ผู้นำที่ไม่นำ แต่ผลักดันให้สมาชิกทำ!
โค้ชคนหนึ่งได้บอกกับศิษยาภิบาลหนุ่มว่า
สมาชิกในคริสตจักรไม่อยากจะไปที่ไหนทั้งนั้น นอกจากศิษยาภิบาลเต็มใจไปและตัวศิษยาภิบาลเองต้องไปที่นั่นก่อน กล่าวอีกนัยหนึ่ง สมาชิกจะไปในที่ที่ศิษยาภิบาลไป ศิษยาภิบาลเป็นคนที่นำพวกเขาไปที่นั่น
(หมายความว่า แม้ศิษยาภิบาลบอกให้สมาชิกไป แต่ตัวศิษยาภิบาลไม่ไป สมาชิกก็ไม่เต็มใจที่จะไป)
ศิษยาภิบาลส่วนมากมีประสบการณ์ในการผลักดันให้สมาชิกทำพันธกิจด้านต่าง
ๆ ศิษยาภิบาลท่านหนึ่งแบ่งปันในกลุ่มจากประสบการณ์ว่า...
“ครั้งแรกเมื่อผมพยายามผลักดันให้สมาชิกกลุ่มหนึ่งเข้าไปมีส่วนทำพันธกิจคนที่อยู่ในความทุกข์ยากในชุมชน
(และในที่นี้รวมถึง พันธกิจในเรือนจำ
พันธกิจนักเรียนในโรงเรียน พันธกิจในบ้านพักคนชรา พันธกิจในการประกาศพระกิตติคุณ และ พันธกิจเด็กและเยาวชนในคริสตจักร พันธกิจด้านคริสเตียนศึกษา) ผมรู้สึกท้อแท้ใจ เพราะเมื่อผมผลักดันให้ทำพันธกิจใด ๆ
มันจะเคลื่อนไปเพียงนิดเดียวชั่วครั้งชั่วคราวแล้วก็เลิกทำ”
“ผมมาเรียนรู้ความจริงจากโค้ชศิษยาภิบาลว่า ถ้าจะให้พันธกิจใดขับเคลื่อนไปอย่างมีพลังและยืนยาวต่อเนื่อง สิ่งแรก
ตัวผมเองในฐานะศิษยาภิบาลจะต้องนำและทำให้พวกเขาเห็น พวกเขาถึงจะลงไปทำพันธกิจนั้น ๆ ไม่อย่างนั้น เขาก็ไม่ลงไปทำแน่นอน...”
การที่ศิษยาภิบาล/ผู้นำคริสตจักร
(ในที่นี้มิได้หมายถึงศิษยาภิบาลเท่านั้น แต่รวมถึงผู้ปกครอง มัคนายก และ
ผู้นำคริสตจักรต่าง ๆ ด้วย) พยายามผลักดันให้สมาชิกทำพันธกิจ
แต่ตนเองมิได้นำลงไปทำ และ ทำให้สมาชิกได้เห็นและเรียนรู้
นั่นเป็นศิษยาภิบาลที่เป็นพิษต่อชีวิตคริสตจักร เราควรเลิกในการผลักดันสมาชิกคริสตจักรในการทำพันธกิจ แต่ให้ทำหน้าที่นำและทำพันธกิจนั้นๆด้วยตนเองก่อน เพื่อนำคนอื่น และ ช่วยให้คนอื่นรู้ว่าจะทำอะไร
และทำอย่างไร แล้วค่อยหนุนเสริมจนมีสมาชิกเข้ามารับผิดชอบพันธกิจนั้นอย่างเต็มกำลังและต่อเนื่อง
ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย สันทราย เชียงใหม่
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น