แต่ทันใดนั้นพระเยซูตรัสกับพวกเขาว่า “ทำใจเข้มแข็งไว้! นี่เราเองอย่ากลัวเลย”
เปโตรทูลว่า “พระองค์เจ้าข้า หากใช่พระองค์ ขอทรงบอกให้ข้าพระองค์เดินบนน้ำไปหาพระองค์”
พระเยซูตรัสว่า “มาเถิด”
เปโตรจึงลงจากเรือเดินบนน้ำไปหาพระเยซู แต่พอเขาเห็นว่าลมพัดแรงก็กลัว และเมื่อกำลังจะจมก็ร้องว่า “พระองค์เจ้าข้า ช่วยด้วย!”
พระองค์ทรงยื่นพระหัตถ์จับเขาไว้ทันทีและตรัสว่า “ท่านผู้มีความเชื่อน้อย เหตุใดท่านจึงสงสัย”
เปโตรทูลว่า “พระองค์เจ้าข้า หากใช่พระองค์ ขอทรงบอกให้ข้าพระองค์เดินบนน้ำไปหาพระองค์”
พระเยซูตรัสว่า “มาเถิด”
เปโตรจึงลงจากเรือเดินบนน้ำไปหาพระเยซู แต่พอเขาเห็นว่าลมพัดแรงก็กลัว และเมื่อกำลังจะจมก็ร้องว่า “พระองค์เจ้าข้า ช่วยด้วย!”
พระองค์ทรงยื่นพระหัตถ์จับเขาไว้ทันทีและตรัสว่า “ท่านผู้มีความเชื่อน้อย เหตุใดท่านจึงสงสัย”
(มัทธิว 14:27-31 อมตธรรม)
ในขณะนั้นเป็นเวลาค่ำคืน และเกิดพายุรุนแรง แทนที่พวกสาวกจะอยู่ภายในบ้านที่อบอุ่น... แต่พวกเขาอยู่ในเรือที่กำลังถูกกระหน่ำและถูกปะทะด้วยแรงลมพายุในเวลานั้น เรืออยู่กลางทะเล ไม่มีฝั่งที่จะเข้าหลบภัยได้ คนในเรือลำนั้นกำลังตระหนกตกใจและเสียขวัญ
ท่ามกลางสถานการณ์ที่กำลังว้าวุ่นในเรือลำนั้น พระเยซูคริสต์ทรงดำเนินไปบนทะเลที่คลื่นลมโหมกระหน่ำแรง
เหล่าสาวกต้องตระหนกวุ่นวายไม่ได้สติเข้าไปอีก เพราะมองพระเยซูท่ามกลางพายุในทะเลว่าเป็นผีทะเล พากันร้องไม่ได้สรรพเพราะความกลัว
ท่ามกลางความสับสนวุ่นวาย และตกใจกลัวนั้น พระเยซูตรัสกับพวกเขาว่า “ทำใจเข้มแข็งไว้ นี่เราเอง อย่ากลัวเลย”
ทันทีเปโตรทูลขอเข้าไปร่วมเดินบนคลื่นพายุนั้นร่วมกับพระเยซูคริสต์
พระเยซูตรัสว่า “มาเถิด”
อะไรคือคลื่นลมพายุในชีวิตของท่านในวันนี้? ความสำคัญมิได้อยู่ที่ลมพายุนั้นพัดกระหน่ำรุนแรงแค่ไหน ปัญหามิได้อยู่ที่อุปสรรคปัญหาในงานที่ทำหนักหนาสาหัสเพียงใด ความตีบตันของทางออก ไม่ได้ขึ้นอยู่กับใครหวังดีที่ประสงค์ร้าย ไม่ได้ขึ้นอยู่กับโอกาสที่ท่านจะได้ทำงานนี้ไปอีกนานเท่าใด
แต่สิ่งที่สำคัญคือเมื่อท่านมองเข้าไปในพายุที่กำลังโหมพัดอย่างบ้าระห่ำ ท่านมองเห็นผีทะเล หรือพระเยซูคริสต์ ท่ามกลางความตื่นตระหนก และสับสนวุ่นวาย ท่านได้ยินแต่เสียงลมพายุและเสียงร้องอื้ออึงของคนรอบข้าง หรือท่านได้ยินเสียงของพระเยซูคริสต์ว่า คือเราเอง ทำใจเข้มแข็งมั่นคงไว้
สิ่งสำคัญคือ ท่ามกลางวิกฤติพายุชีวิตพระคริสต์อยู่ในวิกฤตินั้น เราเห็นพระองค์หรือไม่ เราได้ยินคำตรัสของพระองค์หรือไม่
สิ่งสำคัญคือ ท่ามกลางความสับสนว้าวุ่น พระคริสต์ตรัสกับเรา ให้กำลังใจแก่เรา เราได้ยินเสียงของพระองค์หรือเปล่า
สิ่งสำคัญคือ ท่านกล้าที่จะตัดสินใจออกจากเรือและเดินบนคลื่นแห่งพายุไปหาพระคริสต์ด้วยความไว้วางใจในพระองค์หรือเปล่า
สิ่งสำคัญคือ เมื่อท่านจะต้องจมลงในคลื่นทะเลด้วยความสงสัยนั้น ท่านจะเรียกร้องให้พระคริสต์ช่วย หรือเรียกให้ใครช่วย
สิ่งสำคัญคือ มิใช่ว่าท่านมีความเชื่อเข้มแข็งมั่นคงแค่ไหน แต่พระคริสต์ทรงพร้อมฉุดช่วยเมื่อท่านจะจมน้ำต่างหาก
สิ่งสำคัญคือ ท่านเชื่อมั่นในตนเอง หรือ เชื่อว่าการที่จะปลอดภัยจากพายุร้ายอยู่ที่การทรงปกป้องชูช่วยของพระคริสต์
หัวใจของพระกิตติคุณในวันนี้คือ พระเยซูคริสต์เป็นผู้ที่เราไว้วางใจได้ในทุกวิกฤติชีวิต พระองค์พร้อมที่จะฉุดช่วยท่านจากการโหมกระหน่ำจากพายุบ้าในทะเลแห่งชีวิต พระองค์พร้อมที่จะชูช่วยท่านที่มิได้ขึ้นกับเงื่อนไขความมากน้อยของความเชื่อศรัทธาที่มีอยู่ในตัวท่าน ไม่ได้ขึ้นกับว่าท่านถวายทรัพย์สินมากน้อยกับพระองค์ ไม่ได้ขึ้นกับว่าท่านเคยรับใช้พระองค์มามากน้อยแค่ไหน ไม่ได้ขึ้นกับว่าท่านมีตำแหน่งสำคัญสูงส่งในคริสตจักร ในสังคม ในประเทศ ที่พระองค์ทรงฉุดช่วย ไม่ได้เพราะต้องการปกป้องศักดิ์ศรี ชื่อเสียงของท่านหรือสถาบันที่ท่านรับผิดชอบ แล้วก็ไม่ได้ขึ้นกับว่าท่านเป็นศาสนาจารย์ ศิษยาภิบาล หรือผู้ปกครองคริสตจักรหรือเปล่า
แต่พระคริสต์พร้อมฉุดช่วยท่านอย่างเหมาะสมเสมอ ตามแผนการ และ วิธีการของพระองค์ เมื่อท่านเปิดชีวิตอนุญาตให้พระองค์ช่วยด้วยจริงใจไร้เงื่อนไขต่อรอง และที่เป็นพระกิตติคุณและข่าวดีคือ ในทุกวิกฤติชีวิตที่เราเผชิญ แล้วเราขอพระองค์ทรงชูช่วยเราตามแผนการณ์แนวทางของพระองค์ แม้ว่าเราอาจจะต้องได้รับความเจ็บปวดในชีวิต แต่พระองค์ทรงปรับใช้วิกฤตินั้นเป็นเครื่องมือในการหล่อหลอมบ่มเพาะชีวิตของเราให้เติบโต แข็งแกร่ง และเกิดผลตามพระประสงค์ของพระองค์
นี่เป็นข่าวดีแห่งพระคุณของพระเยซูคริสต์สำหรับชีวิตของท่านและผมครับ
ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย สันทราย เชียงใหม่
089-2628-310
บ้านแม่แก้ดน้อย สันทราย เชียงใหม่
089-2628-310
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น