12 พฤษภาคม 2564

ทำไมสมาชิกประเภทบริโภคนิยม...มักขู่ว่าจะออกจากคริสตจักร?

“อยู่คริสตจักรนี้มีแต่อดอยากปากแห้งทางจิตวิญญาณ” 

นี่คือข้ออ้างหรือเหตุผลส่วนใหญ่ของคนที่คิดจะออกจากคริสตจักรที่ตนเป็นสมาชิก หรือ ที่ตนร่วมอยู่ในตอนนี้ เหตุผลที่เขาจะออกจากคริสตจักรนี้คือ คำสอนคำเทศน์ของศิษยาภิบาลไม่ได้หนุนเสริมให้ชีวิตจิตวิญญาณของผู้ฟังเติบโตและเข้มแข็งขึ้น และส่วนมากคำสอนคำเทศน์เป็นเหมือนอาหารสำเร็จรูป หรือ “มาม่าทางจิตวิญญาณ”

แน่นอนครับคงมีศิษยาภิบาลไม่กี่ท่านกระมังที่เลี้ยงดูสมาชิกในคริสตจักรด้วย “มาม่า” เสียทุกมื้อไป? แต่ก็มีนักเทศน์ที่เทศนาแบบโชว์พาวด้านวาทศิลป์ หรือไม่ก็ตลกโปกฮาจนคนฟังหัวเราะน้ำตาไหล แทนที่จะเป็นการเทศน์ถึงพระวจนะของพระเจ้าในพระคัมภีร์

แท้จริงแล้วที่กล่าวว่า “ฉันไม่ได้รับอาหารจิตวิญญาณเพียงพอ” นั้น ผู้พูดประโยคนี้ส่วนใหญ่ลึก ๆ มักหมายความว่า ศิษยาภิบาลไม่ได้สอนไม่ได้เทศน์อย่างที่ฉันต้องการ อย่างที่ฉันชอบ  หรือไม่ก็อย่างที่ฉันคิดฉันคาด หรือพูดอย่างไม่ต้องเกรงใจกันก็คือ “ศิษยาภิบาลมิได้เชื่ออย่างที่ฉันเชื่อ” ถ้าสังเกตให้ดีเราจะเห็นว่า สมาชิกประเภทนี้มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น ไม่แตกต่างจากกระแสสังคมที่เป็นอยู่ในตอนนี้ เลยขอเรียกสมาชิกกลุ่มนี้ว่า “สมาชิกบริโภคนิยม” ในคริสตจักร

แล้วทำไมพวกสมาชิกคริสตจักรประเภทบริโภคนิยม หรือ สมาชิกที่เอาตนเองเป็นศูนย์กลางในคริสตจักร ถึงมักพูดถึงเรื่องที่ตนจะออกจากคริสตจักร?

1.  เพราะไม่เคยได้รับในสิ่งที่ตนพึงพอใจ

นี่เป็นธรรมดาหนึ่งของพวกบริโภคนิยม สมาชิกกลุ่มนี้มักถามหาว่าคริสตจักรได้ทำอะไรเพื่อสมาชิกของตนบ้าง? แม้ว่าที่ผ่านมาคริสตจักรอาจจะเคยตอบสนองความต้องการของเขาแล้ว   แต่ถ้าตอนนี้หยุดที่จะให้สิ่งที่เขาต้องการ เขาก็จะพูดถึงเรื่องการออกจากคริสตจักรอีก

2.  เพราะคนกลุ่มนี้ไม่มีเป้าหมายสูงสุดในความเชื่อ

เราท่านก็รู้อยู่แก่ใจว่า คุณลักษณะ บทบาทหลักสำคัญของสมาชิกคริสตจักรคือ การให้ การรับใช้ การสละตนเองเพื่อพระคริสต์ สมาชิกคริสตจักรอยู่เพื่อเป้าหมายตามพระประสงค์ของพระคริสต์ ซึ่งยิ่งใหญ่กว่าเป้าหมายเพื่อตนเองที่สมาชิกกลุ่มนี้มีอยู่ คุณลักษณะของสมาชิกคริสตจักรแสวงหาทางที่จะรับใช้องค์พระผู้เป็นเจ้าด้วยการรับใช้คนอื่นรอบข้าง สมาชิกที่มีคุณลักษณะเหล่านี้จะไม่ถามว่า “คริสตจักรได้ทำอะไรเพื่อฉัน?” เพราะพวกเขามุ่งและทุ่มเทอยู่กับการรับใช้คนอื่น ๆ พวก “สมาชิกประเภทบริโภคนิยม” ไม่มีเป้าหมายที่สูงไปกว่าสิ่งที่ตนเองชอบ สิ่งที่ตนเองต้องการ แล้วก็ไม่มีเป้าหมายเพื่อรับใช้พระประสงค์พระคริสต์

3.  เพราะคนกลุ่มนี้มีแนวโน้มที่สร้างการแบ่งแยก  

สมาชิกคริสตจักรประเภทบริโภคนิยมแสวงหาสิ่งต่าง ๆ เพื่อตนเอง และถ้าพวกเขาไม่ได้ในสิ่งที่ต้องการเขาก็จะวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงจนทำให้ชุมชนคริสตจักรเกิดการแตกแยกแบ่งขั้วได้   และเขาจะออกจากคริสตจักรไปก็ต่อเมื่อเขาเริ่มรู้ตัวว่า ไม่มีผู้คนในคริสตจักรที่สนับสนุนความคิดของเขา

4.  เพราะเขาคิดว่าตนเองรู้ดีกว่าคนอื่น ๆ ในคริสตจักร  

ในบางคริสตจักรสมาชิกประเภทบริโภคนิยม อาจจะส่งคลิป หรือ ลิงค์ของการเทศน์ การออกอากาศของศิษยาภิบาลคริสตจักรอื่นมาให้ศิษยาภิบาลหรือคนในคริสตจักรเพื่อแสดงให้เห็นว่า ศิษยาภิบาลในคริสตจักรอื่นทำได้ดีกว่าศิษยาภิบาลคริสตจักรนี้มากแค่ไหน เขาจะอวดและชื่นชมคริสตจักรอื่นว่าเป็นคริสตจักรที่อุดมสมบูรณ์ด้วยอาหารด้านชีวิตจิตวิญญาณ

5.  เพราะคนกลุ่มนี้ขาดความเข้าใจถึงความหมายของการเป็นสมาชิกคริสตจักรบนรากฐานของพระคัมภีร์ 

จากคุณลักษณะของสมาชิกคริสตจักรที่กล่าวใน 1โครินธ์ บทที่ 12 เป็นการกล่าวถึงอวัยวะต่าง ๆ ในร่างกายที่ทำงานร่วม ประสาน และหนุนเสริมกันและกันเพื่อให้เกิดสิ่งดีแก่ร่างกาย หรือ พระกายของพระคริสต์คือคริสตจักร และใน 1โครินธ์ บทที่ 13 ซึ่งเป็นบทที่ว่าด้วย “ความรักเมตตา”   แต่แท้จริงแล้วบทนี้กล่าวถึงความโยงใยสัมพันธ์กันและกันในคริสตจักร และ กับสังคมโลก   พวกสมาชิกคริสตจักรประเภทบริโภคนิยมยังไม่รู้ซึ้งถึงความสัมพันธ์ของสมาชิกคริสตจักรบนรากฐานพระวจนะของพระเจ้ากับการเป็นคริสตชนที่อุทิศและสละตนเอง และ การรับใช้คนอื่น

ศิษยาภิบาลครับ ท่านมิใช่เป็นเพียงคนเดียวที่ถูกสมาชิกประเภทบริโภคนิยมตีตราว่าร้ายว่า พวกเขาไม่ได้รับการเลี้ยงดูที่ดีจากศิษยาภิบาล เราพบได้ในหลายคริสตจักรถึงพิษร้ายของสมาชิกที่เอาตนเองเป็นศูนย์กลางของคริสตจักร ให้เราชื่นชมยินดีกับสมาชิกคริสตจักรที่อุทิศตน รับใช้  ที่หนุนเสริมเพิ่มพลังกัน ที่รักเมตตาตามพระประสงค์ของพระคริสต์ ที่พวกเขายอมตนเป็นเครื่องมือของพระคริสต์ในคริสตจักร

สมาชิกคริสตจักรประเภทบริโภคนิยมนั้นเป็นเหมือนเสียงของ “ฉาบ ฉิ่ง ฆ้อง และกลอง” ที่ส่งเสียงดังที่ไร้ความหมายและคุณค่า และถ้าสมาชิกประเภทบริโภคนิยมออกไปจากคริสตจักรจริง ๆ ก็คงทำให้คริสตจักรเกิดความสงบ สันติบ้างกระมัง?

แต่ศิษยาภิบาลก็พึงตระหนักเช่นกันว่า เมื่อได้ยินเสียงฉิ่ง เสียงฉาบ ฆ้อง หรือ เสียงกลอง อย่าลืมตัวไปเต้นตามเสียงที่ได้ยิน แต่ขอให้เสียงนั้นทำให้ศิษยาภิบาลนิ่งลงพิจารณาตนเองว่า   ตนเองได้เลี้ยงดู ฟูมฟัก และ อภิบาลชีวิตและจิตวิญญาณของสมาชิกคริสตจักรหรือไม่ แค่ไหน   ต้องมีการพัฒนาในด้านใดไหม?



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น