01 พฤษภาคม 2564

ความเชื่อ กับ ความวิตกกังวลในการฉีดวัคซีน โควิด 19

ในช่วงนี้เราท่านต่างตกอยู่ในภาวะที่สับสนว่า เราควรจะฉีดวัคซีนป้องกันการติดเชื้อโควิด 19 หรือไม่ ถึงขนาดมีคำกล่าวที่ว่า ชีวิตตอนนี้เป็นชีวิตที่ต้องเสี่ยง คือจะเลือก “เสี่ยงรับเชื้อโควิด 19 หรือ จะเสี่ยงรับผลกระทบข้างเคียงจากการฉีดวัคซีน”

คนในสายวิทยาศาสตร์การแพทย์บอกเราว่า วัคซีนเป็นเครื่องมือสำคัญในการรับมือกับการแพร่ระบาดของโควิด 19 แต่ทุกคนจะต้องตระหนักความจริงว่า เมื่อฉีดวัคซีนแล้วยังต้องสวมหน้ากากอนามัย และเว้นระยะห่างระหว่างบุคคลอยู่ เพื่อประสิทธิภาพในการป้องกันไม่ให้ไวรัสโควิด 19 แพร่ระบาดที่รุนแรงอย่างที่เป็นอยู่

แต่ในอีกด้านหนึ่ง ข่าวเรื่องผลข้างเคียงการฉีดวัคซีนโควิดฯ ที่เกิดขึ้นในประเทศต่าง ๆ ก็มีออกมาไม่ขาดสาย แม้จะมีจำนวนเพียงน้อยนิดเมื่อเทียบกับจำนวนผู้รับการฉีดวัคซีนก็ตาม   แต่ข่าวคราวเหล่านั้นมีอิทธิพลสร้างความกลัว หรือ อย่างน้อยสร้างความไม่มั่นใจแก่คนเหล่านั้นที่จะต้องตัดสินใจรับการฉีดวัคซีนหรือไม่

แต่อย่างไรก็ตามโดยภาพรวม หรือ โดยภาพใหญ่แล้ว จำนวนประชาชนที่ได้รับวัคซีน เมื่อนำมาเสริมหนุนกับกระบวนการป้องกันอื่น ๆ ไม่ว่า วินัยในการใส่หน้ากากอนามัย การรักษาสุขอนามัยส่วนตัวของแต่ละคน และการรักษาระยะห่างระหว่างบุคคล ตลอดจนมาตรการการกักเก็บรักษาตัวกลุ่มบุคคลที่ต้องสงสัย การฉีดวัคซีนได้เข้ามาเสริมให้ประสิทธิภาพในการป้องกันและความพยายามหยุดยั้งการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด 19 มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

ในภาวะวิกฤติรุนแรงของการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด 19 ที่เรากำลังเผชิญอยู่นี้ ผมมองว่านี่คือวิกฤติชีวิตที่คริสตชนต้องพึ่งความเชื่อศรัทธาอย่างแรงกล้ามั่นคง และ เชื่อฟังตามพระบัญชาของพระเจ้า

(1) การรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเองในภาวะวิกฤติ การสวมหน้ากากอนามัย การเว้นระยะห่างระหว่างบุคคล เป็นเรื่องของการที่คริสตชน “รักเพื่อนบ้านและดูแลเอาใจใส่ตนเอง” ตามพระบัญชาของพระเจ้า วิธีการการป้องกันดังกล่าวเป็นการป้องกันการแพร่เชื้อจากเรา(ถ้ามี)ไปยังคนอื่น และในเวลาเดียวกันเป็นการป้องกันตัวเราเองจากกรรับเชื้อจากคนอื่น(ถ้ามี)ที่เราพบปะ สัมผัส และอยู่ใกล้ชิด และกระบวนการป้องกันนี้เป็นสติปัญญาจากพระปัญญาของพระเจ้าที่ประทานให้แก่เราในทางความรู้ด้านการแพทย์ การดูแลรักษาสุขภาพ และการดูแลสุขอนามัยในชีวิตของเรา

(2) การรับมือกับสิ่งที่เราไม่รู้อีกหลายเรื่อง ตามสถานการณ์ในขณะนี้ มีอีกหลายสิ่งหลายอย่างที่วิทยาศาสตร์ทางการแพทย์ พยาบาล และสาธารณสุขที่ยังไม่รู้ รวมไปถึงวัคซีนที่มนุษย์พยายามผลิตขึ้น และลองใช้ในเวลานี้ เราไม่รู้ว่าในอนาคตข้างหน้าจะมีผลข้างเคียง ผลกระทบระยะยาวอย่างไรบ้าง อย่างที่บอกแล้วว่า การฉีดวัคซีนเป็นความเสี่ยงหนึ่งที่อาจจะต้องรับผลข้างเคียง แต่ในขณะที่การไม่รับฉีดวัคซีนก็เผชิญกับอีกความเสี่ยงหนึ่งในการรับเชื้อร้ายตัวนี้

วิกฤติในประการนี้ผมขอเรียกว่า “วิกฤติความจำกัดทางปัญญา” ของมนุษย์เราในเวลานี้ สิ่งที่ทำได้คือการทูลขอพระปัญญาของพระเจ้าที่จะช่วยเปิดเผย ชี้ทาง ให้เราค่อย ๆ เรียนรู้จะพบวิธีการที่มีประสิทธิภาพ  

พระธรรมยากอบ 1:5 บอกเราว่า “แต่ถ้าใครในพวกท่านขาดสติปัญญา ให้คนนั้นทูลขอจากพระเจ้าผู้ประทานให้กับทุกคนด้วยพระทัยกว้างขวางและไม่ทรงตำหนิ แล้วเขาก็จะได้รับตามที่ทูลขอ” (มตฐ.) และในที่นี้รวมถึงกรณีของคนที่ไม่มั่นใจในการรับฉีดวัคซีนไวรัสโควิด 19 ด้วย

(3) การไว้วางใจในแผนการของพระเจ้า ท่ามกลางวิกฤติการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด 19   สร้างความเครียดกังวลในชีวิตของผู้คนอย่างมากมาย รวมถึงคนที่บอกว่าตนเองเชื่อและวางใจในพระเจ้าด้วย ใน ฟิลิปปี 4:6-7 บอกแก่เราชัดเจนว่าในภาวะที่กังวล สับสน สิ้นหวัง ในความไม่แน่นอนนี้ให้เรา “อย่ากระวนกระวายในเรื่องใด ๆ เลย แต่ “จงทูลขอทุกสิ่งต่อพระเจ้าด้วยการอธิษฐานและการอ้อนวอนพร้อมกับการขอบพระคุณ” แล้วสันติสุขของพระเจ้าซึ่งเกินความเข้าใจจะปกป้องความคิดจิตใจของท่านไว้ในพระเยซูคริสต์”  (สมช.)



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น