08 พฤศจิกายน 2562

ทำยังไงดี...เมื่อพระเจ้าเชื่องช้า?

บ่อยครั้ง ในชีวิตประจำวันของเราในยุคที่ทุกอย่างต้อง “เร่งด่วน” “ทันสมัย” “ทันใจฉัน”  ทำให้พระเจ้าของเราดูทำงานเชื่องช้าไม่ทันใจผู้คน... หรือ เพราะพระเจ้าไม่ยอมไล่ตามให้ทันโลกที่เปลี่ยนไปอย่างรีบด่วน? หรือเพราะพระเจ้า “ดื้อ” ไม่ยอมทำตัวให้เปลี่ยนแปลงไปตามยุคตามสมัยตามสถานการณ์? หรือ เพราะพระเจ้ายังยึดถือแผนการ และ ตารางเวลาของพระองค์เอง? ทำไมพระเจ้าถึงเชื่องช้านัก?

คิดไปอีกทีหนึ่ง การเชื่องช้าของพระเจ้า เป็นการประทานโอกาสให้เราได้คิดทบทวนให้รอบคอบยิ่งขึ้นในเรื่องที่เราเห็นว่าพระเจ้าเชื่องช้า เป็นโอกาสที่เราจะทบทวน ตรึกตรอง ใคร่ครวญถึงพระสัญญาของพระองค์ใหม่อีกครั้งหนึ่ง เป็นโอกาสที่เราจะแสวงหาพระประสงค์ น้ำพระทัยของพระองค์ที่รอบคอบอีกครั้งหนึ่ง ด้วยความใส่ใจ และที่เปิดใจรับการเปิดเผยของพระเจ้าที่อาจจะคนละเรื่องกับสิ่งที่เราต้องการให้พระเจ้าจัดการ หรือ คนละเรื่องกับความคาดหวังของเราเองว่าพระองค์จะทรงสำแดงอะไร อย่างไร? และนี่คือโอกาสที่เราจะเรียนรู้ใหม่   เข้าใจใหม่ ถึงแผนการของพระเจ้าในเรื่องที่เรากล่าวหาว่าพระเจ้าเชื่องช้า!

เมื่อพระเจ้าเชื่องช้า เราจะตัดสินใจทำอย่างไรดี? เราจะตัดสินใจปรับเปลี่ยนพัฒนาตนเองวิ่งให้ตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้นหรือ? แต่ส่วนตัวของผมแล้ว เมื่อเผชิญกับการที่พระเจ้าเชื่องช้า เรามีโอกาสทำ 3 สิ่งที่สำคัญในช่วงเวลาทองของชีวิตครับ!

1. มองลึกเข้าไปในก้นบึ้งแห่งหัวใจของเรา

พระธรรมสดุดี 139:23  กล่าวไว้ว่า  “ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงตรวจตรา(ตรวจค้นข้าพระองค์  อมธ.) ดูเถิด และทรงทราบจิตใจของข้าพระองค์ขอทรงตรวจสอบและประจักษ์แจ้งความคิดกระวนกระวายของข้าพระองค์” (มตฐ.)

การตรวจค้น หรือ ตรวจสอบ ในที่นี้มิได้หมายถึงให้พระเจ้ามาจับผิดสิ่งที่มีในจิตใจของเรา แต่หมายถึงการที่เราเปิดใจของเราให้พระเจ้าเข้ามาช่วยตรวจสอบทบทวนให้เราดำเนินชีวิตเพื่อพระองค์ ถ้าเราเปิดชีวิตจิตใจของเรา และทูลขอพระองค์ช่วยทบทวนตรวจสอบ พระองค์จะทรงเปิดเผยให้เราเห็นถึงสิ่งที่เราจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลง และโดยพระคุณของพระองค์ เราจะได้รับพลังความเข้มแข็งจากพระองค์ที่ช่วยให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในชีวิตจิตใจของเรา

2.  มองออกไปข้างนอกรอบ ๆ ชีวิตของเรา

ไม่ว่าเราจะหันมองไปที่ใดรอบ ๆ ตัวเรา เราจะพบคนที่กำลังแสวงหาคำตอบที่ถูกต้อง เราจะพบผู้คนที่กำลังมีความจำเป็นต้องการ บางคนที่กำลังหลงทางชีวิต และบางคนที่มีความจำเป็นต้องการในสิ่งที่เราได้ค้นพบแล้ว

พระเยซูคริสต์บอกให้เราสร้างสาวกของพระองค์ การสื่อสารให้กำลังใจ การเป็นพยานชีวิตแก่ผู้คน การกระทำที่ไม่เห็นแก่ตัวคลุกเคล้าด้วยความรักเมตตาจากพระเจ้า ด้วยการกระทำเช่นนี้เราและผู้คนรอบข้างจะพบว่า “พระเจ้าไม่ได้เชื่องช้า” พระสัญญาของพระองค์นั้นเป็นจริงและเป็นรูปธรรม และพระคริสต์กำลังใช้ชีวิตของเราที่จะทำให้คนรอบข้างรู้ว่า ความรักของพระองค์นั้นเป็นอย่างไรจริง ๆ ที่เป็นรูปธรรม

3.  มุ่งมองขึ้นสู่เบื้องบน

สิ่งสำคัญกว่าอื่นใด ให้เรามุ่งมองไปที่พระเยซูคริสต์ เราจะไม่ลาออกจากงานของเรา  ขายบ้านของเรา  แล้วไปตั้งเต็นท์บนยอดเขาสูง เพื่อคอยต้อนรับการกลับมาของพระเยซูคริสต์ การกระทำเช่นนั้นมิใช่ความเชื่อศรัทธา และก็ไม่ใช่การกระทำตามพระประสงค์ของพระเจ้า

ส่วนตัวผมเอง ผมจะมีเวลาที่จะทบทวน ตรวจสอบ ถามตนเองถึงสิ่งที่ผมได้ทำในชีวิต สิ่งที่ผมทำไปนั้นเพียงพอไหม? สิ่งที่ผมทำเป็นสิ่งที่ตอบสนองความจำเป็นต้องการของผู้คนไหม? ผมต้องทำอะไรที่มากกว่านี้ หรือ แตกต่างจากนี้? เราต้องมีเวลาที่จะตรวจสอบทบทวนชีวิตของตนเอง

ไม่ว่าพระเจ้าจะทรงมอบหมายภารกิจการงานอะไรให้เราทำและรับผิดชอบ ให้เราทำสิ่งนั้นด้วยความสัตย์ซื่อและทุ่มเท และงานที่เราได้รับมอบหมายจากพระเจ้าอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงตามสภาพสุขภาพ  อายุ  หรือสถานการณ์แวดล้อม นั่นมิใช่ประเด็นที่สำคัญ การที่มีชีวิตประจำวันที่ติดตามพระองค์และพระวจนะของพระองค์อย่างใกล้ชิด ไว้วางใจในพระองค์ทั้งชีวิต ใช้ชีวิตที่มีอยู่ในการติดตามแสวงหาที่จะรู้จักพระองค์มากยิ่งขึ้น และ ช่วยให้ผู้คนรู้จักถึงการดำเนินชีวิตตามวิถีทางของพระเจ้า และรักเมตตา และ เสียสละเพื่อคนอื่นด้วยความรักเมตตาของพระคริสต์ที่หลั่งล้นออกมาจากชีวิตประจำวันของเรา

พระเจ้ารู้พระองค์เองเสมอว่า พระองค์กำลังทำอะไรอยู่ พระองค์มีแผนการของพระองค์เสมอ   ไม่มีสิ่งใดที่พระเจ้าไม่รู้ หรือสิ่งที่ทำให้พระองค์แปลกใจ พระองค์ดูเชื่องช้าต่อสถานการณ์ของโลก ต่อเรื่องวาระสุดท้ายของโลก หรือต่อชีวิตของเรา เพราะพระองค์ประสงค์ที่จะประทานโอกาสให้เราและมนุษยชาติ ให้เราใช้เวลาที่เรารู้สึกว่า “พระเจ้าเชื่องช้า” ที่จะตรวจสอบส่วนลึกแห่งชีวิตจิตใจของเรา และเตรียมตนให้พร้อม เพราะพระองค์กระทำพระราชกิจทันเวลาในแผนการของพระองค์เสมอ

“องค์พระผู้เป็นเจ้าไม่ได้ทรงเชื่องช้าที่จะทำตามพระสัญญาอย่างที่บางคนคิด แต่ทรงอดทนต่อท่านเพราะพระองค์ไม่ทรงประสงค์ให้ผู้ใดพินาศ แต่ทรงประสงค์ให้ทุกคนกลับใจใหม่” (2เปโตร 3:9 อมธ.)

ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย  สันทราย  เชียงใหม่
E-mail: prasit.emmaus@gmail.com; 081-2894499





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น