23 มกราคม 2563

เศรษฐศาสตร์แห่งพระคุณ (3) ทำไมคริสตชนทำพันธกิจ? ทำพันธกิจเพื่ออะไร?

การทำโดยไม่หวังผลตอบแทน แต่ทำเพราะพระเจ้าพอพระทัย

จากพระกิตติคุณลูกา 14:12-14 เมื่อพระเยซูเสด็จไปร่วมรับประทานอาหารในบ้านของฟาริสีระดับผู้นำคนหนึ่งในวันสะบาโต พระองค์พูดกับฟาริสีเจ้าบ้านว่า ในการเชิญคนมาในงานเลี้ยงอย่าเชิญคนสนิท คนร่ำรวย ที่พวกเขาสามารถเลี้ยงตอบแทนได้ แต่ให้เชิญคนจน แม่ม่าย เด็กกำพร้า ขอทาน คนพิการ คนง่อย และคนตาบอด ซึ่งคนกลุ่มนี้ไม่สามารถที่จะตอบแทนเจ้าบ้านที่จัดงานเลี้ยงได้ แต่เจ้าภาพจะได้รับผลตอบแทนเมื่อผู้ชอบธรรมเป็นขึ้นจากความตาย

กรอบคิดเชิงเศรษฐศาสตร์ในการจัดงานเลี้ยง เรามุ่งเน้นเชิญคนที่มีเกียรติ มีชื่อเสียง มีฐานะตำแหน่งสูง ในด้านหนึ่งเป็นการเสริมสร้างความสำคัญแก่ตนเอง คือผู้เชิญได้รับผลประโยชน์เชิงสังคม ความภาคภูมิใจ และความรู้สึกมีค่าในตนเอง และในเวลาเดียวกันคนระดับชนชั้นสูงในสังคมย่อมจะเอื้อประโยชน์ในบางประการที่เราต้องการในภายภาคหน้าได้ ในกรณีนี้มิใช่งานเลี้ยงเท่านั้น ศิษยาภิบาลบางท่านมักโอ้อวดว่า ผู้บริหารสภาฯ ต่างก็มาเทศนาในโบสถ์ของตน เป็นการโอ้อวดถึงความเก่งกาจสามารถ ความสำคัญของตนที่เอาคนสำคัญ ๆ มาเทศน์ได้ใช่ไหม? แสดงว่า ศิษยาภิบาลเหล่านี้ตกใต้การครอบงำวิธีคิดแบบทุนนิยม

แต่การคิดเชิงเศรษฐศาสตร์แบบพระคริสต์ต่างกันอย่างสิ้นเชิง ให้เชิญคนยากจน ต่ำต้อย พิการ ซึ่งคนเหล่านี้ไม่สามารถตอบแทนบุญคุณจากการเลี้ยงของเราได้ และก็ไม่ทำให้เราได้รับเกียรติเชิงสังคม หรือได้รับหน้าตาทางสังคม แต่กลับเป็นวิถีที่พอพระทัยพระเจ้า และผู้ที่จะตอบแทนเจ้าภาพคือพระคริสต์เอง เฉกเช่นเดียวกับที่พระคริสต์ตรัสว่า “คนที่ทำกับผู้เล็กน้อยอย่างไรก็เหมือนกระทำแก่พระองค์ด้วย”

และนี่ควรจะเป็นลักษณะการทำพันธกิจของคริสตจักรในปัจจุบัน ที่ทำพันธกิจบนรากฐานเศรษฐศาสตร์แห่งพระคุณ หรือ เศรษฐศาสตร์แบบพระเยซูคริสต์

ระบบเศรษฐศาสตร์แห่งพระคุณคือรากฐานปฏิบัติของคริสตจักรสมัยเริ่มแรก

ในพระธรรมกิจการ 2:45; 4:32-36 เป็นความเชื่อเชิงปฏิบัติที่มีฐานเชื่อกรอบคิดบนรากฐาน “ระบบเศรษฐศาสตร์แห่งพระคุณ” หรือ “ระบบเศรษฐศาสตร์แห่งการให้” ของพระคริสต์ และด้วยฐานรากเศรษฐกิจแห่งพระคุณนี้เองที่พวกเขาได้ร่วมกันรวมตัวเป็นชุมชนคริสตจักรแห่งแรกที่เป็นรูปธรรมขึ้นในสมัยคริสตจักรเริ่มแรก

ผู้เชื่อ หรือ สาวกพระคริสต์ดำเนินชีวิตประจำวันบนระบบเศรษฐกิจแห่งพระคุณ และ ทำพันธกิจด้านต่าง ๆ ด้วยฐานเชื่อกรอบคิดเศรษฐศาสตร์แห่งพระคุณของพระเยซูคริสต์ คริสตจักรเริ่มแรกมิได้ทำธุรกิจเพื่อสังคม (อย่างเอ็นจีโอในปัจจุบันคิด) หรือ ที่มีคนนำมาแปลงหรือกล่าวอ้างว่าเป็นการทำ “ธุรกิจเพื่อพันธกิจ” ซึ่งมีโอกาสผิดพลาดผิดเพี้ยนอย่างที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วอย่างเรื่องของ อานาเนียและสัปฟีรา (กิจการ 5:1-11)

คริสตจักรในสมัยเริ่มแรกทำพันธกิจเพื่อสานต่อพระราชกิจของพระเยซูคริสต์ที่บัญชาให้พวกเขากระทำ กล่าวคือ เขาสานต่อพระราชกิจของพระองค์ด้วยชีวิต (ไม่ใช่ด้วยเงินทองงบประมาณ) ในปัจจุบันนี้ เราในฐานะสาวกของพระคริสต์ ไม่ว่าเราจะทำพันธกิจในชีวิตประจำวัน ในครอบครับ ในงานอาชีพ หรือ ในสังคม เราจะต้องสานต่อพระราชกิจของพระคริสต์ด้วย “ระบบเศรษฐศาสตร์แห่งพระคุณ” คือการทำพันธกิจด้วยการให้ชีวิตแบบพระคริสต์

ส่วนในงานพันธกิจที่เป็นองค์กรคริสตชน ไม่ว่าจะเป็นโรงเรียน โรงพยาบาล มหาวิทยาลัย หรือองค์กรงานพัฒนาคุณภาพชีวิตในด้านต่าง ๆ เราต้องระวังที่จะไม่ทำพันธกิจให้เป็นงานอาชีพ หรือ ทำพันธกิจให้เป็นงานรับจ้าง หรือ ทำพันธกิจเพื่อหารายได้ หรือทำพันธกิจเพื่อหาเลี้ยงชีพ หรือทำพันธกิจแบบธุรกิจทุนนิยม หรือทำพันธกิจบนรากฐานระบบเศรษฐศาสตร์ทุนนิยม เพราะพันธกิจที่คริสตจักรรับผิดชอบในปัจจุบันนี้เป็นการสานต่อพระราชกิจแห่งแผ่นดินของพระเจ้าที่พระเยซูคริสต์ได้สถาปนาขึ้นไว้ เราทำพันธกิจเพื่อบรรลุเป้าหมาย และ พระประสงค์ของพระคริสต์ มิใช่บรรลุเป้าหมาย และ วัตถุประสงค์ของธุรกิจในด้านนั้น ๆ เช่น โรงเรียน มหาวิทยาลัย โรงพยาบาล องค์กรเอกชนคริสตชนเพื่อสาธารณประโยชน์

คงไม่ถูกต้องนักที่คริสตชนจะทำพันธกิจของพระเยซูคริสต์โดยหวังรายได้ ผลประโยชน์ จากคนกลุ่มเป้าหมายที่เข้ามารับบริการจากงานพันธกิจที่เราทำ (เช่น คนไข้และญาติ นักเรียน นักศึกษา ผู้ปกครอง และชุมชนชาวบ้าน) คนกลุ่มเป้าหมายที่เราทำพันธกิจด้วยไม่ควรจะตกในฐานะ “ลูกค้า” ของเราผู้ทำพันธกิจ? ยิ่งกว่านั้น ในฐานะ “ลูกค้าที่เราทำกำไรจากเขา”?

เราพูดว่าเราทำพันธกิจ แต่เรากลับห่วงกังวลที่จะต้องแข่งขันกับหน่วยงานที่ทำงานอาชีพเหมือนกับงานพันธกิจที่เราทำ? ทำไมเราต้องดิ้นรนวิ่งตามกระแสงานธุรกิจที่เราใช้ทำพันธกิจจนหน้าดำคร่ำเครียด ในเมื่อเราคริสตชนทำพันธกิจที่มีเป้าหมายตามพระประสงค์ของพระเยซูคริสต์?

ฐานเชื่อกรอบคิด (mindset) ของคริสตชนไทยเรามีอะไรผิดพลาดคลาดเคลื่อนหรือเปล่า? เราทำพันธกิจบนรากฐานเศรษฐกิจแห่งพระคุณหรือไม่?

ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย สันทราย เชียงใหม่
E-mail: prasit.emmaus@gmail.com; 081-2894499


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น