04 มกราคม 2564

สองศิษยาภิบาลผู้ยิ่งใหญ่ที่แตกต่างกัน?

การที่คนเรามี “ฐานเชื่อ” ที่ต่างกัน ย่อมทำให้มีกระบวนคิดก็แตกต่างกันไปด้วย มีผลกระทบต่อมุมมองที่แตกต่างกันออกไป แน่นอน ย่อมทำให้มีการตัดสินใจที่ไม่เหมือนกัน แล้วนำสู่การกระทำที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน ในที่สุดผลการกระทำก็จะแตกต่างชัดเจนด้วย

ในสถานการณ์โควิด ผมได้เห็นกระบวนเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเป็นรูปธรรมอย่างชัดเจน สองศิษยาภิบาลผู้ยิ่งใหญ่ในแคลิฟอร์เนียตอนใต้ ทั้งสองเป็นศิษยาภิบาลที่ผู้คนรู้จักกันอย่างดี ต่างเป็นศิษยาภิบาลในคริสตจักรขนาดใหญ่ที่มีสมาชิกจำนวนมาก แต่ในสถานการณ์วิกฤติโควิด ศิษยาภิบาลทั้งสองกลับมีฐานเชื่อ กระบวนคิด และ มุมมองในเรื่องต่าง ๆ ที่แตกต่างกัน ยังผลให้เกิดการตัดสินใจ และ การกระทำที่ไม่เหมือนกัน

มุมมองที่แตกต่างของสองศิษยาภิบาลผู้ยิ่งใหญ่

ศิษยาภิบาล ริก วอร์เรน ได้ให้คำสัมภาษณ์ต่อเหตุการณ์โควิด ที่ทางรัฐสั่งให้คริสตจักรงดการนมัสการร่วมกันในอาคารโบสถ์ในวันอาทิตย์ ในทำนองที่ว่า... “คริสตจักรส่วนใหญ่มีจุดประสงค์เดียวเท่านั้นคือการนมัสการ และถ้าคริสตจักรเหล่านี้เอาพิธีการนมัสการออกจากคริสตจักรก็จะไม่เหลืออะไรในงานของคริสตจักรนั้น ที่คริสตจักรเหล่านั้นเน้นการที่จะต้องไปนมัสการในคริสตจักรด้วยกันเชิงกายภาพก็เพราะนี่คือสิ่งเดียวที่เขาทำกันและรู้สึกมีคุณค่าในคริสตจักรเหล่านั้น”   

ฐานเชื่อ กระบวนคิด และมุมมองของคริสตจักรแบบ ศิษยาภิบาล จอห์น แมคอาร์เธอร์ มองว่า ไม่มีการแพร่ระบาดของโควิด-19 แล้วมองและกล่าวหาว่า คริสตจักรที่ไม่มีการนมัสการที่สมาชิกมารวมกันเชิงกายภาพในตัวอาคารโบสถ์ในวันอาทิตย์ตามคำประกาศของทางรัฐว่า พวกนี้ไม่รู้ว่าคริสตจักรคืออะไรกันแน่ คริสตจักรพวกนี้ไม่เลี้ยงลูกแกะหรือสมาชิกของตนเอง แมคอาร์เธอร์ ได้พูดถึงฐานเชื่อของตนเองผ่านฟอกซ์นิวส์ว่า การที่ทางการห้ามไม่ให้สมาชิกคริสตจักรพบปะและมีการนมัสการร่วมกันในอาคารโบสถ์เป็นการลิดรอนหรือปฏิเสธถึงเสรีภาพขององค์กรคริสต์ศาสนา

อย่างไรก็ตาม ศบ. แมคอาร์เธอร์ ได้บอกว่าเพื่อความสบายใจของสมาชิกที่กลัวว่าภูมิคุ้มกันของตนจะไม่แข็งแรงพอทางคริสตจักรก็ได้จัดหน้ากากอนามัย แอลกอฮอล์ และน้ำสำหรับล้างมือ และมีที่นั่งนอกอาคารโบสถ์ประมาณ 1,000 ที่นั่ง

จากภาพถ่ายของนักข่าว วิดีโอถ่ายทอดสดของคริสตจักร และการสังเกตของนักข่าวพบว่า คนส่วนใหญ่ที่มาร่วมนมัสการในวันอาทิตย์ในคริสตจักรแห่งนี้ส่วนมากไม่ได้สวมหน้ากากอนามัย และไม่ได้นั่งห่างกันแต่นั่งชิดกัน และการที่ผู้นำคริสตจักรยืนยันที่จะขัดขืนข้อห้ามของรัฐซึ่งเป็นการประกาศชัดเช่นนี้ การจัดที่นั่งนอกคริสตจักรดูจะเป็นการแก้เกี้ยวมากกว่า และคนที่นั่งข้างนอกจะมีความรู้สึกอย่างไรต่อสายตาของคนที่เดินเข้าไปในอาคารโบสถ์? แต่แมคอาร์เธอร์ อ้างว่าเพื่อเป็นการแสดงว่าเรายินดีต้อนรับทุกคน

มีผู้ตั้งข้อสังเกตเหตุการณ์นี้กล่าวว่า การที่อ้างว่า เป็นการปกป้องสิทธิเสรีภาพทางศาสนานั้นเป็นการเอามุมมองแนวคิดแบบอเมริกันชนมาครอบฐานเชื่อและวิธีคิดของคริสตชนแบบพระเยซูคริสต์หรือเปล่า?   คริสตจักรตั้งอยู่เพื่อเสรีภาพและสิทธิของตนเองเท่านั้นหรือ?

คริสตจักร Saddleback Church ที่ริก วอร์เรน รับใช้อยู่ คริสตจักรนี้เลือกที่จะไม่เปิดการนมัสการร่วมกันในอาคารโบสถ์จนถึงขณะนี้ และคาดว่าจะมีการเปิดให้มีการนมัสการพระเจ้าในวันอาทิตย์ในอาคารโบสถ์ในช่วงเวลาที่เหมาะสมในปี 2021 

ริก มองว่า แนวทางที่รัฐประกาศให้มีการรักษาระยะห่างทางสังคมเป็นวิธีการ “การรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง” ที่เป็นรูปธรรมที่ปฏิบัติและจับต้องได้ เขากล่าวว่า “คริสตจักรบางแห่งใช้ชีวิตของสมาชิกและคนมาโบสถ์ในการ “เสี่ยงโชค” หรือ “เดิมพัน” และผมจะไม่ทำเช่นนั้นเด็ดขาด ผู้เลี้ยงที่ดีจะอธิษฐานเพื่อลูกแกะ/สมาชิกของตน เอาใจใส่ดูแลลูกแกะของตน ผมต้องรับผิดชอบในเรื่องเหล่านี้ และผมไม่ต้องการเป็นตัวผู้ก่อให้เกิด “ซุปเปอร์สเปรดเดอร์” หรือ “ผู้แพร่เชื้อที่รวดเร็วรุนแรง” ผมไม่ได้ทำด้วยความกลัว  แต่ผมทำสิ่งเหล่านี้เพราะความรักเมตตา การที่คุณสวมหน้ากากอนามัยเป็นการที่คุณรักเพื่อนบ้าน และ รักตนเองด้วย”

สำหรับ ริก และ คริสตจักร Saddleback เขาบอกว่า คริสตจักรไม่ควรจำกัดตนเองเพียงการพบปะกันเชิงกายภาพในอาคารโบสถ์เท่านั้น แต่เขาเน้นชีวิตคริสตจักรที่ทำพันธกิจกลุ่มเล็ก และ การทำพันธกิจที่เข้าถึงชุมชนสังคม คริสตจักรกลุ่มต่างเหล่านี้ทำพันธกิจที่หลากหลายที่เข้าถึงชีวิตคน มิได้พึ่งพิงอยู่กับการมานมัสการร่วมกันในอาคารโบสถ์เท่านั้น

คริสตจักรที่ตั้งบนรากฐานที่มีวัตถุประสงค์ เป็นคริสตจักรที่มีวัตถุประสงค์ในการเสริมสร้างทุกคนทำพันธกิจรับใช้ผู้คน พันธกิจนำพระกิตติคุณเข้าถึงชีวิตผู้คน มีสามัคคีธรรมร่วมกัน ทุกคนมีชีวิตที่มีภาวะในการเป็นสาวกพระคริสต์ มีชีวิตเพื่อถวายพระเกียรติแด่พระเจ้าเป็นการนมัสการพระองค์

ในภาวะวิกฤติโควิด ที่คริสตจักรต้องใส่ใจในความปลอดภัยของชีวิตเพื่อนบ้านและตนเอง ดำเนินการป้องกันตามแนวทางการของทางราชการ ในภาวะวิกฤติเช่นนี้ชีวิตคริสตจักรมีการพลิกฟื้นเข้มแข็งขึ้น  ตั้งแต่เดือนมีนาคมจนถึงสิ้นปีนี้สมาชิกคริสตจักร Saddleback นำผู้คนมาพบพระคริสต์ 16,000 คน   เฉลี่ยประมาณวันละ 80 คน

สำหรับคริสตจักร Saddleback และ ศิษยาภิบาลริก มองว่า กฎระเบียบปฏิบัติการป้องกันโควิดมิได้เป็นการลิดรอนสิทธิเสรีภาพของของคริสตจักร หรือ คริสตชน  แต่กลับมองว่า ความเข้มงวดให้ปฏิบัติเช่นนั้นเป็นการกระทำเพื่อความปลอดภัยในชีวิตของผู้คนส่วนร่วม

ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย  สันทราย  เชียงใหม่

E-mail: prasit.emmaus@gmail.com; 081-2894499



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น