จดหมายที่เรารู้จักฉบับแรกคือ 1โครินธ์ (ซึ่งน่าจะเป็นจดหมายฉบับที่สอง โปรดอ่านใน 1โครินธ์ 5:9) จดหมายฉบับนี้เป็นเรื่องที่กล่าวถึงคนในคริสตจักรที่ไม่กินเส้นกัน ไปด้วยกันไม่ได้ ภายหลังคำนำทักทายของเปาโลในบทที่ 1 แล้ว เปาโลก็ได้เล่าว่าท่านได้ยินเรื่องของคริสตจักรโครินธ์ว่าเป็นอย่างไรบ้าง(เริ่มตั้งแต่ 1:10)
“พี่น้องทั้งหลายของข้าพเจ้า คนของนางคะโลเอได้เล่าเรื่องของท่าน(ทั้งหลาย)ให้ข้าพเจ้าฟังว่า
มีการทะเลาะวิวาทกันในระหว่างพวกท่าน (หลายครั้ง, อมตธรรม) ... พวกท่านต่างกล่าวว่า
“ข้าพเจ้าเป็นศิษย์เปาโล” หรือ
“ข้าพเจ้าเป็นศิษย์อปอลโล” หรือ
“ข้าพเจ้าเป็นศิษย์เคฟัส” หรือ
“ข้าพเจ้าเป็นศิษย์พระคริสต์” (1:11-12 ฉบับมาตรฐาน)
คำภาษากรีกที่ใช้ในพระคัมภีร์ตอนนี้มีความหมายถึง การทะเลาะวิวาทอย่างพาลเกเร กินความหมายถึงการถกเถียงกันอย่างโกลาหล หรือ ด้วยความขัดเคืองใจกันอย่างแรงด้วย และคำๆ นี้เปาโลได้ใช้อีกครั้งหนึ่งใน บทที่ 3 ข้อ 3 ที่ว่า “...เพราะเมื่อ(ท่าน)ยังอิจฉากันและขัดเคืองใจกัน พวกท่านก็อยู่ฝ่ายเนื้อหนังและประพฤติอย่างคนทั่วไปมิใช่หรือ?” (ดู 3:3-4) คริสตจักรโครินธ์ถูกทำให้ฉีกขาดเป็นชิ้นๆ มิใช่เพียงความขัดแย้งเรื่องเดียว แต่เกิดจากความขัดแย้งและความสัมพันธ์ที่ตึงเครียดกันในหลายเรื่อง
เมื่อเราอ่านพระธรรม 1 โครินธ์ เราสามารถประมวลรายการที่ทำให้คริสตจักรโครินธ์แตกออกเป็นเสี่ยงๆ จากความขัดแย้งด้านต่างๆ ดังนี้
• การแบ่งพรรคแบ่งพวกว่าตนเป็นคนของใคร พวกใคร กลุ่มไหน (ปัจจุบันก็จะต้องถามว่าสีอะไร?)
- แต่ละคนเต็มไปด้วยความอิจฉา
- ปัญหาวิกฤติจริยธรรมทางด้านเพศ
- การขายบริการทางเพศ
- การแต่งงานและการหย่าร้าง
- ร่วมในการนมัสการรูปเคารพ
- การแต่งตัวไม่สุภาพในที่ชุมนุมของคริสตจักร
- ความเห็นแก่ตัวของผู้ที่มาร่วมในคริสตจักร
- การพูดจาไม่สุภาพและเหมาะสม
เรื่องที่ไม่เหมาะสมถูกต้องที่กล่าวมาทั้งสิ้นนี้เป็นประเด็นท้าทายต่อการเสริมสร้างชีวิตคริสเตียนในวัฒนธรรมสังคมที่ไม่ใช่คริสเตียน บางคนที่เมืองโครินธ์ที่มีความเชื่อในพระเยซูคริสต์ แต่ก็ยังดำเนินชีวิตตามกระแสวัฒนธรรมและสังคมโครินธ์ และทำตามวัฒนธรรมนอกคริสต์ศาสนาที่พวกเขาเคยเป็นเคยทำมาก่อน ตัวอย่างเช่น การร่วมงานเลี้ยงใหญ่ด้วยอาหารที่ผ่านการถวายบูชาแก่รูปเคารพร่วมกับคนที่ไม่เชื่อในพระคริสต์ อีกทั้งการกระทำนี้เป็นหินสะดุดของพี่น้องคริสเตียนคนอื่นๆ อีกทั้งใช้การเข้าร่วมในงานเลี้ยงดังกล่าวแสดงถึงฐานะที่เหนือกว่าทางเศรษฐกิจ ที่คนจนในคริสตจักรที่ไม่สามารถมีเงินใช้จ่ายในงานเลี้ยงที่ฟุ่มเฟือยเช่นนี้ได้
ในที่นี้ผมขอตั้งข้อสังเกตว่า การเกิดความขัดแย้งไม่เห็นด้วยกันเป็นสิ่งที่เกิดขึ้น และ เป็นปรากฏการณ์หนึ่งในความสัมพันธ์ และเป็นประสบการณ์หนึ่งในความเป็นคริสเตียนด้วย แน่นอนว่าเราในฐานะคริสเตียนย่อมรู้สึกไม่สบายใจกับความขัดแย้งหรือการทะเลาะกันในหมู่คริสเตียน ในพระคัมภีร์ก็แสดงให้เราเห็นชัดว่าสิ่งนี้ทำให้พระเจ้าไม่สบายใจด้วยเช่นกัน แต่ความขัดแย้งเป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นในความสัมพันธ์ของคริสเตียนเช่นกัน
ในที่นี้ขอกล่าวซ้ำเรื่องที่เคยกล่าวมาก่อนนี้ว่า เมื่อเกิดความขัดแย้งและทะเลาะกันในหมู่คริสตจักรด้วยกันผมเคยคิดว่า “อยากจะย้อนยุคไปอยู่ในสมัยคริสตจักรในพระคัมภีร์ใหม่ หรือ ในสมัยคริสตจักรเริ่มแรกก็คงจะดียิ่ง คริสตจักรก็คงจะไม่ยุ่งยากโกลาหลอย่างที่เป็นอยู่นี้” แต่ถ้าเราอ่านถึงสภาพชีวิตชุมชนคริสตจักรในสมัยเริ่มแรกทั้งจากจดหมายฝากที่เขียนถึงคริสตจักรต่างๆ โดยเปาโล และ จดหมายในพระธรรมวิวรณ์บทที่ 2-3 ที่เขียนถึงคริสตจักรทั้งเจ็ดในเอเชีย เราท่านจะพบว่าคริสตจักรพบกับความขัดแย้งตั้งแต่เริ่มต้น ข้อมูลความจริงนี้ให้กำลังใจกับเราว่าไม่ต้องประหลาดใจต่อการเผชิญหน้ากับความขัดแย้งในคริสตจักรหรือในหมู่คริสเตียนด้วยกันในทุกวันนี้ แต่เราควรพร้อมที่จะสังเกตและเรียนรู้ถึงมุมมองของพระเจ้า แล้วติดตามการทรงนำของพระองค์ว่าจะแก้ไขจัดการสถานการณ์ความขัดแย้งนั้นอย่างไร
ในครั้งต่อไปเราจะมาร่วมกันเรียนรู้ถึงวิธีการตอบสนองของเปาโลต่อประเด็นความขัดแย้งและการทะเลาะที่เกิดขึ้นในคริสตจักรและท่ามกลางชุมชนคริสเตียนในเมืองโครินธ์ เพื่อจะช่วยกันแสวงหาบทสรุปเชิงปฏิบัติ ตามหลักการทางคริสต์ศาสนศาสตร์ บนรากฐานพระวจนะของพระเจ้า
ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย สันทราย เชียงใหม่
081-289-4499
บ้านแม่แก้ดน้อย สันทราย เชียงใหม่
081-289-4499
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น