ศาสนาจารย์ อรัญ ยูแบงก์ เขียนไว้ในหนังสือชื่อ “พระเจ้าถ้าพระองค์มีจริง ขอให้...” ในบทที่ว่า “โจรกลับใจ”... “ละมุดเป็นโจร! แต่ชีวิตของโจรคนนี้ทำให้ผมเห็นพลังอำนาจของพระคริสต์ที่เปลี่ยนแปลงชีวิตของคนได้” (ยูแบงก์ หน้า 77)
หมู่บ้านที่ละมุดอยู่เป็นที่รู้จักกันทั่วไปว่าเป็นหมู่บ้านมือปืนรับจ้าง
ผู้เขียนเล่าถึงประสบการณ์ที่ได้เข้าไปสัมผัสกับบรรยากาศในหมู่บ้านว่า “ผมได้สัมผัสกับถิ่นเสือเมืองเถื่อน
แต่ละที่แต่ละแห่งพูดถึงเรื่องการลักขโมย การแก้แค้น หรือไม่ก็เรื่องการฆ่าล้างทำลาย”
ละมุดได้ยินเรื่องราวข่าวดีของพระเยซูคริสต์จากหญิงชาวลาวโซ่งคนหนึ่ง
เธอเล่าถึงเรื่องการเปลี่ยนแปลงชีวิตใหม่ของน้องชาย เธอบอกละมุดว่า น้องชายของเธอได้ฆ่าชายสองคน
เมื่อน้องชายมาเป็นคริสเตียนชีวิตของเขาได้เปลี่ยนแปลงใหม่ มีชีวิตที่ดีขึ้น
ในใจลึก ๆ ของละมุดก็ต้องการมีชีวิตที่ดีขึ้นเช่นกัน
ละมุดกังวลถึงความชั่วร้าย ความผิดบาปที่ตนเคยทำไปแล้ว
เขาต้องการเปลี่ยนชีวิตใหม่ ละมุดคิดว่าเขาสามารถที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิตของตนเอง เลิกทำสิ่งชั่วร้ายที่เคยทำ
แล้วเริ่มต้นทำสิ่งดี เขาเชื่อว่าเขาต้องรับหรือชดใช้ “กรรม” หรือการกระทำของเขาที่ได้กระทำลงไปแล้ว
และเชื่อว่าไม่มีทางจะหนีพ้นกรรมเวรเหล่านี้ของตนได้
แต่ละมุดก็เชื่ออีกว่า เขาสามารถที่จะทำกรรมดีเพื่อชดใช้กรรมชั่วที่เคยทำมา
ละมุดร่วมกับพวกเพื่อน ๆ หาเงินเข้าพระศาสนาด้วยการจัดหารายได้จากการขายบัตรรำวง แต่ในการทำความดีครั้งนั้นเขาเกือบต้องฆ่าคู่แค้นคู่อาฆาตคนหนึ่งของเขา
ในที่สุด ละมุดยอมรับว่า ผมไม่สามารถที่จะเปลี่ยนชีวิตของตนเองได้ ผมไม่สามารถที่จะมีชีวิตใหม่ด้วยตนเองได้
นี่ผมเกือบจะฆ่าคนหนึ่งในงานที่ตั้งใจทำความดีในครั้งนี้
ละมุดไปหาครูใหญ่โรงเรียนคริสเตียน อาจารย์บำรุง
อดิพัฒน์ เขาพูดกับครูใหญ่ว่า “ผมมาพบครูใหญ่เพราะเดี๋ยวนี้ผมรู้แล้วว่า
ผมเปลี่ยนชีวิตของผมเองไม่ได้ ผมได้ยินมาว่า
พระเยซูคริสต์ช่วยเปลี่ยนชีวิตของคนได้ ผมต้องการให้พระเยซูช่วยเปลี่ยนชีวิตของผม”
ผู้เขียนและครูใหญ่ได้นำละมุดในการอธิษฐานรับพระเยซูคริสต์เป็นองค์พระผู้เป็นเจ้าและพระผู้ช่วยให้รอดของตน
ขอพระเยซูคริสต์ยกโทษบาปผิดที่ผ่านมาของเขา และขอพระเยซูคริสต์เปลี่ยนแปลงเสริมสร้างชีวิตใหม่แก่ตน
ละมุดได้มาร่วมนมัสการพระเจ้าในอาทิตย์ เขาได้บอกเล่าถึงความเชื่อของเขาในพระเยซูคริสต์ที่พระองค์ได้เปลี่ยนแปลงชีวิตของเขาแก่คนที่ร่วมในการนมัสการพระเจ้าในวันนั้น
ถึงแม้ละมุดบอกว่าเขาได้รับชีวิตใหม่แล้วในพระเยซูคริสต์
แต่ในจิตใจของเขายังค้างคาใจเกี่ยวกับชายสองคนที่พยายามลักขโมยจักรยานของเขา เขารู้จักว่าสองคนนี้เป็นใครกันแน่
และตั้งใจว่าจะกำจัดสองคนนี้เสียเพื่อจะไม่มีใครมารบกวนเขาอีกต่อไป
ต่อมา คนหนึ่งในสองคนนั้นได้เสียชีวิตเพราะถูกคนอื่นสังหารก่อน
ส่วนอีกคนหนึ่งต่อมาได้มาเยี่ยมละมุดอย่างไม่ได้นัดหมายก่อน ละมุดอึ้งไม่รู้จะทำอย่างไรดีเลยเข้าครัวทำอาหารเลี้ยงเขา ขณะที่กำลังรับประทานอาหารด้วยกัน ชายคนนั้นได้ขอโทษและสารภาพกับละมุดว่าเขาคือโจรคนหนึ่งที่เคยพยายามเข้ามาลักจักรยานในบ้านของละมุด
ตั้งแต่นั้นมาความเป็นศัตรูกันก็หมดสิ้นไป ภายหลังชายคนนี้ถูกยิงบาดเจ็บอยู่ข้างถนนใกล้บ้านละมุด
ละมุดได้นำเขาส่งโรงพยาบาลเพื่อรับการรักษา
อนงค์ ภรรยาของละมุดใช้เวลา 5 ปีหลังจากที่ละมุดกลับใจถึงตัดสินใจยอมรับพระเยซูคริสต์เป็นองค์พระผู้ช่วยให้รอด
เธอบอกกับอาจารย์ยูแบงก์ว่า “ดิฉันรอดูว่าพี่ละมุดเปลี่ยนแปลงชีวิตได้จริงหรือเปล่า
เขาเปลี่ยนได้จริง เวลานี้ดิฉันรับบัพติสมาแล้วและดิฉันรู้แล้วว่า การบังเกิดใหม่นั้นเป็นเช่นไร”
ละมุดรู้ว่าพระเจ้ามีจริง เพราะพระองค์เปลี่ยนแปลงชีวิตของเขา
ที่เขาเองไม่สามารถจะเปลี่ยนแปลงได้ จากบทเรียนชีวิตของละมุดเราได้เรียนรู้ชัดเจนว่า
เพราะพระเจ้าทรงเปลี่ยนแปลงชีวิตของละมุด ละมุดจึงเปลี่ยนความเชื่อ เปลี่ยนระบบคุณค่าในชีวิต
และที่สำคัญละมุดจึงมีชีวิตใหม่ และชีวิตใหม่ของละมุดได้สำแดงให้คนอื่นได้เห็นอย่างเป็นรูปธรรมว่า
พระเจ้าเปลี่ยนแปลงชีวิตของ “จอมโจร” ได้จริง ๆ ทำให้คนอื่นตัดสินใจรับและเชื่อในพระเจ้าด้วย
พระเจ้าทรงเปลี่ยนทั้งชีวิตของเราให้มีชีวิตใหม่
เราจึงมีประสบการณ์ตรงกับพระราชกิจของพระองค์ที่กระทำในชีวิตของเรา เพื่อเราจะมีความเชื่อและไว้วางใจในพระองค์ด้วยสุดชีวิต
“ความรอด” เป็นพระราชกิจที่พระเจ้าทรงลงมือกระทำก่อนในชีวิตของเราแต่ละคน
มิใช่เราพยายามทำดีก่อนให้พระเจ้าพอพระทัยเพื่อเราจะได้รับความรอดจากพระองค์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น