17 พฤษภาคม 2564

รู้ได้อย่างไรว่า ท่านเป็นคน “มองบวก”?

เมื่อพูดถึง “การมองบวก” หลายท่านได้บ่นดัง ๆ ให้ได้ยินว่า มันคืออะไรกันแน่? มองบวก จริง ๆ แล้วมองกันอย่างไร? แล้วการมองบวกเป็นการมองอย่างจริงใจหรือเปล่า?  หรือ เป็นการแสแสร้งแกล้งว่าให้ดูดีเท่านั้น หรือเป็นการวิ่งตามกระแสนิยมเท่านั้น?

ใช่ “การมองบวก” มันเป็นการมองอย่างไรกันแน่ครับ? ให้เรามาคุยกันอย่างเป็นรูปธรรมถึงการ “มองบวก” ในเรื่องเฉพาะเจาะจงลงไปดีไหมว่า เขามองกันอย่างไร?  

ในข้อเขียนนี้ผมขอชวนให้เรามาคุยกันในเรื่อง “การมองบวกในคริสตจักร และ องค์กรคริสต์ชน” ครับ ว่ามองอย่างไรกันแน่?  

ขออนุญาตแจงเป็นประเด็นดังนี้ การมองบวกคือการที่...

1. “ท่านเป็นคนที่ชื่นชมยกย่องในการงานของคนอื่น ถึงแม้ว่างานนั้นจะมิใช่เป็นความคิดของท่านเองก็ตาม” ท่านเป็นคนหนึ่งในทีมงานคริสตจักร ท่านมุ่งความสนใจและใส่ใจไปที่เพื่อนร่วมทีม

2. “ท่านมองหาสิ่งดีท่ามกลางสถานการณ์ที่เลวร้าย” ไม่ว่าสถานการณ์คริสตจักร หรือ องค์กรคริสตชนจะเป็นอย่างไรก็ตาม และดูเหมือนว่ามันยังคงจะเลวร้ายอีกยาวนาน ท่านพยายามมองหาสิ่งดีท่ามกลางความเลวร้ายที่กำลังเกิดขึ้น

3. “ท่านกล่าวถึงศิษยาภิบาลหรือผู้นำในอดีตของคริสตจักร หรือ องค์กรของท่าน ด้วยเรื่องดีดีที่ผู้นำเดิมได้ทำแก่คริสตจักรในเวลาที่ผ่านมา” แม้ว่าพันธกิจของผู้นำท่านนั้นจะดูไร้ผลดี หรือจบลงอย่างย่ำแย่ก็ตาม แต่ท่านกลับเลือกที่จะเริ่มกล่าวถึงสิ่งดีดีที่มี(จริง)ในอดีต   แต่ไม่ติดยึดกับความคิดประสบการณ์เสียหายที่ผ่านมา

4. “ท่านไม่เอาความล้มเหลวที่ผ่านมาเป็นตัวกำหนดความล้มเหลวของปัจจุบัน” ใช่การกระทำ การจัดการแบบนี้เป็นความล้มเหลวที่ท่านเคยทำผ่านมาก่อนแล้ว แต่ตระหนักเสมอว่านี่เป็นวันใหม่ ที่มิอาจเอาอดีตมากำหนดว่ามันจะต้องล้มเหลวในวันนี้ เรายังมีโอกาสที่จะคิดพิจารณาแนวทางที่จะทำให้เกิดผลดีได้ในวันใหม่นี้

5. “เมื่อมีใครเสนอความคิดใหม่ ๆ ท่านหลีกเลี่ยงที่จะตอบสนองด้วยคำว่า “แต่”” ทั้งนี้มิใช่ว่าท่านไม่รู้ถึงปัญหาที่อาจเกิดขึ้น เพียงแค่ท่านเต็มใจที่จะให้สิ่งต่าง ๆ ได้ลงมือลองทำก่อนแล้วค่อยตามด้วยการถอดบทเรียนรู้จากประสบการณ์ที่ได้รับจากการกระทำนั้น เพื่อนำสู่การพัฒนา แก้ไขกระบวนการกระทำอย่างเป็นรูปธรรมที่เฉพาะเจาะจงอย่างเหมาะสม และยังเป็นการตกลงปลงใจร่วมกันที่เลือกที่จะทำตามแนวทางที่ตกลงกันใหม่ด้วยกัน

6. “ท่านยืนหยัดรับมือกับสิ่งต่าง ๆ บนรากฐานของความเชื่อศรัทธา” ท่านเชื่ออย่างมั่นคงว่า โดยพระเจ้าทุกสิ่งย่อมเป็นไปได้ และเริ่มต้นด้วยความหวังที่พระเจ้าประทานแก่ท่าน ท่านไม่ยอมให้ความกลัวมาครอบงำจนเกิดมุมมืดในความคิดของท่าน

7. “เมื่อท่านประสบความล้มเหลวจะไม่ว่าร้ายกล่าวโทษผู้อื่น” ท่านย่อมรู้ตนเองดี ท่านรับผิดชอบต่อการกระทำของท่านเอง

8. “ท่านไม่ร่วมหัวจมท้ายกับคนที่คิดลบคิดร้าย” แท้ที่จริงแล้ว การคิดลบคิดร้ายเป็นการดูดกลืนเอาพลังในชีวิตของท่านไปหมดสิ้น

9. “ท่านรู้สึกและมีจิตใจขอบคุณในทุกสิ่ง รวมทั้งเวลาที่ยากลำบากในชีวิต” สันติสุขขององค์พระผู้เป็นได้ประจักษ์แจ้งในชีวิตของท่านไม่ว่าชีวิตของท่านต้องเผชิญในสถานการณ์เช่นไรก็ตาม

10. “ท่านรับใช้อย่างสัตย์ซื่อในคริสตจักรหรือองค์กรโดยไม่แยแสสนใจในตำแหน่งและอำนาจ” ท่านเป็นผู้นำที่รับใช้ที่ไม่เคยห่วงกังวลว่าจะได้รับการยกย่องยอมรับจากคนอื่นหรือไม่ หรือหวังตำแหน่ง เพื่อมีอำนาจและผลประโยชน์ที่ปรารถนา

11. “ท่านเป็นคนที่ใส่ใจทั้งด้านร่างกายและจิตวิญญาณของตนเอง” ท่านใช้เวลากับพระเจ้าอย่างประจำสม่ำเสมอและต่อเนื่อง ท่านไม่แบ่งแยกระหว่างชีวิตทางกายและชีวิตทางจิตวิญญาณ แต่ทั้งสองเป็นหนึ่งเดียวกันในชีวิตที่พระเจ้าทรงประทานให้

12. “คนรอบข้างชื่นชมสุขใจเมื่ออยู่กับท่าน” เพราะท่านนำความสุขสดชื่นมาในทุก ๆ ที่ที่ท่านอยู่ จริง ๆ แล้ว เราต้องการให้คนในคริสตจักรของเราเป็นคนแบบนี้



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น