07 พฤษภาคม 2564

จัดการกระบวนคิดของท่านเพื่อประสิทธิผลในการทำพันธกิจ

สุขภาพจิตของเรามีส่วนสำคัญยิ่งในการเกิดประสิทธิผลในการทำพันธกิจ เป็นการง่ายที่เรามักคิดไปว่า ปัญหาของเรามีสาเหตุจากสถานการณ์โดยรอบของเรา หรือเพราะเราขาดทรัพยากรที่ใช้ในการทำพันธกิจ หรือเพราะชุมชนคริสตจักรของเราไม่ใส่ใจแยแสต่อจิตวิญญาณ หรือเพราะการปล้ำสู้กันในชีวิตที่เรากำลังเผชิญ และส่วนใหญ่แล้วเราไม่ค่อยคิดถึงว่าสาเหตุของปัญหามาจากวิธีการคิด หรือ กระบวนคิดของเรา

แต่สัจจะความจริงก็คือว่า พระเจ้าสนใจที่จะเปลี่ยนความนึกคิดของเรามากกว่าสถานการณ์โดยรอบของเรา เราต้องการให้พระเจ้าช่วยเปลี่ยนสถานการณ์โดยรอบของเรา และช่วยขจัดปัดเป่าความเจ็บปวดและความโศกเศร้าที่เราได้รับ ประเด็นนี้ก็สำคัญ แต่พระเจ้าต้องการจัดการกับสิ่งที่กำลังเป็นอยู่ภายในชีวิตของเรามากกว่า (สิ่งที่อยู่ภายนอกชีวิตของเรา)

เปาโลบอกเราว่า“อย่าดำเนินชีวิตตามอย่างคนในโลกนี้ แต่จงรับการเปลี่ยนแปลงจิตใจความนึกคิดของท่านใหม่จากพระเจ้า เพื่อให้ท่านเป็นคนใหม่  แล้วท่านจึงจะสามารถพิสูจน์และยืนยันได้ว่าสิ่งใดคือพระประสงค์ของพระเจ้า เป็นพระประสงค์อันดีอันเป็นที่พอพระทัยและสมบูรณ์พูนพร้อมของพระองค์” (โรม 12:2 สมช.)

จะไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงใด ๆ ในชีวิตและการทำพันธกิจเลย นอกจากท่านจะเปลี่ยนวิธีคิด หรือ กระบวนคิดก่อนเท่านั้น ริก วอร์เรน ได้กล่าวถึง กระบวนยุทธการต่อสู้ทางความคิดไว้อย่างน่าสนใจดังนี้ครับ

·         เพราะความนึกคิดควบคุมชีวิตของท่าน  ทุก ๆ พฤติกรรม หรือ การกระทำเริ่มมาจากความนึกคิด ถ้าเราไม่คิดเช่นนั้นเราก็จะไม่ทำเช่นนั้น สุภาษิต 4:23 กล่าวไว้ว่า “จงระแวดระวังใจของเจ้ายิ่งกว่าสิ่งอื่นใด  เพราะทุกสิ่งที่เจ้าทำออกมาจากใจ” (มตฐ.)

แม้แต่ความคิดที่ไม่จริงก็จะหล่อหลอมชีวิตทั้งชีวิตหากท่านไม่ตรวจสอบความคิดนั้น

  • ความนึกคิดคือสมรภูมิกับอำนาจแห่งความบาปชั่ว เราชนะหรือพ่ายแพ้ในการต่อสู้กับอำนาจแห่งความบาปชั่วก็เริ่มต้นจากความนึกคิดของเรา การถูกทดลองล่อลวงล้วนเกิดขึ้นที่ความนึกคิดของเรา ผลที่ตามมาก็คือ ความบาปก็เกิดขึ้น เปาโลอธิบายกระบวนการที่เกิดขึ้นของความบาปในความนึกคิดของเราไว้เช่นนี้ว่า “เพราะในส่วนลึกข้าพเจ้าชื่นชมในบทบัญญัติ (มาตรฐานตามพระประสงค์) ของพระเจ้า แต่ข้าพเจ้าเห็นกฎอีกข้อหนึ่ง (อีกมาตรฐานหนึ่ง) อยู่ในกายของข้าพเจ้า กฎนี้ต่อสู้กับกฎภายในจิตใจของข้าพเจ้า และทำให้ข้าพเจ้าเป็นนักโทษของกฎแห่งบาปซึ่งอยู่ในกายของข้าพเจ้า” (โรม 7:22-23 สมช.สมช3ะเจ้าะสงคพระเจ้า  3รต่อสธู้กคิดของเรา   การถราไม่คิดเช่นนั้นเรากะ)  

ความนึกคิดของท่านเป็นพื้นที่การทำงานในชีวิตที่สำคัญที่สุด  และซาตานต้องการเข้าไปควบคุมกระบวนการคิดของท่าน

  • การจัดการความนึกคิดของท่านเป็นกุญแจดอกสำคัญสู่สงบสันติและความสุข   การที่ไม่มีการจัดการความนึกคิดย่อมนำสู่ความเครียด กดดัน และ ความขัดแย้ง ส่วนการที่มีการจัดการทางความนึกคิดจะนำสู่สันติสุข ความเยือกเย็น และความมั่นใจ ในโรม 8:6 กล่าวว่า “จิตใจของคนบาป หรือ จิตใจที่จดจ่ออยู่กับเนื้อหนังนำไปสู่ความตาย...” (อมธ.)

นิสัย และ วินัยชีวิตประจำวัน 3 ประการ ที่จะช่วยท่านบ่มเพาะความนึกคิดที่เข้มแข็ง:

(1) การหล่อเลี้ยงความนึกคิดของท่านด้วยสัจจะความจริง

เราต่างรู้ถึงความสำคัญของอาหารที่บำรุงเลี้ยงเรา สารอาหารที่ดีช่วยให้เราแข็งแรง และให้พลังงานมากขึ้น สารอาหารที่ไม่ดีอันตรายต่อร่างกายของเรา

นี่ก็เป็นความจริงเกี่ยวกับความนึกคิดของเรา เพื่อที่เราจะมีชีวิตที่มีสุขภาพทางความนึกคิด เราจำเป็นต้องหล่อเลี้ยงความคิดของเราด้วยสัจจะความจริง ไม่ใช่ด้วยขยะความคิด หรือ ความคิดที่เป็นพิษ

พระเยซูคริสต์ได้บอกเราเกี่ยวกับ “อาหารความคิด” ที่ดีเมื่อพระองค์ตอบโต้กับซาตานว่า  “มนุษย์ไม่อาจดำรงชีวิตด้วยอาหารเพียงอย่างเดียว แต่ดำรงชีวิตด้วยทุกถ้อยคำจากพระโอษฐ์ของพระเจ้า” (มัทธิว 4:4 อมธ.)

ท่าน...ครับ พระคัมภีร์เป็นอาหารสำหรับจิตวิญญาณของเรา เรามิเพียงอ่านเพื่อเตรียมสิ่งที่เราจะสอนและเทศน์ในวันอาทิตย์เท่านั้น แต่เราอ่านพระคัมภีร์เพื่อที่จะทำให้เรามีสุขภาพความนึกคิดที่ดีและแข็งแรงในทุก ๆ วัน

(2) การปลดปล่อยความคิดของเราจากความคิดที่ทำลายล้าง

ความนึกคิดของเราต้องการการปลดปล่อย เราเป็นนักโทษของความคิดของตนเอง เราได้รับการบอกเล่าเรื่องที่ไม่จริงเกี่ยวกับตัวเรา และเราได้หลงในหลายเรื่องที่ไม่จริงเหล่านั้น และความนึกคิดที่ชั่วเหล่านั้นได้เข้าครอบงำควบคุมการกระทำในชีวิตของเรา

ทุกวันเราต้องต่อสู้กับซาตาน ซึ่งเป็นธรรมชาติตัวเก่าของเราและระบบคุณค่าแห่งสังคมโลกนี้   แต่พระคัมภีร์บอกแก่เราว่า “อาวุธที่เราใช้ต่อสู้ไม่ใช่อาวุธของโลก แต่เป็นอาวุธที่เปี่ยมด้วยฤทธิ์อำนาจของพระเจ้าสามารถทำลายล้างที่มั่นต่าง ๆ ได้ เราทำลายล้างประเด็นโต้แย้งและคำแอบอ้างทั้งปวงที่ตั้งตัวขัดขวางความรู้ของพระเจ้า และเราสยบทุกความคิดให้ยอมจำนนเชื่อฟังพระคริสต์” (2โครินธ์ 10:4-5 อมธ.)

เบื้องหลังบาปทุกอย่างเป็นเรื่องโกหกที่เราเลือกที่จะเชื่อ และมันจะกลายเป็น “ฐานคิด” ที่แข็งแรง แต่เปาโลบอกเราว่า ให้เรา “สยบทุกความคิดให้ยอมจำนนเชื่อฟังพระคริสต์” 

เราต้องตัดสินใจให้ความนึกคิดของพระคริสต์ครอบครองในแต่ละวันของเรา เวลาที่ดีที่สุดที่จะต่อสู้เอาชนะการทดลองล่อลวง คือเราต้องจัดการควบคุมอำนาจชั่วในความนึกคิดของเราก่อนที่จะมีการลงมือกระทำ

(3)  มุ่งมองไปยังสิ่งที่ถูกต้อง

ในฟิลิปปี 4:8 กล่าวไว้ว่า “...จงใคร่ครวญถึงสิ่งเหล่านี้คือ สิ่งที่เป็นจริง สิ่งที่น่านับถือ สิ่งที่ยุติธรรม สิ่งที่บริสุทธิ์ สิ่งที่น่ารัก สิ่งที่ควรแก่การสรรเสริญ รวมทั้งถ้ามีสิ่งใดที่ยอดเยี่ยม สิ่งใดที่น่ายกย่อง” (มตฐ.) แล้วอะไรคือสิ่งดีที่เราควรให้ความสำคัญ?

  • คิดถึงพระเยซูคริสต์ ตามที่มีคำกล่าวว่า ท่านจะเป็นอย่างคนที่ท่านคิดถึงมากที่สุด   ถ้าท่านคิดเกี่ยวกับพระเยซูคริสต์ ท่านก็จะเป็นอย่างพระองค์ ดังนั้น เมื่อเรากำลังจะยอมแพ้ให้เราคิดถึงพระเยซูคริสต์
  • คิดถึงคนอื่น ทุกอย่างในโลกนี้จะสอนให้เราคิดถึงตัวเราเอง และไม่ต้องคิดถึงใครคนอื่นใด แต่พระคัมภีร์ บอกแก่เราว่า ชีวิตมิใช่เรื่องเกี่ยวกับตัวเราเอง เราจะรู้ถึงความหมายที่แท้จริงเกี่ยวกับชีวิต เมื่อเราเรียนรู้ที่จะให้ชีวิตของเราแก่ผู้อื่น
  • คิดถึงเรื่องที่เป็นนิรันดร์ ชีวิตเป็นเรื่องที่มากกว่า “ที่นี่และเดี๋ยวนี้” เรามักคิดสั้นคิดแคบคิดใกล้ตัวเราเอง โคโลสี 3:2 กล่าวว่า“จงให้ความคิดของท่านจดจ่ออยู่กับสิ่งเบื้องบน ไม่ใช่สิ่งฝ่ายโลก” (อมธ.)  

การเรียนรู้การจัดการเกี่ยวกับความนึกคิดของเราจะเปลี่ยนแปลงชีวิตของเราและพันธกิจที่เรากระทำ พระเจ้าประทานความนึกคิดแก่เรา และสิ่งนี้คือสิ่งมีค่าที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับเรา

ได้เวลาที่เราจะใส่ใจต่อสู้กับอำนาจแห่งความชั่วที่ทำสงครามในความนึกคิดของเราในแต่ละวัน



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น