27 มกราคม 2563

คริสตชนจะทำงานกับเจ้านายยอดแย่ได้อย่างไร?

ในยุคนี้ ไปที่ไหนมักได้ยินแต่เสียงบ่นถึงเรื่อง “เจ้านาย” ที่แย่ ๆ ตั้งแต่เจ้านายที่ด้อยประสิทธิภาพ ด่างพร้อยในด้านคุณธรรม ความสัตย์ซื่อพร่องหาย วุฒิภาวะตกต่ำ และ ฯลฯ แล้วเราจะทำงานกับเจ้านาย/หัวหน้าแบบนี้อย่างไรดี?

จงรับใช้นายด้วยความกระตือรือร้น อย่างที่ทำต่อองค์พระผู้เป็นเจ้า ไม่ใช่ทำต่อมนุษย์ เพราะพวกท่านรู้ว่าใครทำความดีอะไรไว้ ก็จะได้รับอย่างนั้นจากองค์พระผู้เป็นเจ้า ไม่ว่าทาสหรือไท (เอเฟซัส 6:7-8 มตฐ.)

1) การทำงานเป็นการทรงเรียกที่มีองค์พระผู้เป็นเจ้าเป็นแกนกลาง

โดยปกติแล้วเราไม่ได้มีความคิดอย่างที่เปาโลกกล่าวในพระธรรมตอนนี้ เปาโลบอกให้คริสตชนทำงานทุกอย่างด้วยความกระตือรือร้น “อย่างทำต่อองค์พระผู้เป็นเจ้า ไม่ใช่ทำต่อมนุษย์” ไม่ว่าเจ้านาย หรือ หัวหน้าคนนั้นจะเป็นคนอย่างไร

นั่นหมายความว่า ในขณะที่เรากำลังทำงานนั้น ความคิดจิตใจของเรามุ่งมองอยู่ที่องค์พระผู้เป็นเจ้า เราจะถามความนึกคิดจิตใจของตนเองว่า

1) ทำไมพระเจ้าถึงต้องการให้เราทำงานชิ้นนี้ให้สำเร็จ?
2) พระองค์ต้องการให้เราทำงานนี้ให้สำเร็จอย่างไร?
3) พระเจ้าต้องการให้งานนี้สำเร็จเมื่อใด?
4) องค์พระผู้เป็นเจ้าจะช่วยฉันในการทำงานนี้หรือไม่?
5) เมื่อทำงานนี้สำเร็จจะเป็นการถวายเกียรติแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าอย่างไร?

กล่าวอีกนัยหนึ่งในการทำอาชีพการงานในชีวิตประจำวันของคริสตชน หมายถึงการมีชีวิตและการทำงานโดยมีพระเจ้าเป็นศูนย์กลาง

2) การทำงานเป็นการทรงเรียกให้เป็นคนดี

การดำเนินชีวิตที่มีองค์พระผู้เป็นเจ้าเป็นศูนย์กลาง หมายถึงการที่เป็นคนดีตามพระประสงค์ของพระเจ้า เปาโลกล่าวว่า “...รับใช้ด้วยความกระตือรือร้น” ซึ่งเป็นการทำดี ไม่ว่าจะเป็นการกระทำต่อใครก็ตาม พระคริสต์กล่าวไว้ว่า “...พวกท่านจงส่องสว่างแก่คนทั้งปวง เพื่อว่าเมื่อเขาทั้งหลายได้เห็นความดีที่ท่านทำ พวกเขาจะได้สรรเสริญพระบิดาของท่านผู้สถิตในสวรรค์” (มัทธิว 5:16 มตฐ.)

3) ทำความดีโดยไม่สนใจว่าหัวหน้า หรือ เจ้านายเป็นคนอย่างไร

เป้าหมายของพระธรรมตอนนี้เปาโลต้องการที่เสริมเพิ่มพลังแก่คริสตชน ด้วยการมีองค์พระผู้เป็นเจ้าเป็นศูนย์กลางในชีวิตและการทำงาน เพื่อทำสิ่งที่ดีแก่ผู้บังคับบัญชาไม่ว่าเขาจะเป็นคนอย่างไร เช่น เจ้านายที่เอาแต่ใจตนเอง แล้วเราจะยังคงทำดีต่อไปได้อย่างไรเมื่อผู้บังคับบัญชาของเราเอารัดเอาเปรียบเรา ใส่ร้าย วิพากษ์วิจารณ์เราให้เสีย ๆ หาย ๆ? เปาโลตอบคำถามนี้ว่า หยุดคิดถึงผู้บังคับบัญชาของเรา แล้วเริ่มทำงานที่เราต้องทำนั้นเพื่อองค์พระผู้เป็นเจ้า ทำเช่นนี้ในทุกงานที่เราได้รับมอบหมายจากผู้บังคับบัญชา

4) ไม่มีการดีใดที่เราทำแล้วจะไร้ประโยชน์

ประโยคที่น่าประหลาดใจที่สุดในพระธรรมตอนนี้คือ “...ใครทำความดีอะไรไว้ ก็จะได้รับอย่างนั้นจากองค์พระผู้เป็นเจ้า” นี่น่าอัศจรรย์มาก! ความดีทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นความดีต่อใคร ทุกสิ่งดีที่กระทำ ไม่ว่าจะเป็นความดีที่เล็กน้อยปานใดที่เรากระทำ องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเห็น และให้คุณค่า เราจะได้รับการตอบแทนจากองค์พระผู้เป็นเจ้า ไม่ใช่จากเจ้านายของเรา

ที่พระเจ้าทรงตอบแทนเรานั้น มิใช่เพราะพระองค์เป็นหนี้บุญคุณเราในเรื่องอะไร แต่ที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเลือกที่ตอบแทนเราด้วยความเมตตาเพราะสิ่งดีที่เรากระทำด้วยความเชื่อศรัทธาต่างหาก

5) การตอบแทนจากเบื้องบนไม่ขึ้นอยู่กับสถานภาพของเราบนโลกนี้

องค์พระผู้เป็นเจ้าจะตอบแทนเราทุกสิ่งดีที่เรากระทำ “ไม่ว่าเราจะเป็นทาสหรือไท” ผู้บังคับบัญชาอาจจะมองว่า เราไม่สำคัญอะไร แค่คนทำงานคนหนึ่ง หรือ เขาอาจจะมองข้ามหัวเราไป นี่ไม่ใช่เรื่องสำคัญ แต่พระเจ้ารู้เห็นและรู้ว่าเราเป็นอยู่อย่างไร และรู้ถึงสิ่งดีที่เราได้กระทำ ความสัตย์ซื่อใด ๆ ที่เรากระทำจะไม่ไร้ค่าในสายพระเนตรของพระเจ้า

การทำงานในวันนี้ และ วันต่อ ๆ ไปทุกวันของเรา ให้เราตระหนักชัดเสมอว่า เราทำงานถวายองค์พระผู้เป็นเจ้า ทุกการกระทำของเราอยู่ในสายพระเนตรขององค์พระผู้เป็นเจ้า พระองค์เห็นคุณค่าความตั้งใจในการกระทำของเรา และผู้ที่ตอบแทนสิ่งที่เรากระทำในอาชีพการงานคือ องค์พระผู้เป็นเจ้า และการทำงานแต่ละวันของเราจะเป็นที่ถวายพระเกียรติ และ เป็นการนมัสการพระองค์ (to work is to prayer)

ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย สันทราย เชียงใหม่
E-mail: prasit.emmaus@gmail.com; 081-2894499


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น