21 พฤษภาคม 2564

เมื่อชาวนาใจนักเลงพิสูจน์ว่า... พระเจ้ามีอยู่จริงหรือ?

ใครกล้าบังอาจที่จะมาพิสูจน์พระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่สูงสุด!?

แต่เรื่องที่ผมจะเล่าต่อไปนี้เป็นเรื่องจริงที่เกิดในชีวิตคนธรรมดาสามัญคนหนึ่งในยุคปัจจุบัน เป็นเรื่องที่ “ชาวนาคนหนึ่ง” ที่มีใจนักเลง เป็นมือปืนในซุ้มมือปืนแห่งหนึ่งในนครปฐม ที่กำลังหมดทางออก พบทางตัน สิ้นทางสู้ในชีวิตประจำวัน เขาร้องออกมาว่า “ถ้าพระเจ้ามีจริง...ขอนกไม่เข้ามาในนาของผม”

เรื่องราวของชายชาวนาคนนี้ปรากฏเรื่องราวในหนังสือชื่อ “ถ้าพระเจ้ามีจริง  ขอให้...”  เขียนโดย ศาสนาจารย์ อรัญ ยูแบงก์  มิชชันนารี และ นักประกาศพระกิตติคุณในประเทศไทยมาตลอดชีวิต และการประกาศพระกิตติคุณพระเยซูคริสต์ของมิชชันนารีคนนี้ท่านท้าทายผู้ฟังให้กล้าที่จะ “พิสูจน์” ความมีอยู่จริง และ ความรักเมตตาที่ใส่ใจของพระเจ้า

เรื่องราวชีวิตจริงของชาวนาใจนักเลงในซุ้มมือปืนแห่งหนึ่งในนครปฐม อยู่ที่บ้านสามแยก  จังหวัดนครปฐม และนี่คือเรื่องราวชีวิตจริงของนายหอม ผู้กล้าท้าทายพิสูจน์พระเจ้าว่ามีจริงหรือไม่ เขาได้อธิษฐานท้าทายพระเจ้าด้วยเดิมพันข้าวในนาข้าวที่จะใช้เลี้ยงชีวิตครอบครัวของเขาในปีข้างหน้าทั้งปี เขาเปิดชีวิตของเขาให้พระเจ้าพิสูจน์ว่า พระองค์มีอยู่จริงหรือไม่ โดยการอธิษฐานว่า “ถ้าพระเจ้ามีจริง...ขอนกไม่เข้ามากินข้าวในนาของผม” ศาสนาจารย์ ยูแบงก์ เล่าไว้ว่า

มีอยู่วันอาทิตย์หนึ่ง หลังการเทศนา นายหอมเดินออกมาหน้าที่นมัสการพระเจ้าเพื่อถวายชีวิตให้พระเจ้า อาจารย์ยูงแบงก์ถึงกับงง ภายหลัง อาจารย์ยูแบงก์มาถามนายหอมตรง ๆ ว่า “ทำไมถึงตัดสินใจรับเชื่อพระเจ้าเร็วเช่นนี้?” นายหอมตอบว่า “ก็อาจารย์บอกว่า พระเจ้าจะตอบคำอธิษฐาน แล้วมันเป็นจริงอย่างอาจารย์บอก” เขาเล่าต่อไปว่า

“ข้าวในนาของผมเกือบจะสุกแล้วเมื่อต้นสัปดาห์นี้ ผมออกไปทุ่งนาตอนเช้ามืดไปไล่นกที่เข้ามากินข้าวในทุ่งนาผม ไล่ทีไรนกก็บินขึ้นกลางอากาศและเข้าไปในนาเพื่อนบ้านที่อยู่ข้าง ๆ นาผม   แต่เพื่อนบ้านผมเขารวยกว่าผม เขามีเครื่องทำเสียงระเบิดเป็นระยะ ๆ ทำให้นกบินหนี แล้วก็บินกลับมากินข้าวของผมอีกตามเคย”

“ผมไล่ครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ในที่สุดมันก็บินกลับมากินข้าวในนาผมอีก ผมไม่มีเวลากลับบ้านกินข้าว ผมเป็นโรคกระเพาะอยู่แล้ว ทำให้ผมปวดท้องรุนแรงมากยิ่งขึ้น”

ผมจำได้ที่อาจารย์เคยบอกว่า พระเจ้าจะตอบคำอธิษฐานที่เราขอต่อพระองค์ ผมจึงพูดออกเสียงดังว่า “ถ้าท่านเป็นพระเจ้าจริง ขอช่วยดูแลทุ่งนา และไม่ให้นกบินลงมากินข้าวในนาผม   เพื่อผมจะมีเวลากลับไปกินข้าวเช้าที่บ้าน”

หลังจากนั้นผมกลับบ้านกินข้าว เมื่อเสร็จจากกินข้าวเช้าผมกลับมาที่ทุ่งนาอีกครั้งหนึ่ง ปรากฏว่าไม่มีนกสักตัวในทุ่งนาผม พวกนกอยู่ในนาของคนอื่น เมื่อมีเสียงดังเหมือนระเบิดมันก็บินขึ้นฟ้า  แล้วบินมาอยู่เหนือทุ่งนาผมสักพักหนึ่ง แล้วบินกลับไปที่นาอื่นตามเดิม

นายหอมยืนยันว่า “พระเจ้าตอบคำอธิษฐานของผมจริง ๆ ผมจึงอยากจะมอบชีวิตให้พระเยซูคริสต์”

ในหนังสือ “ถ้าพระเจ้ามีจริง  ขอให้...”  เป็นหนังสือที่เล่าถึงชีวิตจริงของบุคคลต่าง ๆ ในสมัยปัจจุบันที่มาเชื่อพระเจ้า เพราะเขา “พิสูจน์” ได้ว่าพระเจ้ามีจริงในชีวิตของเขา เมื่อเขาคนนั้นเปิดพื้นที่ชีวิตของตนให้พระเจ้าได้พิสูจน์ถึงการมีอยู่จริง และ ให้พระเจ้าทำงานสำแดงความรักเมตตาของพระองค์ผ่านชีวิตจริงของเขาในเวลานั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวิกฤติชีวิตที่กำลังเป็นอยู่

พระเจ้าทรงพิสูจน์ว่าพระองค์มีอยู่จริงด้วยการตอบคำอธิษฐานที่ท้าทายของคนที่มีวิกฤติชีวิตทั้งด้าน ความกลัว ความรัก ความปรารถนาต้องการ ความสงสัย และ ฯลฯ และการพิสูจน์ความมีอยู่จริงของพระเจ้าแบบนี้เป็นความเชื่อที่หยั่งลงในพระวจนะของพระเจ้าที่ว่า

“เพราะ​ว่า​ทุก​คน​ที่​ขอ​ก็​ได้ และ​ทุก​คน​ที่​แสวง​หา​ก็​พบ

ทุก​คน​ที่​เคาะ​ก็​จะ​เปิด​ให้​เขา” (มัทธิว 7:8)




2 ความคิดเห็น: