28 พฤษภาคม 2564

ต้องการพบเพื่อน...แต่ได้พบเป้าหมายชีวิตจากพระเจ้าด้วย!

“ถ้าพระเจ้าของครูมีจริง และ มีฤทธิ์อำนาจพอที่จะทำให้ผมพบเพื่อน ผมจะเชื่อถือพระเยซูของครู” นี่คือกึ่งท้าทายกึ่งสัญญาของชายหนุ่มอายุ 20 ปีคนหนึ่งจากจังหวัดนครพนม

คริสตจักรโปรเตสแตนท์ในประเทศไทยรู้จักชื่อของชายคนนี้อย่างดี เพราะท่านได้รับการยกย่องว่าเป็นบิดาแห่งการประกาศพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์ และ อาจารย์พ่วง ยังเป็นที่รู้จักกันในนามของ “อาจารย์ผู้ไร้ปริญญา” ตามชื่อหนังสือที่ ศาสนาจารย์สัมฤทธิ์ วงษ์สังข์ ได้รวบรวมและเขียนขึ้น (1970)

ในหนังสือ “พระเจ้าถ้าพระองค์มีจริง ขอให้...” อาจารย์อรัญ ยูแบงก์ ยอมรับว่า อาจารย์พ่วง อรรฆภิญญ์ เป็นแบบอย่างของท่านในการฟื้นฟูและการประกาศพระกิตติคุณที่ทำในสภาคริสตจักรในประเทศไทย (อ่านหน้า 15-18   ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 5)

อาจารย์พ่วงไม่ได้เกิดและเติบโตในครอบครัวคริสเตียน มีหลายท่านถามว่า แล้วท่านมาเป็นคริสเตียน ท่านรู้จักพระเจ้า และเชื่อพระเจ้าได้อย่างไร?

เมื่อท่านอายุ 20 ปี ท่านแสวงหาชีวิตที่ดีกว่า จึงตัดสินใจเดินทางเข้ากรุงเทพฯ ทั้ง ๆ ที่ไม่มีญาติหรือคนรู้จักเลย นอกจากเพื่อนซี้คนหนึ่งและหวังที่จะพบเพื่อนคนนี้เพื่อให้เขาช่วยหางาน แต่ไม่รู้ว่าเพื่อนคนนี้มีหัวนอนปลายตีนอยู่ที่ไหนในกรุงเทพฯ เขาเดินตามหาเพื่อนอยู่หลายวันจนเหนื่อยกายอ่อนใจ

จนกระทั่งวันหนึ่ง เมื่อเดินไปบนถนนตรีเพชร ผ่านศาลาประกาศพระกิตติคุณ เห็นคนมุงดูฝรั่งสอนศาสนากำลังพูด เลยเข้าไปมุงดูด้วย เห็นผู้หญิงฝรั่งคนหนึ่ง (แหม่มมากาเร็ธ ซี. แม็คคอร์ด  Mrs. McCord) ยืนอธิบายเรื่องโยนาห์ ใบหน้าท่าทางแสดงความเป็นมิตร ดึงดูดใจให้ชายหนุ่มคนนี้เข้าไปฟัง โดยซ่อนความเกลียดชังไว้ในใจ แต่ท่านก็ยอมรับว่าคำสอนน่าฟังและจับใจมาก

วันต่อมาท่านเดินผ่านศาลาธรรมตรีเพชรอีก และท่านสังเกตเห็นป้ายเขียนตัวหนังสือตัวโตว่า  “จงขอแล้วจะได้ จงหาแล้วจะพบ จงเคาะแล้วจะเปิดให้แก่ท่าน”  ข้อความนี้จับใจท่านมาก  ท่านจึงเข้าไปในศาลาธรรมและถามผู้สอนในนั้นถึงความหมายของประโยคดังกล่าว จนเข้าใจแล้วท่านกล่าวว่า “ผมต้องการพบเพื่อนคนหนึ่ง ถ้าพระเจ้าของครูมีจริงและมีฤทธิ์อำนาจพอที่จะให้ผมพบเพื่อนได้ ผมจะเชื่อถือพระเยซู” จากนั้น ครูสอนท่านนั้นจึงพาท่านเข้าไปยังห้องอธิษฐานด้วยกัน

สามวันต่อมา ท่านเดินไปตามถนนอย่างไร้จุดหมาย ก้มหน้าก้มตาเดินเรื่อยเปื่อยไป ทันใดนั้นท่านเดินชนชายหนุ่มคนหนึ่งเข้าอย่างจัง เมื่อท่านเงยหน้าขึ้นก็พบว่าเป็นเพื่อนซี้ที่ท่านกำลังตามหา ท่านโผเข้ากอดเพื่อนและอุทานออกมาว่า “พระเจ้าตอบคำอธิษฐานแล้ว” ท่านตัดสินใจเป็นคริสเตียน และรับบัพติสมาในวันที่ 18 พฤศจิกายน ค.ศ.1915 ที่คริสตจักรสองสามย่าน   จากนั้นท่านได้ทำงานเป็นคนสวนที่บ้านหมอแมคฟาร์แลนด์

เมื่อพบกับพระเจ้า และ รับเชื่อในพระองค์ พระเจ้ามีพระประสงค์และแผนการของพระองค์ในชีวิตของชายคนนี้ อาจารย์พ่วงเริ่มต้นจากการเป็นคนทำสวน เมล็ดแห่งความเชื่อของท่านได้รับการบ่มเพาะจากผู้คนรอบข้างในชุมชนคริสตจักร ต่อมาอาจารย์พ่วง อรรฆภิญญ์ ได้เป็นนักเทศน์   นักประกาศพระกิตติคุณ และนักฟื้นฟูทั้งในคริสตจักร โรงเรียน และโรงพยาบาล ท่านได้จัดให้มีการฟื้นฟูขึ้นครั้งแรกในวันที่ 20-27 กรกฎาคม 1930 ที่คริสตจักรศรีพิมลธรรม เพชรบุรี มีประชาชนมารับเชื่อพระเจ้ามากมาย

ท่านเป็นบิดาแห่งการประกาศพระกิตติคุณของสภาคริสตจักรในประเทศไทย เป็นนักประกาศที่ไม่ได้รอเครื่องฉายหนัง รถยนต์ในการเดินทางออกไปประกาศ แต่ท่านเป็นนักประกาศที่ใช้จักรยานคู่ชีพเดินทางไปจังหวัดต่าง ๆ ทั่วเมืองไทย และนี่คืออีกสิ่งหนึ่งที่อาจารย์พ่วงได้รับของประทานตามพระประสงค์ของพระเจ้าคือ “จิตวิญญาณแห่งการประกาศพลิกฟื้นชีวิตคริสตจักร”   ซึ่งจิตวิญญาณนี้ได้ส่งทอดลงมายังรุ่นลูก อาจารย์พิษณุ อรรฆภิญญ์ ได้รับสานต่อพระราชกิจนี้ในสภาคริสตจักรใน “โครงการพัฒนาฟื้นฟูคริสตจักร” (พ.ฟ.ค.)

อาจารย์พ่วง อายุ 70 ปี ท่านได้เทศนาที่คริสตจักรสะพานเหลือง เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 1963  พระเจ้าได้รับท่านจากธรรมาสน์ ขณะที่ท่านกำลังเทศนา

จากเรื่องราวชีวิตของ ศาสนาจารย์ พ่วง อรรฆภิญญ์ เราได้รับบทเรียนชีวิตว่า พระเจ้าพร้อมที่จะตอบคำทูลขอของเราแต่ละคน มิเพียงเพื่อตอบสนองความจำเป็นต้องการในชีวิตของเราเท่านั้น  พระองค์ยังประทานเป้าหมายชีวิตแก่เราตามพระประสงค์ของพระองค์อีกด้วย



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น