25 มกราคม 2564

ก้าวที่สามของการเข้าสู่การเยียวยารักษา...

เราต้องแสวงหาพระพักตร์ของพระเจ้า

จากข้อเขียนก่อนหน้านี้สองตอน ที่กล่าวถึงย่างก้าวเข้าสู่การเยียวยารักษา ก้าวแรกเราจะต้อง “ถ่อมจิตใจลงสารภาพความบาปผิดของตน” ก้าวที่สอง เราจะต้อง “อธิษฐานด้วยชีวิตและจากความจริงใจ” ในข้อเขียนฉบับนี้จะกล่าวถึงย่างก้าวที่สามของการเข้าสู่การเยียวยารักษา “เราต้องแสวงหาพระพักตร์พระเจ้า”

3. เราต้องแสวงหาพระพักตร์ของพระเจ้า

เราจะต้องแสวงหาพระเจ้าอย่างจริงจังและแรงกล้า เราถ่อมจิตใจลงสารภาพความบาปผิดของเรา เราอธิษฐานอย่างจริงใจและจริงจัง เราแสวงหาพระเจ้าอย่างจริงจังและทุ่มเทสุดชีวิต   หมายความว่าเราไม่ได้แสวงหาพระเจ้าเมื่อเรามีเวลาว่าง ไม่ใช่ลำดับความสำคัญรอง ๆ แล้วแต่จะเป็นไปได้ หรือ เมื่อมีเวลาให้ แต่ต้องเป็นการแสวงหาพระเจ้าอย่างจริงจังและอย่างสุดจิตสุดใจในการติดตามพระองค์ในชีวิตประจำวันเป็นความสำคัญลำดับแรก นั่นหมายความว่าการแสวงหาพระเจ้าเป็นสิ่งสำคัญที่เรามุ่งเน้นเป็นอันดับแรกสุดของชีวิต เพราะในพระธรรมฮีบรู 11:6 ข. กล่าวว่า พระเจ้าจะประทานบำเหน็จแก่คนที่แสวงหาพระองค์อย่างจริงจัง

“...เพราะ...พระองค์...ประทานบำเหน็จแก่คนเหล่านั้นที่แสวงหาพระองค์อย่างจริงจัง(ฮีบรู 11:6ข. อมธ.)

ปัญหาคือ: เราแสวงหาผลประโยชน์จากพระเจ้ามากกว่าแสวงหาพระเจ้า

ในปีใหม่นี้พระเจ้าประสงค์อะไรจากท่าน? พระเจ้าประสงค์ให้ท่านแสวงหาพระองค์ด้วยความจริงจัง จริงใจ อย่างทุ่มเทสุดชีวิต ไม่ใช่แสวงหาของประทานจากพระองค์ ไม่ใช่การแสวงหาพระพรจากพระองค์ ไม่ใช่แสวงหาความโปรดปรานของพระเจ้าในชีวิตของท่าน แต่ให้ท่านแสวงหาพระองค์ ท่านต้องการที่จะรู้จักพระองค์มากยิ่ง ๆ ขึ้น การแสวงหาอย่างที่กล่าวนี้มีน้อยนิดในผู้คนปัจจุบัน คนส่วนใหญ่แสวงหา “ผลประโยชน์ที่ตนอยากได้จากพระเจ้า” พวกเขาแสวงหาพระพร ของประทาน ความพอใจของพระเจ้าในชีวิตของตน เขาแสวงหาสิ่งดีดีที่เขาต้องการให้พระเจ้ากระทำแก่ตนในชีวิต แต่ในปีใหม่นี้พระองค์ประสงค์ให้เราแสวงหาพระเจ้า ให้เราแสวงหาพระองค์ มิใช่แสวงหาผลประโยชน์จากพระองค์

ในสดุดี 14:2 ได้กล่าวว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าทอดพระเนตรลงมาจากฟ้าสวรรค์ ดูมวลมนุษยชาติ  เพื่อดูว่ามีสักคนไหมที่เข้าใจ มีสักคนไหมที่แสวงหาพระเจ้า” (อมธ.) หาคนเช่นนี้ยากลำบากหนักหนา พวกเขาต้องการและแสวงหาพระพร น้อยคนเหลือเกินที่แสวงหาพระเจ้า คนน้อยนิดเหลือเกินที่มีเป้าหมายในชีวิตที่จะต้องการรู้จักพระเจ้ามากยิ่งขึ้นในชีวิตประจำวัน และนี่คือสาเหตุสำคัญที่เราตกและจมอยู่ในปลักโคลนชีวิตปีแล้วปีเล่าขึ้นมาจากปลักโคลนชีวิตนั้นไม่ได้

อย่างที่ได้กล่าวแล้วว่า ในชีวิตของเรามักบ่นว่า มากกว่าการอธิษฐานต่อพระเจ้า ปัญหาของเราคือเราใช้เวลามากมายในการแสวงหาสิ่งต่าง ๆ ที่เราต้องการในชีวิตแต่ไม่มีเวลาที่จะแสวงหาพระเจ้า  

พระเจ้าได้ให้พระสัญญาที่สำคัญยิ่ง ในเฉลยธรรมบัญญัติ 4:29-31ก.  

“แต่ ณ ที่นั่นแหละท่านทั้งหลายจะแสวงหาพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน ถ้าท่านค้นหาพระองค์ “ด้วยสุดจิต และ สุดใจ ท่านจะพบพระองค์... เพราะว่าพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน ทรงเป็นพระเจ้าผู้ทรงพระกรุณา พระองค์จะไม่ทรงละทิ้งท่านหรือทำลายท่านหรือลืมพันธสัญญา...” (มตฐ.)

เราจะแสวงหาพระเจ้าอย่างจริงใจและจริงจังได้อย่างไร? ก็ด้วยการที่จะแสวงหาพระองค์ เพื่อรู้จักพระองค์มากขึ้น ให้การแสวงหาพระเจ้าเป็นสิ่งสำคัญลำดับแรกในชีวิตประจำวันของเรา ให้เราแต่ละคนเริ่มต้นชีวิตในวันใหม่ทุกวันด้วยการแสวงหาพระองค์โดยการอ่านพระวจนะ และ อธิษฐานต่อพระองค์ และลงท้ายของวันนั้นก็ด้วยการแสวงหาพระองค์ผ่านการอ่านพระวจนะ และ การอธิษฐานต่อพระองค์ นั่นคือการที่เราแสวงหาพระเจ้าเป็นสิ่งแรก เพื่อที่จะฟังสิ่งที่พระเจ้าตรัสแก่ท่านในแต่ละวัน และเมื่ออ่านพระคัมภีร์ตอนนั้นและใคร่ครวญแล้ว ให้เราเปิดพระคัมภีร์ตอนนั้นไว้ เพื่อเมื่อเราตื่นขึ้นในวันใหม่เราจะอ่านพระวจนะตอนนั้นอีกครั้งหนึ่งเป็นสิ่งแรก   ไม่ใช่รีบไปดูข่าวคราวในโทรศัพท์มือถือของเรา ไม่ใช่เริ่มต้นกับโทรทัศน์ ไม่ใช่เริ่มวันใหม่กับสื่อออนไลน์รูปแบบต่าง ๆ แต่ให้เราเริ่มต้นวันใหม่ด้วยสัจจะความจริงในพระวจนะของพระเจ้า จงแสวงหาพระวจนะของพระเจ้าเป็นสิ่งแรกในวันใหม่ของชีวิต เมื่อเราอ่านพระวจนะของพระเจ้าในวันใหม่ เมื่อเราพบสิ่งสำคัญให้เราใคร่ครวญ แม้ว่าจะอ่านเพียงข้อเดียวก็ตาม 

ให้เราไตร่ตรองว่าพระเจ้าตรัสอะไรแก่เราในเวลานั้น จนกระทั่งเราพบกับพระคำที่ปลอบประโลมเรา ให้กำลังใจเรา ท้าทายเรา เมื่ออ่านแล้วอย่าเพิ่งปิดพระคัมภีร์เปิดไว้ เพื่อก่อนที่เราจะนอนในค่ำวันนี้เราจะได้อ่านอีกครั้งหนึ่ง ให้พระวจนะของพระเจ้าเป็นคำตรัสคำแรกในวันนั้น และ เป็นคำตรัสสุดท้ายในวันนั้นแก่เรา แล้วให้เราไปหลับนอนโดยมีพระวจนะตอนนั้นของพระเจ้าอยู่ในความนึกคิดของเรา พระเยซูคริสต์ได้ให้พระสัญญาไว้ว่า

“แต่จงแสวงหาแผ่นดินของพระเจ้าและความชอบธรรมของพระองค์ก่อน และพระองค์จะประทานสิ่งทั้งปวงเหล่านี้แก่ท่านด้วย” (มัทธิว 6:33 อมธ.)

หน้าที่ของเราคือแสวงหาแผ่นดินของพระเจ้าก่อนเหนือสิ่งอื่นใด แต่พระองค์สัญญาว่าพระองค์จะเป็นผู้รับผิดชอบสิ่งอื่นทั้งปวงที่จำเป็นในชีวิตของเราไปตลอดชีวิต

ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย  สันทราย  เชียงใหม่
E-mail: prasit.emmaus@gmail.com; 081-2894499




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น