ในฐานะพ่อแม่ หลายครั้งที่ผ่านมาในอดีต
เรามักพูดอะไรกับลูกโดยมิได้คิดไตร่ตรองรอบคอบก่อน แต่เมื่อมีโอกาสกลับมาทบทวนสะท้อนคิด ถึงกับต้องสะดุ้งตกใจว่า
ตอนนั้นเราพูดกับลูกเช่นนั้นไปได้อย่างไร?
มารู้สึกมาสำนึกได้ว่าคำพูดเช่นนั้นมันทำร้ายจิตใจของลูก มันสร้างบาดแผลลึก ๆ ในใจของลูก ทำลายความสัมพันธ์ที่มีต่อลูก
และที่สำคัญกว่านั้นคำพูดเหล่านั้นมันมีอิทธิพลที่หล่อหลอมกลายเป็นกรอบคิดกรอบเชื่อของลูกโดยเราไม่ตั้งใจ
และ ตัวลูกเองก็ไม่รู้ตัวด้วย เราต้องยอมรับว่า
เพราะคำพูดของเราที่พูดต่อลูกที่ผ่านมาในอดีตที่เป็นอิทธิพลทำให้ลูกเป็นคนอย่างที่เขาเป็นบางด้านในปัจจุบัน
(1) “ถ้าลูกทำตัวแบบนี้ อย่าหวังว่าจะได้อะไรจากพ่อแม่อีกเลย”
นอกจากเป็นการข่มขู่สร้างความกลัวแก่ลูกแล้ว ยังเป็นการสร้างกรอบคิดเรื่องการทำดีทำถูกต้องเป็นการต่อรอง
หรือ เพื่อแลกเปลี่ยนสิ่งที่ตนต้องการกับพ่อแม่
คำพูดของพ่อแม่ในทำนองนี้สร้างกรอบคิดผิด ๆ ในตัวลูก เช่น
ถ้าลูกต้องการอะไรก็ต้องทำตัวอย่างที่พ่อแม่ต้องการหรือพอใจ การทำดีมิใช่เป็นคุณธรรมหรือค่านิยมในตัวลูก แต่ที่ลูกทำดีก็เพื่อที่จะแลกเอาบางสิ่งบางอย่างที่ลูกต้องการในเวลานั้น
(2) การกล่าวโทษ
กล่าวร้ายแบบหว่านแห
เช่น
“ทุกวันนี้...ลูกไม่เคยทำสิ่งที่ดีอะไรเลย” หรือ
“ลูกเป็นคนที่ไม่เอาไหนเสมอ”
“ลูกนอนดึกตื่นสายเสมอ” คำพูดในทำนองนี้ของพ่อแม่สร้างกรอบคิดในตัวลูกว่าเป็นคนที่ไม่ดีเสมอตลอดเวลา สร้างความรู้สึกของลูกว่า
พ่อแม่ไม่เคยมองเห็นส่วนดีของเขาบ้างเลย
หรือไม่ก็คิดว่าพ่อแม่คอยจับผิดเขาอยู่เสมอ การพูดแบบนี้ซ้ำ ๆ บ่อย ๆ เป็นการทำลายความมั่นใจในคุณค่าตัวของลูก และถ้ามิได้รับการเยียวแก้ไขจนถึงวัยรุ่น หรือ
เป็นผู้ใหญ่
เป็นการเปิดช่องให้เขาคิดทำสิ่งที่เลวร้ายแรงมากขึ้น
โดยไม่สำนึกว่าจะเกิดสิ่งเลวร้ายที่รุนแรงมากขึ้น เช่น “ไหน ๆ เราก็ถูกมองว่าเป็นคนเลวแล้ว ถ้าจะทำความเลวมากขึ้นอีกครั้งจะเป็นไรไป?”
เป็นต้น
(3) คำกล่าวที่ตัดสินให้ร้ายแก่ลูก
คล้าย
ๆ กับประเด็นที่กล่าวมาก่อนนี้
แต่มีความเด่นชัดตัดสินลูกลงไปเลยว่า เป็นคนไม่ดี เป็นคนเลว “ลูกเป็นคนขี้เกียจหาตัวจับยาก” “ลูกเป็นนักเรียนที่แย่มาก”
“ทำไมลูกถึงทำตัวเป็นคนที่ไม่น่าคบตลอดเวลา” นอกจากที่จะสร้างภาพลักษณ์ ตัวตนของลูกในสายตาของลูกเองว่า เป็นคนเลวแล้ว ยังเป็นการทำร้ายจิตใจลูก และ
ทำลายความเชื่อมั่นในตนเอง
และทำลายความมีคุณค่าในตนเอง
หมดความภาคภูมิใจในตนเอง
ทำลายความกล้าในการแสดงออก
และสร้างความกลัวและความกังวลที่จะเป็นคนเปิดเผยในสังคม
(4) “เห็นไหม...เชื้อไม่ทิ้งแถว ขี้เกียจตัวขึ้นขนอย่างพ่อมันเลย”
นอกจากจะพูดตัดสินลูกแล้ว
ยังนำเอาพฤติกรรมของลูกไปเปรียบเทียบกับคนอื่นที่ลูกมีความสัมพันธ์ด้วย
และในบางกรณีใช้เรื่องลูกตีชิ่งกระทบอีกคนหนึ่ง อย่างประโยคข้างต้น
นอกจากกล่าวร้ายต่อลูกแล้วยังตีชิ่งถึงพ่อของลูกอีกด้วย นอกจากจะเป็นการทำร้ายทำลายจิตใจ ความรู้สึก
และ ความมั่นใจ ภูมิใจในตัวลูกแล้ว
ยังทำให้ลูก(คนนี้)มองพ่อในมุมมองลบอีกด้วย ซึ่งน่าจะมีผลต่อความสัมพันธ์ระหว่างพ่อกับลูกคู่นี้แน่นอน และในเวลาเดียวกัน การที่พูดร้ายเช่นนี้เป็นการทำลายความสัมพันธ์ระหว่างผู้พูดกับพ่อของเด็กด้วย
(5) “ทำไมลูกเป็นคนที่ไม่เคยทำอะไรถูกต้องสักเรื่อง”
คำพูดนี้ลูกคงรู้สึกว่า ตนเองถูกพ่อแม่เหยียบนอกจากแบนติดพื้นแล้ว
ยังถูกกระทบให้จมลงในดินอีกด้วย
ประโยคนี้พ่อแม่กำลังกล่าวหาว่าลูกเป็นคนที่ทำอะไรต่อมิอะไรผิดพลาดทุกเรื่องทุกเวลา นอกจากจะเป็นการทำร้ายทำลายจิตใจ ความเชื่อมั่นในตนเอง ความรู้สึกมีคุณค่าในตนเองแล้ว
ยังเป็นประโยคที่ตัดความสัมพันธ์กับลูกโดยไม่รู้ตัวและตั้งใจ เพราะลูกเกิดความรู้สึกว่า พ่อแม่มองตนอย่างลบ
ๆ และมองว่าตนไม่เคยทำสิ่งที่ถูกต้อง ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างลูกกับพ่อแม่จะเกิดช่องว่างที่ถ่างห่างออกไป
เมื่อลูกมีเรื่องอะไรในชีวิตก็ไม่คิดที่จะมาปรึกษาพ่อแม่ของเขาอีก เพราะเขาคิดว่าพ่อแม่ต้องจะมองเขาในแง่ลบแน่นอน เขาเริ่มไปฟังคำแนะนำจากเพื่อน จากรุ่นพี่
จากคนในแก๊งที่ตนอยู่ด้วย
เมื่อถึงเวลานั้นอะไรจะเกิดขึ้นครับ?
(6) “พ่อลำบากกับลูกมากแล้วนะ...ถ้าลูกไม่เกิดมาในบ้านนี้ก็จะดีกว่า”
ถ้าเป็นไฟฟ้าในบ้าน ก็เป็นเหมือนฟิวส์ขาด
แล้วไฟก็จะดับไปทั้งบ้าน
ประโยคนี้นอกจากจะเป็นการทำร้ายทำลายความรู้สึก ความมั่นใจ ความสัมพันธ์ และ
ความสำคัญในตนเองของลูกแล้ว
ยังเป็นเหมือนการไล่ให้ลูกออกจากบ้านโดยพ่อแม่ไม่ตั้งใจและรู้ตัว เพราะพ่อแม่บอกกับเขาว่า
“ถ้าไม่มีลูกในบ้านนี้ก็จะดีกว่า”
นอกจากเขาไม่มีคุณค่าอะไรเลยในชีวิตแล้ว
ยังเป็นเศษขยะชีวิตที่พ่อแม่ต้องการกวาดเขาให้ออกไปจากบ้าน(ในความรู้สึกของลูก)
และถ้าเกิดเรื่องความขัดแย้งขัดใจระหว่างลูกกับพ่อแม่อีกครั้ง โอกาสที่ลูกจะตัดสินใจหนีออกไปจากบ้านเกิดขึ้นได้เสมอ
ท่านครับ คำพูดที่พ่อแม่พูดกับลูกในเวลาที่ไม่พอใจ ต้องการให้ลูกเกิดการเปลี่ยนแปลงในชีวิต และพูดออกมาโดยขาดการยั้งคิดไตร่ตรอง มันมิใช่การพูดผิดพูดพลาดไปเท่านั้น มันเป็นเรื่องอนาคต
ความเป็นความตายในชีวิตของลูกครับ
เพราะสิ่งที่พ่อแม่พูดกับลูกต้องตระหนักชัดว่า เป็นคำพูดที่ “สร้างหรือทำลาย”
ลูกของเรานะครับ!
ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย สันทราย เชียงใหม่
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น