระองค์พูดคุยกับเขา  พระองค์ต้องการช่วยให้เขาเผชิญหน้ากับความเป็นจริงที่เป็นอยู่ในชีวิตของเขา   และต้องการให้เขาตัดสินใจเลือกเมื่อเขาเผชิญหน้ากับความจริงในชีวิต

ขอตั้งข้อสังเกตว่า   เรื่องเศรษฐีหนุ่มในพระกิตติคุณสัมพันธ์ทั้ง 3 ฉบับ   พระเยซูคริสต์เริ่มต้นจากสิ่งที่เขาได้กระทำในชีวิตของเขา   ซึ่งเป็นเรื่องในพระมหาบัญญัติประการที่สองคือ รักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง  (ซึ่งตามความหมายของยิวในเวลานั้น “เพื่อนบ้าน” มักหมายถึง คนใกล้ชิด คนสนิท คนที่เขามีความสัมพันธ์ด้วย)  และพระเยซูคริสต์ทรงชื่นชมเขาในส่วนที่เขาทำตามพระมหาบัญญัติในข้อที่สอง 

จากนั้น   พระเยซูคริสต์ชี้นำเขาให้ก้าวลงลึกในตัวตนและความเชื่อศรัทธาของเขาเองอีกขั้นหนึ่ง

พระเยซูคริสต์บอกกับเศรษฐีหนุ่มคนนี้ว่า “แต่ท่านยังขาดอยู่สิ่งหนึ่ง  จงไปขายสิ่งของทั้งหมดที่ท่านมีอยู่...” (ลูกา 18:23;  มัทธิว 19:21; มาระโก 10:20)   พระเยซูนำให้เขามาเผชิญหน้ากับตัวตน และ ความเชื่อที่แท้จริงของเขา   ขั้นตอนนี้ พระเยซูคริสต์ท้าชวนให้เศรษฐีหนุ่มตรวจสอบชีวิตและความเชื่อของตนว่า  เขารักพระเจ้าด้วยสุดจิตสุดใจ สิ้นสุดความคิด สิ้นสุดกำลังความสามารถของเขาหรือไม่  ซึ่งเป็นพระมหาบัญญัติข้อที่ 1

พระเยซูคริสต์ได้โค้ชชิ่งเศรษฐีหนุ่มค้นให้พบตนเอง และ โค้ชเขาเพื่อเขาจะตัดสินใจในชีวิตของเขา

พระมหาบัญญัติที่ให้รักพระเจ้าด้วยสุดจิตสุดใจและสิ้นสุดความคิด และ กำลังทั้งสิ้น  มักถูกตีความและเข้าใจคลาดเคลื่อนจากผู้เชื่อในพระเจ้า   เรามักจะคิดว่าคือการที่เราเข้าร่วมและประกอบศาสนพิธีต่าง ๆ ตามกำหนด   ถ้าเป็นคริสตชนปัจจุบัน คงจะมุ่งเน้นที่มาร่วมนมัสการในวันอาทิตย์   การถวายสิบลด  การทำพันธกิจที่คริสตจักรกำหนด หรือ จัดขึ้น   การอธิษฐานส่วนตัว   การอ่านพระคัมภีร์...

แต่ในที่นี้ พระคริสต์ท้าชวนเศรษฐีหนุ่มให้ตรวจสอบตนเองว่า   เขามีพระเจ้าเป็นผู้ที่สูงสุดและสำคัญที่สุดในชีวิตจริงหรือ?   ระหว่างทรัพย์สิ่งของทั้งหมดที่เขามีมากมายในชีวิตสำคัญกว่าพระเจ้า หรือ พระเจ้าสำคัญกว่าทรัพย์สินทั้งสิ้นที่เขามีอยู่   ในที่สุดเขาพบตัวตนที่แท้จริงของเขาคือ   พระเจ้าองค์แท้จริงของเขาในชีวิตคือทรัพย์สิ่งของเงินทองทั้งสิ้นที่เขามีอยู่   และนี่คือรูปเคารพของเศรษฐีหนุ่มในชีวิต   เขารู้แล้วว่าเขาต้องสลัดทิ้งสิ่งเหล่านี้   แล้วมีพระเจ้าเป็นผู้ที่สำคัญที่สุดยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิต  

แล้วเศรษฐีหนุ่มตัดสินใจเลือกอย่างไรครับ?

จากพฤติกรรมของเศรษฐีหนุ่ม  เขาตัดสินใจเดินออกจากวงสนทนาด้วยความทุกข์ใจ   แสดงว่า เขาเห็นด้วยกับการชี้แนะของพระเยซูคริสต์   เขามิได้คัดค้าน โต้แย้งความคิดเห็นของพระองค์   เขาเดินออกไปด้วยความทุกข์ใจเพราะเขามีทรัพย์สมบัติเป็นอันมาก   เขายังทิ้งรูปเคารพในชีวิตของเขาไม่ได้ครับ?   พระเจ้าไม่ได้เป็นเอกเป็นต้นเป็นผู้สำคัญที่สุดในชีวิตของเขาครับ?

ทุกวันนี้ คริสตชนของเราที่มีชีวิตที่ดีน่ายกย่องสรรเสริญอย่างเศรษฐีหนุ่มคนนี้   แต่ตัดสินใจยอมหลงทาง  ยังเดินไปในทางของตนเองมีไหมครับ?

คนที่รักเพื่อนบ้าน   คนที่ให้ด้วยใจกว้างขวาง   มิได้บ่งบอกชี้ชัดว่า เขารักพระเจ้าด้วยสุดจิตสุดใจ สิ้นสุดความคิด และสิ้นสุดกำลังทั้งสิ้นที่ตนมีอยู่ เสมอไป   แต่อาจจะให้เพราะมีความคาดหวังซ่อนเร้น   อาจจะให้เพราะมีผลประโยชน์ทับซ้อน   แต่พระเจ้าทรงรักคนนั้นที่ให้เพื่อนบ้านเพราะเขารักพระเจ้าด้วยสุดจิตสุดใจ

คงมิใช่การให้ด้วยเศษเสี้ยวสมบัติสิ่งของที่ตนมีอยู่แก่เพื่อนบ้าน “กลุ่มเป้าหมาย”   แต่ให้ทั้งชีวิตอย่างที่พระคริสต์ทรงให้ทั้งชีวิตอย่างไม่มีเงื่อนไข เพื่อคนทั้งหลายจะได้ชีวิตใหม่ครับ!

ทุกวันนี้เราคงต้องระวังตนเองครับ...   ระวังว่า...ตนเองจะเป็นคนที่น่ายกย่องนับถือที่หลงทางครับ?  

ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย  สันทราย  เชียงใหม่
E-mail: prasit.emmaus@gmail.com; 081-2894499

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น