เราต้องถ่อมจิตใจลง...สารภาพความบาปผิดของเรา
จากข้อเขียนครั้งก่อน
ได้กล่าวถึงกระบวนการของพระเจ้าที่ทรงรักษาและเยียวยาชีวิตและสังคมที่ประสบกับความแตกแยก
ฉีกขาด และล่มสลาย และเราพบจาก 2พงศาวดาร 7:14 ที่ได้กล่าวถึง กระบวนการที่นำไปสู่การเยียวยารักษาชีวิตและสังคมดังกล่าวว่า
“หากประชากรของเราซึ่งเรียกชื่อตามนามของเราจะ
“ถ่อมใจลง” และ “อธิษฐาน” “แสวงหาหน้าของเรา” และ “หันกลับจากวิถีอันชั่วร้ายของเขา”
เมื่อนั้นเราจะรับฟังเขาจากฟ้าสวรรค์
จะอภัยบาปของเขา และจะรักษาแผ่นดินของเขาให้หาย” (อมธ.)
ซึ่งได้กล่าวถึง 4
ขั้นตอนของการเข้าสู่การเยียวยารักษาจากพระเจ้า และ 3
พระสัญญาที่พระเจ้าจะทรงกระทำแก่เรา คือ...
กระบวนการที่นำไปสู่รับการเยียวยาจากพระเจ้า
(1) เราต้องถ่อมใจลงสารภาพความบาปผิดของเรา
(2) เราต้องอธิษฐานด้วยความจริงใจ
(3) เราต้องแสวงหาพระเจ้า
(4)
เราต้องหันกลับจากวิถีชีวิตอันชั่วร้ายของเรา
พระสัญญาจากพระองค์ที่นำการเยียวยามาสู่ชีวิตและแผ่นดินของเรา
(1)
พระเจ้าจะสดับฟังเรา
(2)
พระเจ้าจะอภัยบาปของเรา
(3)
พระเจ้าจะรักษาแผ่นดินของเราให้หาย
ในข้อเขียนตอนนี้เป็นก้าวแรกของการเข้าสู่การเยียวยารักษาชีวิต
และ สังคมประเทศชาติของเรา
“เราต้องถ่อมจิตใจของเราลง สารภาพความบาปผิดของตนเอง”
1. เราต้อง ถ่อมใจลง สารภาพความบาปผิดของเรา
“หากประชากรของเราซึ่งเรียกชื่อตามนามของเราจะ
“ถ่อมใจลง”...” (2พงศาวดาร 7:14 อมธ.)
ขอย้ำที่นี่อีกครั้งหนึ่งว่า
นี่ไม่ใช่ขั้นตอนและพระสัญญาสำหรับคนทั่วไป แต่เป็นพระสัญญาสำหรับประชากรที่ยำเกรงพระเจ้าคือ
คริสตชน เรียกชื่อตามนามของพระคริสต์ “ถ้าคริสตชนจะถ่อมใจลงสารภาพความบาปผิดของตนเอง”
ปัญหาของคริสตชนประการแรกคือ
การที่เราเป็นคนหยิ่งผยอง จองหอง อวดตน ยกตนข่มท่าน
คิดว่าตนพึ่งตนเองได้ไม่จำเป็นต้องพึ่งใครอื่นใด เราไม่ต้องพึ่งพระเจ้า เราไม่คิดว่าในชีวิตประจำวันเราจะต้องปรึกษาพระเจ้า
ใน ยากอบ 4:6 กล่าวไว้ว่า...
“พระเจ้าทรงต่อสู้ผู้ที่หยิ่งจองหอง
แต่ประทานพระคุณแก่คนที่ถ่อมใจ” ( อมธ.)
ดังนั้น ให้เรามีจิตใจที่ถ่อมลงสารภาพความบาปผิดที่เรามีอยู่
แต่ในความเป็นจริงคนเรามักหลอกตนเองว่าเราไม่ได้ทำความบาปผิด และเรากลับไปใส่ใจความบาปผิดของศัตรูของเรา
คนที่เราไม่ชอบ ไม่เห็นด้วย แต่ไม่คิดถึงความบาปผิดของตนเอง เรามักได้รับคำสอนว่า จงเกลียดชังความบาป
และให้รักคนบาป แต่วันนี้ใคร่บอกว่า จงรักคนบาป แต่เกลียดชังความบาป “ในตัวเราเอง”
ให้เราเกลียดชังความบาปของเราเอง ไม่จำเป็นที่เราจะไปเกลียดความบาปผิดของคนอื่น แต่ให้เราใส่ใจความบาปผิดในชีวิตของตนเอง
ปัญหาของเราคือ เราใช้เวลามากมายในการกล่าวโทษความบาปผิดของคนอื่นมากกว่าความบาปผิดในตัวของเราเอง
ดังนั้น เราต้องถ่อมจิตใจของเราลง เพื่อจะใส่ใจความบาปผิดที่เกิดขึ้นในตัวของเราเอง
และระลึกเสมอว่า...
“ถ้าเรากล่าวว่าเราไม่มีบาป
เราก็หลอกตัวเอง และสัจจะไม่ได้อยู่ในตัวเราเลย” (1ยอห์น 1:8 มตฐ.)
ปัญหาคือ: เรากล่าวโทษความบาปผิดของคนอื่นมากกว่าความบาปผิดของตนเอง
ในยากอบ 4:12 กล่าวว่า...
“มีผู้ประทานบทบัญญัติและผู้พิพากษาเพียงผู้เดียวคือ
พระองค์ผู้ทรงสามารถช่วยให้รอดหรือทำลายก็ได้ แต่ท่านคือใครเล่าที่จะตัดสินเพื่อนบ้านของท่าน?” (อมธ.)
ผมไม่มีสิทธิที่จะพิพากษาตัดสินท่าน
และท่านก็ไม่มีสิทธิที่จะตัดสินผม แต่พระคัมภีร์บอกเราว่า
พระเจ้าเท่านั้นที่ทรงไว้ซึ่งสิทธิในการพิพากษาตัดสิน ในโรม 2:3 บอกเราว่า...
“ดังนั้นเมื่อท่านผู้เป็นเพียงมนุษย์ปุถุชนตัดสินคนอื่น
แต่ตัวเองยังทำแบบเดียวกับเขา ท่านคิดหรือว่าจะพ้นจากการพิพากษาลงโทษของพระเจ้าได้?” (อมธ.)
เรามักมองข้ามความผิดพลาดบาปผิดที่เรากระทำ
แต่มุ่งที่จะขุดคุ้ยบ่งชี้ถึงความบาปผิดของคนอื่น และใน 1เปโตร 4:17 บอกเราชัดเจนว่า การกล่าวโทษตัดสินและการพิพากษานั้น
“เริ่มต้นที่ครอบครัวขอพระเจ้าก่อน” ถ้าพระเจ้าจะพิพากษาประเทศใด ๆ พระองค์จะเริ่มต้นพิพากษาจากพวกคริสตชนในประเทศนั้น
ๆ ก่อน 1เปโตร เขียนไว้อย่างนี้ว่า...
“เพราะถึงเวลาแล้วที่การพิพากษาจะเริ่มขึ้นที่ครอบครัวของพระเจ้า
...” (อมธ.)
ในพระธรรมสุภาษิต 28:13
กล่าวไว้อย่างชัดเจนว่า...
“ผู้ซ่อนการละเมิด” ของตนไว้จะไม่เจริญ
แต่ผู้สารภาพและทิ้งมัน จะได้ความกรุณา” (สุภาษิต 28:13 มตฐ.)
แต่ถ้าใครที่เปิดใจสารภาพความบาปผิดของตนคนนั้นจะได้รับการยกโทษ
และได้รับพระเมตตาจากพระเจ้า และการรักษาให้หาย ยากอบ 5:16 กล่าวไว้ว่า...
วิธีการแรกที่จะนำมาซึ่งการเยียวยารักษาไม่ว่าจะเป็นด้านไหน
หรือ มิติใดในชีวิต ไม่ว่าในชีวิตส่วนตัวของท่าน ในครอบครัวของท่าน ชีวิตสมรสของท่าน
เราจะต้องสารภาพถึงความบาปผิดในตัวเราด้วยจิตใจที่ถ่อมลง และนี่คือก้าวแรกของการเข้ารับการเยียวยารักษาจากองค์พระผู้เป็นเจ้า
ถามตรง ๆ เถิดว่า ท่านต้องการรับการเยียวยารักษาไหม?
ท่านต้องการให้ครอบครัวของท่านได้รับการรักษาไหม? ท่านต้องการให้ชีวิตสมรสของท่านได้รับการรักษาไหม?
ท่านต้องการให้สังคมประเทศชาติของท่านได้รับการเยียวยารักษาจากพระเจ้าไหม? ถ้าต้องการ
เราจะต้องเป็นคนแรกที่จะก้าวเข้าไปก้าวแรก ด้วยการสารภาพความบาปผิดของเราด้วยการถ่อมจิตใจของตนลง
หากประชากรของเราจะถ่อมจิตใจลง สารภาพความบาปผิดของตน ยากอบ 5:16 บอกเราว่า...
“ฉะนั้นจงสารภาพบาปของท่านต่อกันและอธิษฐานเผื่อกันและกัน
เพื่อท่านจะได้รับการรักษาให้หาย...” (ยากอบ 5:16 ก. อมธ.)
ให้เราสารภาพบาปของเราต่อกันและกัน
และ อธิษฐานเผื่อกันและกัน เพราะเราต้องการให้คนอื่นช่วยให้เราเกิดการเปลี่ยนแปลงในชีวิต
ความจริงคือเราไม่สามารถที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิตของตนเองด้วยตัวเราเอง และด้วยเหตุนี้ที่ในคริสตจักรจึงมีกลุ่มต่าง
ๆ มากมายเพื่อจะหนุนเสริมและช่วยกันและกันให้ชีวิตได้รับการเปลี่ยนแปลงและเติบโตขึ้น
และนี่คือจุดเริ่มต้นของการเยียวยารักษา
การบ้านสำหรับแต่ละคน ให้เรามีเวลาสงบอยู่ต่อหน้าพระเจ้าของเรา
อธิษฐานทูลขอพระองค์โปรดสำแดงชี้ชัดให้เราได้เห็นถึงสิ่งที่เป็นความบาปผิดของเรา อย่าเพียงอธิษฐานพระเจ้าว่า
“ขอโปรดยกโทษความบาปผิดของข้าพระองค์ทั้งสิ้น” เท่านั้น แต่ให้เขียนเป็นรายการความบาปผิดของเราเอง
จากนั้นให้อธิษฐานสารภาพความบาปผิดในแต่ละรายการต่อพระเจ้า และนี่คือก้าวแรกของการรับการเยียวยาคือ
การที่เราจะถ่อมจิตใจลงสารภาพความบาปผิดของตนเอง
ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย
สันทราย เชียงใหม่
E-mail: prasit.emmaus@gmail.com; 081-2894499
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น