04 พฤศจิกายน 2562

หน้าที่ที่ผู้นำคริสตชนอาจจะลืม หรือ มองข้าม?

โดยปกติ...ผู้นำทุกคนต่างคาดหวังว่า ทีมงานทุกคนจะช่วยกันขับเคลื่อนงาน และ พันธกิจในองค์กรของตนให้ไปสู่เป้าหมาย และ วิสัยทัศน์ที่กำหนดไว้ และหน้าที่ประการหนึ่งของผู้นำคือ การช่วยและเสริมหนุนให้ทีมงานแต่ละคนรู้และทุ่มเทเพื่อขับเคลื่อนองค์กรให้บรรลุเป้าหมายตามวิสัยทัศน์ขององค์กร  

แต่ผู้นำคริสตชน มีหน้าที่และความรับผิดชอบต่อทีมงานแต่ละคนมากกว่านั้น! แล้วสิ่งนี้คืออะไร? ผู้นำคริสตชนได้ทำและรับผิดชอบในสิ่งนี้มากน้อยแค่ไหน? อย่างไร?

ทีมงานแต่ละคนในองค์กรของเรา เข้ามาร่วมทีมกับเรามิเพียงแต่ด้วยแรงงานและความรู้ที่เขามีเท่านั้น แต่ด้วยจิตใจ ความคิด และด้วยของประทานต่าง ๆ  ตะลันต์ความสามารถ และเวลาชีวิตของเขา พวกเขาแต่ละคนหนุนเสริมวิสัยทัศน์ของผู้นำ และในบางกรณียังทำให้วิสัยทัศน์ของผู้นำงอกงามชัดเจนขึ้น เมื่อทำงานไปได้ 2-3 ปีแล้วมีเพื่อนร่วมทีมที่เข้มแข็งคนหนึ่งมาบอกท่านว่า เขาจะต้องออกจากงานนี้ ในฐานะที่ท่านเป็นผู้นำของทีมงานนี้ท่านจะทำอย่างไร? ท่านจะตอบสนองอย่างไร? ท่านจะรับมือกับเรื่องนี้อย่างไร?  

ในฐานะผู้นำคริสตชน เราใคร่ครวญเสมอถึงอนาคตของงานที่ทำ ว่างานที่นำและทำอยู่นี้มุ่งไปสู่ทิศทางและเป้าหมายเดียวกันกับแผ่นดินของพระเจ้าหรือไม่? งานที่เรานำและทำสอดคล้องกับ “ภาพใหญ่” แห่งพระราชกิจของพระเจ้าหรือไม่? เราจะทำอย่างไรให้วิสัยทัศน์ที่พระเจ้าประทานแก่เราเจริญเติบโตงอกงามขึ้น? เราจะทุ่มเทลงทุนชีวิตของเราในทีมงานในงานที่พวกเขากำลังมุ่งไปได้อย่างไร? คำถามเหล่านี้สำคัญมากที่ผู้นำต้องใคร่ครวญเสมอ  โดยเฉพาะในประเด็นคำถามสุดท้ายเป็นประเด็นที่ผู้นำต้องสนใจมากเป็นพิเศษ

โดยเฉพาะคำถามประเด็นหลังที่ผู้นำจะต้องมีความรู้สึกไวต่อความจริงที่ว่าการสร้างวิสัยทัศน์ที่งอกงามเติบโตขึ้นนั้นหมายถึงการได้รับประสบการณ์ที่เป็นประโยชน์ร่วมกันระหว่างความเป็นผู้นำและสมาชิกในทีม

บางครั้ง เมื่อเรากำลังทำงานตามวิสัยทัศน์ที่เรามีเรามักมุ่งมองเฉพาะไปที่วิสัยทัศน์ของงานที่เรากำลังทำ  และ เป็นการง่ายที่เราจะมองข้ามความจริงที่ว่า ทีมงานของเราแต่ละคนต่างก็มีวิสัยทัศน์ที่พระเจ้าประทานมอบหมายแก่เขาในชีวิต แล้ววิสัยทัศน์ของเราจะกลายเป็นตัวถ่วงหรือหยุดยั้งวิสัยทัศน์ของทีมงานแต่ละคนที่เขาได้รับจากพระเจ้าหรือไม่?

ในฐานะผู้นำคริสตชน เราต้องมีส่วนรับผิดชอบในการทุ่มเททุนชีวิตของเราหนุนเสริมแก่ทีมงานแต่ละคนในการมุ่งไปสู่เป้าหมายปลายทางที่พระเจ้าทรงเรียกเขาแต่ละคน เราต้องเตรียมทีมงานแต่ละคนสำหรับอนาคตของเขา ซึ่งมีแนวโน้มที่เขาจะแยกตัวออกจากงานที่ทำในปัจจุบัน ไม่เร็วก็ช้า

ในฐานะผู้นำคริสตชน เราคาดหวังว่าทุกคนที่เข้ามาร่วมทีมงานกับเราจะมีวิสัยทัศน์ของตนเองที่ชัดเจนเด่นชัดขึ้นเมื่อถึงเวลาที่เขาจะจากองค์กรของเราไป ในฐานะผู้นำคริสตชนจะต้องใช้เวลาสนทนาปรึกษากับทีมงานแต่ละคนเพื่อช่วยเขาให้ชัดเจนว่าชีวิตของเขากำลังมุ่งไปสู่ทิศทางไหน และค้นหาว่าเขาจะมีย่างก้าวอย่างไรที่จะไปสู่เป้าหมายปลายทางดังกล่าว   ในเวลาเดียวกันเราก็รู้สึกขอบคุณเขาสำหรับงานอันล้ำค่าที่เขาทำในทีมงานของเรา เราในฐานะผู้นำไม่สามารถที่จะกำกับและใช้เขาเพื่อวิสัยทัศน์ของเราเท่านั้น และเราจะต้องสามารถที่จะแยกแยะชัดเจนว่า ทีมงานคนไหนที่จะอยู่กับเราในเวลายาวนาน และทีมงานคนใดที่จะอยู่กับองค์กรของเราเพียงช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้น เราจะต้องมีโอกาสที่ทุ่มเททุนชีวิตของเราเพื่อวิสัยทัศน์ของเขาแต่ละคนด้วย ท่านจะทำเรื่องนี้ได้อย่างไรบ้าง?

1. อธิษฐานเพื่อทีมงานแต่ละคนเมื่อท่านอธิษฐานส่วนตัวของท่าน

การที่ท่านอธิษฐานเผื่อทีมงานแต่ละคนของท่านต่อพระพักตร์พระเจ้าอย่างสม่ำเสมอช่วยให้ท่านรู้เท่าทันว่าเขามีชีวิตอย่างไรและรู้สึกอย่างไรในขณะนั้น พระวิญญาณบริสุทธิ์จะนำท่านไปสู่สัจจะความจริง รวมไปถึงสัจจะความจริงเกี่ยวกับแผนในอนาคตของเขาแต่ละคน

2. ให้เวลาในการฟังและเรียนรู้จากทีมงานแต่ละคน

ให้ท่านกำหนดเวลาประจำที่ท่านจะมีเวลาสนทนาวิสาสะกับทีมงานแต่ละคนเกี่ยวกับวิสัยทัศน์ของเขา บางครั้งคนอื่นไม่แบ่งปันความคิดเห็นของเขาแก่ท่าน  เพราะท่านไม่ได้ใช้เวลาที่จะถามเขา ฟังเขาบอกท่านถึงความปรารถนาที่เขามีอยู่ในชีวิต หรือ ฟังความฝันในจิตใจของเขาที่แบ่งปันแก่ท่าน ท่านในฐานะผู้นำมิเป็นเพียงแหล่งให้การแนะนำเท่านั้น แต่ท่านสามารถให้การชื่นชมต่องานภายหน้าของเขาด้วย

3.  ทุ่มเททุนชีวิตของท่านหนุนเสริมวิสัยทัศน์ของทีมงานแต่ละคน

เมื่อทีมงานคนนั้นแบ่งปันวิสัยทัศน์ของเขาแก่ท่าน ให้ร่วมกันแสวงหาแนวทางที่จะสนับสนุนให้เขาขับเคลื่อนไปสู่วิสัยทัศน์ของเขาด้วยย่างก้าวที่เหมาะสม ความสำเร็จของการขับเคลื่อนไปสู่วิสัยทัศน์ของเขาก็หนุนเสริมวิสัยทัศน์ของท่านด้วย ยิ่งถ้าท่านทุ่มเททุนชีวิตในเขามากเท่าใด ท่านก็เปิดพื้นที่ให้เขาและคนอื่นสามารถทุ่มเททุนชีวิตในท่านมากแค่นั้น

คริสตชนเชื่อว่า พระเจ้าทรงมีพระประสงค์ มีเป้าหมายชีวิตสำหรับแต่ละคน เป็นหน้าที่และความรับผิดชอบของผู้นำคริสตชนที่จะต้องคอยอภิบาลฟูมฟัก และ หนุนเสริมทีมงานแต่ละคนให้มีความชัดเจน ความพร้อมที่จะขับเคลื่อนชีวิตของเขาให้เป็นไปตามพระประสงค์ของพระเจ้าด้วย แม้ว่า การเคลื่อนสู่เป้าหมายของพระเจ้าในชีวิตของเขา  เขาจะต้องออกจากองค์กรหรือการทำงานให้เราก็ตาม

ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย  สันทราย  เชียงใหม่
E-mail: prasit.emmaus@gmail.com; 081-2894499


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น