สุขภาพจิตของเรามีส่วนสำคัญยิ่งในการเกิดประสิทธิผลในการทำพันธกิจ เป็นการง่ายที่เรามักคิดไปว่า ปัญหาของเรามีสาเหตุจากสถานการณ์โดยรอบของเรา หรือเพราะเราขาดทรัพยากรที่ใช้ในการทำพันธกิจ หรือเพราะชุมชนคริสตจักรของเราไม่ใส่ใจแยแสต่อจิตวิญญาณ หรือเพราะการปล้ำสู้กันในชีวิตที่เรากำลังเผชิญ และส่วนใหญ่แล้วเราไม่ค่อยคิดถึงว่าสาเหตุของปัญหามาจากวิธีการคิด หรือ กระบวนคิดของเรา
แต่สัจจะความจริงก็คือว่า
พระเจ้าสนใจที่จะเปลี่ยนความนึกคิดของเรามากกว่าสถานการณ์โดยรอบของเรา เราต้องการให้พระเจ้าช่วยเปลี่ยนสถานการณ์โดยรอบของเรา
และช่วยขจัดปัดเป่าความเจ็บปวดและความโศกเศร้าที่เราได้รับ ประเด็นนี้ก็สำคัญ แต่พระเจ้าต้องการจัดการกับสิ่งที่กำลังเป็นอยู่ภายในชีวิตของเรามากกว่า
(สิ่งที่อยู่ภายนอกชีวิตของเรา)
เปาโลบอกเราว่า“อย่าดำเนินชีวิตตามอย่างคนในโลกนี้
แต่จงรับการเปลี่ยนแปลงจิตใจความนึกคิดของท่านใหม่จากพระเจ้า
เพื่อให้ท่านเป็นคนใหม่ แล้วท่านจึงจะสามารถพิสูจน์และยืนยันได้ว่าสิ่งใดคือพระประสงค์ของพระเจ้า
เป็นพระประสงค์อันดีอันเป็นที่พอพระทัยและสมบูรณ์พูนพร้อมของพระองค์” (โรม
12:2
สมช.)
จะไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงใด
ๆ ในชีวิตและการทำพันธกิจเลย นอกจากท่านจะเปลี่ยนวิธีคิด หรือ
กระบวนคิดก่อนเท่านั้น ริก วอร์เรน ได้กล่าวถึง
กระบวนยุทธการต่อสู้ทางความคิดไว้อย่างน่าสนใจดังนี้ครับ
·
เพราะความนึกคิดควบคุมชีวิตของท่าน ทุก ๆ พฤติกรรม หรือ การกระทำเริ่มมาจากความนึกคิด ถ้าเราไม่คิดเช่นนั้นเราก็จะไม่ทำเช่นนั้น
สุภาษิต 4:23 กล่าวไว้ว่า “จงระแวดระวังใจของเจ้ายิ่งกว่าสิ่งอื่นใด เพราะทุกสิ่งที่เจ้าทำออกมาจากใจ” (มตฐ.)
แม้แต่ความคิดที่ไม่จริงก็จะหล่อหลอมชีวิตทั้งชีวิตหากท่านไม่ตรวจสอบความคิดนั้น
- ความนึกคิดคือสมรภูมิกับอำนาจแห่งความบาปชั่ว เราชนะหรือพ่ายแพ้ในการต่อสู้กับอำนาจแห่งความบาปชั่วก็เริ่มต้นจากความนึกคิดของเรา
การถูกทดลองล่อลวงล้วนเกิดขึ้นที่ความนึกคิดของเรา ผลที่ตามมาก็คือ ความบาปก็เกิดขึ้น
เปาโลอธิบายกระบวนการที่เกิดขึ้นของความบาปในความนึกคิดของเราไว้เช่นนี้ว่า “เพราะในส่วนลึกข้าพเจ้าชื่นชมในบทบัญญัติ (มาตรฐานตามพระประสงค์) ของพระเจ้า
แต่ข้าพเจ้าเห็นกฎอีกข้อหนึ่ง (อีกมาตรฐานหนึ่ง) อยู่ในกายของข้าพเจ้า
กฎนี้ต่อสู้กับกฎภายในจิตใจของข้าพเจ้า
และทำให้ข้าพเจ้าเป็นนักโทษของกฎแห่งบาปซึ่งอยู่ในกายของข้าพเจ้า” (โรม 7:22-23 สมช. )
ความนึกคิดของท่านเป็นพื้นที่การทำงานในชีวิตที่สำคัญที่สุด
และซาตานต้องการเข้าไปควบคุมกระบวนการคิดของท่าน
- การจัดการความนึกคิดของท่านเป็นกุญแจดอกสำคัญสู่สงบสันติและความสุข การที่ไม่มีการจัดการความนึกคิดย่อมนำสู่ความเครียด
กดดัน และ ความขัดแย้ง ส่วนการที่มีการจัดการทางความนึกคิดจะนำสู่สันติสุข ความเยือกเย็น
และความมั่นใจ ในโรม 8:6 กล่าวว่า “จิตใจของคนบาป
หรือ จิตใจที่จดจ่ออยู่กับเนื้อหนังนำไปสู่ความตาย...” (อมธ.)
นิสัย และ วินัยชีวิตประจำวัน 3 ประการ ที่จะช่วยท่านบ่มเพาะความนึกคิดที่เข้มแข็ง:
(1) การหล่อเลี้ยงความนึกคิดของท่านด้วยสัจจะความจริง
เราต่างรู้ถึงความสำคัญของอาหารที่บำรุงเลี้ยงเรา
สารอาหารที่ดีช่วยให้เราแข็งแรง และให้พลังงานมากขึ้น สารอาหารที่ไม่ดีอันตรายต่อร่างกายของเรา
นี่ก็เป็นความจริงเกี่ยวกับความนึกคิดของเรา
เพื่อที่เราจะมีชีวิตที่มีสุขภาพทางความนึกคิด เราจำเป็นต้องหล่อเลี้ยงความคิดของเราด้วยสัจจะความจริง
ไม่ใช่ด้วยขยะความคิด หรือ ความคิดที่เป็นพิษ
พระเยซูคริสต์ได้บอกเราเกี่ยวกับ
“อาหารความคิด” ที่ดีเมื่อพระองค์ตอบโต้กับซาตานว่า “มนุษย์ไม่อาจดำรงชีวิตด้วยอาหารเพียงอย่างเดียว
แต่ดำรงชีวิตด้วยทุกถ้อยคำจากพระโอษฐ์ของพระเจ้า” (มัทธิว 4:4 อมธ.)
ท่าน...ครับ พระคัมภีร์เป็นอาหารสำหรับจิตวิญญาณของเรา
เรามิเพียงอ่านเพื่อเตรียมสิ่งที่เราจะสอนและเทศน์ในวันอาทิตย์เท่านั้น แต่เราอ่านพระคัมภีร์เพื่อที่จะทำให้เรามีสุขภาพความนึกคิดที่ดีและแข็งแรงในทุก
ๆ วัน
(2) การปลดปล่อยความคิดของเราจากความคิดที่ทำลายล้าง
ความนึกคิดของเราต้องการการปลดปล่อย
เราเป็นนักโทษของความคิดของตนเอง เราได้รับการบอกเล่าเรื่องที่ไม่จริงเกี่ยวกับตัวเรา
และเราได้หลงในหลายเรื่องที่ไม่จริงเหล่านั้น และความนึกคิดที่ชั่วเหล่านั้นได้เข้าครอบงำควบคุมการกระทำในชีวิตของเรา
ทุกวันเราต้องต่อสู้กับซาตาน
ซึ่งเป็นธรรมชาติตัวเก่าของเราและระบบคุณค่าแห่งสังคมโลกนี้ แต่พระคัมภีร์บอกแก่เราว่า “อาวุธที่เราใช้ต่อสู้ไม่ใช่อาวุธของโลก
แต่เป็นอาวุธที่เปี่ยมด้วยฤทธิ์อำนาจของพระเจ้าสามารถทำลายล้างที่มั่นต่าง ๆ ได้ เราทำลายล้างประเด็นโต้แย้งและคำแอบอ้างทั้งปวงที่ตั้งตัวขัดขวางความรู้ของพระเจ้า
และเราสยบทุกความคิดให้ยอมจำนนเชื่อฟังพระคริสต์” (2โครินธ์
10:4-5 อมธ.)
เบื้องหลังบาปทุกอย่างเป็นเรื่องโกหกที่เราเลือกที่จะเชื่อ
และมันจะกลายเป็น “ฐานคิด” ที่แข็งแรง แต่เปาโลบอกเราว่า ให้เรา “สยบทุกความคิดให้ยอมจำนนเชื่อฟังพระคริสต์”
เราต้องตัดสินใจให้ความนึกคิดของพระคริสต์ครอบครองในแต่ละวันของเรา
เวลาที่ดีที่สุดที่จะต่อสู้เอาชนะการทดลองล่อลวง คือเราต้องจัดการควบคุมอำนาจชั่วในความนึกคิดของเราก่อนที่จะมีการลงมือกระทำ
(3) มุ่งมองไปยังสิ่งที่ถูกต้อง
ในฟิลิปปี 4:8 กล่าวไว้ว่า “...จงใคร่ครวญถึงสิ่งเหล่านี้คือ สิ่งที่เป็นจริง
สิ่งที่น่านับถือ สิ่งที่ยุติธรรม สิ่งที่บริสุทธิ์ สิ่งที่น่ารัก
สิ่งที่ควรแก่การสรรเสริญ รวมทั้งถ้ามีสิ่งใดที่ยอดเยี่ยม สิ่งใดที่น่ายกย่อง” (มตฐ.) แล้วอะไรคือสิ่งดีที่เราควรให้ความสำคัญ?
- คิดถึงพระเยซูคริสต์ ตามที่มีคำกล่าวว่า
ท่านจะเป็นอย่างคนที่ท่านคิดถึงมากที่สุด
ถ้าท่านคิดเกี่ยวกับพระเยซูคริสต์ ท่านก็จะเป็นอย่างพระองค์ ดังนั้น
เมื่อเรากำลังจะยอมแพ้ให้เราคิดถึงพระเยซูคริสต์
- คิดถึงคนอื่น ทุกอย่างในโลกนี้จะสอนให้เราคิดถึงตัวเราเอง
และไม่ต้องคิดถึงใครคนอื่นใด แต่พระคัมภีร์ บอกแก่เราว่า ชีวิตมิใช่เรื่องเกี่ยวกับตัวเราเอง
เราจะรู้ถึงความหมายที่แท้จริงเกี่ยวกับชีวิต เมื่อเราเรียนรู้ที่จะให้ชีวิตของเราแก่ผู้อื่น
- คิดถึงเรื่องที่เป็นนิรันดร์ ชีวิตเป็นเรื่องที่มากกว่า
“ที่นี่และเดี๋ยวนี้” เรามักคิดสั้นคิดแคบคิดใกล้ตัวเราเอง โคโลสี 3:2
กล่าวว่า“จงให้ความคิดของท่านจดจ่ออยู่กับสิ่งเบื้องบน
ไม่ใช่สิ่งฝ่ายโลก” (อมธ.)
การเรียนรู้การจัดการเกี่ยวกับความนึกคิดของเราจะเปลี่ยนแปลงชีวิตของเราและพันธกิจที่เรากระทำ
พระเจ้าประทานความนึกคิดแก่เรา และสิ่งนี้คือสิ่งมีค่าที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับเรา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น