10 พฤษภาคม 2564

พระคริสต์ไม่เคยมีบัญชาให้หาสมาชิกมาเต็มอาคารโบสถ์

คริสตจักรมิใช่ที่รวมตัวกันเพื่อประกอบศาสนพิธีอย่างมีชีวิตชีวา เพราะมีผู้คนมาร่วมกันมากมายหลายคน

คริสตจักรมิใช่ที่ที่เราจะมาเพียงเพื่อผ่อนคลายความเครียด หรือ ระบายอารมณ์

คริสตจักรมิใช่เพียงที่ที่เราจะพบปะสังสรรค์และมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันกับคนพวกเดียวกัน

คริสตจักรของพระเยซูคริสต์มิได้วัดกันว่า วันอาทิตย์นี้ คืนวันพุธอาทิตย์นี้ มีคนมาเต็มอาคารโบสถ์หรือไม่? ตัวชี้วัดสุขภาพ ประสิทธิภาพ และสมรรถภาพของชีวิตคริสตจักรมิได้วัดกันที่ว่ามีคนมาโบสถ์มากน้อยแค่ไหน หรือมีคนมาเต็มโบสถ์-ล้นโบสถ์หรือเปล่า เพราะพระเยซูคริสต์ไม่เคยสั่งพวกสาวกและพวกเราว่า "ท่านจงหาคนมาก ๆ ให้มาเข้าโบสถ์ในวันอาทิตย์ เพื่อที่จะพิสูจน์ว่าท่านทั้งหลายรักเราจริง” แต่ถ้ากลับมาพิจารณาพฤติกรรมการทำพันธกิจของคริสตจักรและศิษยาภิบาลจำนวนมากในปัจจุบันได้ทุ่มเทเวลา กำลัง และวิธีการต่าง ๆ ที่จะทำให้มีคนมาร่วมกันในอาคารโบสถ์มากยิ่งขึ้น เรากำลังกระทำคลาดเคลื่อนจากพระประสงค์ที่แท้จริงของพระคริสต์หรือเปล่า?

ทั้งพระเยซูคริสต์และสาวกไม่เคยเน้นย้ำเรื่อง “การไปที่อาคารคริสตจักร” แต่จะเน้นย้ำเรื่อง “การเป็นคริสตจักร” และในมาระโก 16:15 บอกให้เราทุกคนว่า “จงออกไปทั่วโลก ประกาศข่าวประเสริฐแก่คนทั้งปวง...”  (อมธ.)

พระเยซูคริสต์ไม่เคยสอนให้เราอธิษฐานว่า “ขอให้มีคนมาเต็มอาคารคริสตจักร” แต่พระองค์บอกให้เราว่า “งานเก็บเกี่ยวมีมากแต่คนงานมีน้อยนัก เหตุฉะนั้นจงทูลขอต่อพระองค์ผู้ทรงเป็นเจ้าแห่งการเก็บเกี่ยว ให้ส่งคนงาน มายังทุ่งแห่งการเก็บเกี่ยวของพระองค์” (ลูกา 10:2 อมธ.)  พระเยซูคริสต์มุ่งเน้นที่การขอคนทำงานตามพระบัญชาของพระองค์ พระองค์ไม่ได้ขอให้มีคนมาก ๆ มานั่งในโบสถ์

การทำตามพระบัญชาของพระเยซูคริสต์ เป้าหมายของคริสตจักรไม่ใช่ การเติมเต็มคนที่เข้ามาในอาคารโบสถ์หรือคริสตจักร ให้เต็มอาคาร แต่เป็นการเติมเต็ม “ข่าวดีแห่งความรักเมตตาของพระเยซูคริสต์” ให้เต็มล้นในชีวิตเพื่อนบ้านในชุมชนเป้าหมาย

บางท่านอาจจะคิดในใจ หรือเตรียมพร้อมงัดเอาพระธรรม ลูกา 14:23 มาสวนกลับที่กล่าวมาข้างต้นว่า แล้วในคำอุปมาเรื่องงานเลี้ยง แขกที่เชิญไม่มีใครมา เจ้าของงานเลี้ยงยังให้คนใช้ไปกวาดต้อนเอาคนข้างถนนมาให้เต็มบ้านว่า “จงไปตามถนนหนทางในชนบท และระดมพวกเขามาให้เต็มบ้านของเรา” (อมธ.) คนเต็มบ้านในที่นี้ไม่ได้หมายความถึงคนเต็มอาคารคริสตจักรหรือ? คำอุปมานี้พระเยซูคริสต์เล่าเพราะมีคนถามพระองค์ถึงเรื่องคนที่มาร่วมงานเลี้ยง “ในแผ่นดินของพระเจ้า” และการที่มีคนมาเต็มบ้านในพระธรรมตอนนี้หมายถึงการนำพระกิตติคุณ (คำเชิญชวนให้มางานเลี้ยง) ของพระองค์ให้ไปประกาศนำคนทั้งหลายมาเต็ม “แผ่นดินของพระเจ้า”  (ดูข้อ 15 มตฐ.) ไม่ใช่ “อาคารคริสตจักร”

พระเยซูคริสต์เน้นการออกจากคริสตจักรแล้วเข้าไปในสังคม ไม่ใช่ให้มาเก็บตัวรวมหัวกันในอาคารคริสตจักร

เป็นเรื่องเยี่ยมยอดเลยที่อาคารคริสตจักรจะเต็มไปด้วยผู้คนที่เป็นผู้เชื่อที่นมัสการพระเจ้าด้วยความกระตือรือร้น มีชีวิตชีวา และแสวงหาพระเจ้าด้วยความจริงใจ แต่การที่จะหาคนมาใส่ให้เต็มอาคารคริสตจักรไม่ใช่เป้าหมายของพระบัญชาของพระเยซูคริสต์

พระเจ้าต้องการใช้อาคารคริสตจักรเป็น “เครื่องมือ” ที่เตรียมและเสริมสร้างสมาชิกให้เข้าไปถึงสังคมโลก อาคารคริสตจักรมิใช่ “เป้าหมาย” ของการมีคริสตจักร

คริสตจักรมากมายในปัจจุบัน ที่มีคนจำนวนมากมาเต็มอาคารคริสตจักร แล้วก็ทำกิจกรรมและประกอบพิธีกรรมต่าง ๆ ในคริสตจักร แต่ชุมชนเพื่อนบ้านโดยรอบคริสตจักรกลับไม่ได้รับการดูแล เอาใจใส่จากคริสตจักรเลย ข่าวดีของพระเยซูคริสต์ไม่ได้ตกลงในชีวิตและในชุมชนคนเหล่านั้น

ดังนั้น คริสตจักรที่ยิ่งใหญ่เข้มแข็งจึงมิได้ดูกันที่ขนาดอาคารและบริเวณคริสตจักร หรือจำนวนคนที่มาในตัวอาคาร แต่ตัวชี้วัดความยิ่งใหญ่และเข้มแข็งของคริสตจักรควรวัดกันที่ “คุณภาพชีวิตการเป็นสาวกพระคริสต์” ในชีวิตของสมาชิกแต่ละคน และ ชีวิตที่ร่วมกันของคนเหล่านี้   เป็นชุมชนผู้เชื่อที่เน้นและสำแดงออกถึงชีวิตที่เป็นรูปธรรม 2 ด้านคือ

(1) ชีวิตของสมาชิกแต่ละคนเป็นชีวิตที่ได้รับการเปลี่ยนแปลง หรือ เป็นขึ้นใหม่โดยพระคริสต์

(2) เป็นคริสตจักรที่ “เสริมสร้าง” และ “ส่งสมาชิกแต่ละคนและทุกคนให้เข้าไปในสังคมชุมชนด้วยความรักเมตตาที่เสียสละแบบพระคริสต์ รับใช้ และ แบ่งปัน “ข่าวดีของพระคริสต์” อย่างเป็นรูปธรรมผ่านการกระทำในชีวิตของสมาชิกแต่ละคน เพื่อตอบสนองความหิวกระหายในชีวิตของผู้คนรอบข้างคริสตจักร

ดังนั้น เราคงต้องชี้วัดคุณภาพ ประสิทธิภาพ สมรรถภาพ สุขภาพ และความเข้มแข็งของคริสตจักรจากการที่คริสตจักรนั้น ๆ สามารถที่จะ “ส่ง” สมาชิกของตนให้ออกจากคริสตจักรเข้าไปในสังคมชุมชนเพื่อแบ่งปันข่าวประเสริฐด้วยชีวิตมีประสิทธิภาพแค่ไหน ไม่ใช่นับจำนวนคนที่มีในอาคารและบริเวณโบสถ์ว่ามีมากเท่าใด

คริสตจักรนำผู้คนมาเชื่อศรัทธาในพระเยซูคริสต์ เพื่อจะเตรียม เสริมสร้างพวกเขาแต่ละคนให้เข้มแข็งแล้วส่งพวกเขาให้ออกจากคริสตจักร เพื่อนำพระกิตติคุณของพระคริสต์ไปยังชีวิตของคนรอบข้างที่เขาพบเห็น สัมผัส ในชีวิตประจำวันในชุมชนที่เขาอยู่และทำงาน ผ่านการดำเนินชีวิตที่สำแดงความรักเมตตาที่เสียสละของพระคริสต์

ถ้าเป็นเช่นนี้ แม้อาคารคริสตจักรของเราจะดู “โหรงเหรง” แต่เป็นที่น่าภูมิใจยิ่งครับ!



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น