28 มีนาคม 2555

รักอย่างพระคริสต์... พูดง่ายแต่ทำยาก

อ่านพระธรรม 1โครินธ์ บทที่ 13

ในบทใคร่ครวญครั้งก่อน เราได้เอาคำว่า “พระคริสต์” ลงแทนที่คำว่า “ความรัก” ในพระธรรม 1โครินธ์ 13:4-7 ที่เปาโลต้องการสะท้อนภาพความรักเมตตาที่เสียสละแบบพระคริสต์ เพื่อสาวกที่ติดตามพระองค์จะรับการเสริมสร้างปรับเปลี่ยนชีวิตให้มีคุณภาพชีวิตคริสเตียนตามแบบอย่างของพระคริสต์

พระคริสต์นั้นก็อดทนนานและมีใจปรานี(และกระทำคุณให้, 1971)
พระคริสต์ไม่อิจฉา
ไม่อวดตัว
ไม่หยิ่งผยอง
ไม่หยาบคาย
ไม่เห็นแก่ตัว
ไม่ฉุนเฉียว
ไม่ช่างจดจำความผิด
ไม่ชื่นชมยินดีในความอธรรม(กระประพฤติผิด, 1971)
แต่ชื่นชมยินดีในความจริง(การประพฤติชอบ, 1971)
พระคริสต์ทนได้ทุกอย่าง(แม้ความผิดของผู้อื่น, 1971)
เชื่ออยู่เสมอ(และเชื่อในส่วนดีของเขาอยู่เสมอ, 1971)
มีความหวัง
และ(มี)ความทรหดอดทนอยู่เสมอ” (ทนต่อทุกอย่าง, 1971)

ในพระธรรม 1โครินธ์ บทที่ 13 เรียกร้องให้เราดำเนินชีวิตตามแบบอย่างของพระคริสต์ ถึงแม้ว่าเปาโลมิได้บ่งบอกชัดเจนว่า ในข้อที่ 4-7 นั้นเป็นแบบอย่างความรักที่พระคริสต์ทรงสำแดง แต่เป็นภาพชีวิตที่เปี่ยมด้วยความรักเยี่ยงพระคริสต์อยู่เบื้องหลังภาพของพระธรรมตอนนี้ และชีวิตด้วยความรักแบบพระคริสต์ได้สรุปขมวดเป็นภาพรวมที่กางเขนที่สำแดงความรักมนุษย์จึงยอมสละชีวิตของพระองค์เพื่อมนุษย์ที่พระองค์ทรงรักนั้น และพระเยซูคริสต์ทรงเรียกร้องให้ผู้ที่เป็นสาวกติดตามพระองค์ทุกคนมีชีวิตที่รักเมตตาและเสียสละแบบพระองค์ นั่นเป็นเรื่องที่พูดง่ายแต่ทำยาก

ถึงแม้เราจะพยายามที่จะดำเนินชีวิตด้วยความรักแบบพระคริสต์เราก็ยังไม่สามารถที่จะเป็นอย่างพระองค์ได้ ในความเป็นจริงแล้ว บ่อยครั้งที่เราไม่ต้องการที่จะรักแบบพระคริสต์ ท่านเคยตั้งใจที่จะไม่ทำตามความรักของพระคริสต์หรือไม่? สำหรับผมแล้วขอสารภาพว่าหลายครั้งครับ พูดแบบตรงไปตรงมา ผมไม่ต้องการหันหน้าอีกข้างหนึ่งให้คนที่ตบหน้าผมไปก่อนหน้านี้ ผมไม่อยากที่จะยกโทษให้กับคนที่ทำผิดต่อผมครั้งแล้วครั้งเล่า

แต่การที่เรายอมกระทำตามที่พระคริสต์สอนนั้นนั่นเป็นการเริ่มต้นเท่านั้น ง่ายที่เราจะพูดว่าให้เราดำเนินชีวิตตามแบบอย่างของพระคริสต์ แต่เป็นการยากอย่างยิ่งที่จะทำจริงอย่างที่พูด ยิ่งถ้าต้องตกอยู่ในภาวะที่ทะเลาะถกเถียงขัดแย้งแล้ว ยิ่งเป็นการยากอีกหลายเท่าตัว

อย่างที่ผมเล่าถึงธรรมกิจสตรีท่านหนึ่งในคริสตจักรที่ผมเคยเป็นศิษยาภิบาล ที่แสดงความฉุนเฉียวเกรี้ยวกราดกับเพื่อนสมาชิกในธรรมกิจ ซึ่งในฐานะธรรมกิจของคริสตจักรที่ได้รับการทรงเรียกให้มารับใช้ในพระราชกิจของพระเจ้าไม่ควรมีท่าทีเช่นนี้ ในที่สุด ผมต้องลุกขึ้นและพูดกับคณะธรรมกิจว่า “พี่น้องครับ ผมได้ยินและรับทราบในสิ่งที่เราต้องการกระทำจากการถกเถียงกันนี้ ผมใคร่ขอเราลองใคร่ครวญก่อนว่า ถ้าพระเยซูคริสต์อยู่กับเราในสถานการณ์เช่นนี้ พระองค์จะคิด จะตัดสินใจ และจะทำอย่างไร?” ธรรมกิจสตรีท่านนั้นระเบิดขึ้นมาว่า “ฉันไม่สนใจว่า พระเยซูคริสต์จะทำอย่างไร เพราะฉันไม่ใช่พระเยซู”

ในใจของผมต้องการตอบโต้เธอแบบสวนกลับว่า “เพราะคิดอย่างงี้นี่เอง..ถึงต้องถกเถียงกันอย่างร้อนแรงไม่จบไม่สิ้นเช่นนี้” แต่ด้วยพระคุณของพระเจ้าที่ระงับการตอบโต้ของผมที่จะเหมือนการราดน้ำมันลงบนกองไฟ แต่เมื่อเธอคิดสั้นเพียงว่า เพราะเธอไม่ใช่พระเยซูคริสต์ เธอจึงไม่ต้องทำอย่างพระองค์ และนี่มิใช่มาตรฐานชีวิตคริสเตียนอย่างแน่นอน แต่ถ้าคนที่จริงใจต้องการดำเนินชีวิตตามแบบพระคริสต์ เมื่อตกในภาวะโมโหโกรธาแล้วต้องระเบิดอารมณ์ออกมากลางวงประชุมธรรมกิจ ก็น่าจะตอบโต้ว่า “ฉันรู้แล้ว ว่าพระองค์ทรงเรียกฉันให้เป็นเหมือนพระองค์ แต่ฉันยังทำตามแบบนั้นไม่ได้ องค์พระผู้เป็นเจ้าโปรดช่วยข้าพระองค์ให้เป็นเหมือนพระองค์ด้วยเถิด”

ผมต้องยอมรับว่า
บ่อยครั้งผมต้องร้องทูลขอพระเจ้าแบบนี้ในใจของผมหลายครั้งเหลือเกิน
เมื่อผมหมดความอดทน
เมื่อเวลาที่ผมหมดใจที่จะเป็นคนที่มีจิตเมตตาปรานีต่อไป
เมื่อจิตใจของผมคุกรุ่นด้วยความผิดที่เขาคนนั้นเคยกระทำมีอะไรบ้าง
เมื่อผมสนใจเพียงแต่สิ่งที่ผมต้องการได้ต้องการทำ

แล้วบ่อยครั้งผมเองก็ต้องเสียใจที่มาสำนึกได้ภายหลังว่า
สิ่งที่ผมได้ทำลงไปแล้วนั้นคือความเห็นแก่ตัวของผมจริงๆ

แต่ก็มีหลายครั้งที่ผมต้องการให้พระเจ้าได้ช่วยให้ผมมีชีวิตอย่างแบบพระคริสต์
ในเวลานั้น พระองค์ได้เติมเต็มความอดทนลงในชีวิตของผม
พระองค์ช่วยให้ผมดำเนินชีวิตใต้แผนการของพระองค์
พระองค์ทรงเปิดหูของผมให้ได้ยินเสียงของปรปักษ์ที่อยู่ฝ่ายตรงกันข้ามกับผม

ที่มิใช่เสียงที่ทำร้ายทำลาย ที่มิใช่เสียงพยายามจะเอาชนะผมในการโต้เถียง
แต่กลับเป็นเสียงของคนๆ หนึ่งที่มีความจำเป็นต้องการในชีวิต
ที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว
ที่มีแผลเจ็บปวดในส่วนลึกของชีวิต
และปรารถนาได้รับความนุ่มนวล ความรักใคร่เข้าใจในชีวิตจากคนรอบข้าง

เมื่อเราคริสเตียนที่ต้องตกอยู่ในสถานการณ์ความขัดแย้ง ทะเลาะ โต้เถียงกัน
ผมรับรองว่า เกือบทุกครั้งเราไม่ต้องการที่จะเป็นเหมือนพระคริสต์
เพราะเส้นทางชีวิตแบบพระองค์นั้นยากลำบาก
แต่นั่นเป็นวิถีทางแห่งความรักเมตตาปรานี
เป็นเส้นทางแห่งสงบศานติ
และนั่นคือวิถีทางขององค์พระผู้เป็นเจ้า

ให้เราใช้พระธรรม 1โครินธ์ 13:4-7
เป็นตัวชี้วัดชีวิตคริสเตียนโดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์ถกเถียง ทะเลาะ ขัดแย้งกันว่า
ชีวิตคริสเตียนของเรา...

มีความอดทนจริงหรือไม่?
มีจิตใจที่เมตตาปรานีจริงหรือ?
จิตใจที่เมตตาปรานีได้สำแดงออกต่อ “คู่ปรปักษ์” หรือ “ฝ่ายตรงกันข้าม” อย่างไรบ้าง?
ท่านต้องการทำและดำเนินชีวิตไปตามทางที่ท่านพึงพอใจหรือไม่?
ท่านเปิดกรุรักษาความผิดความชั่วที่ฝ่ายตรงกันข้าม แล้วท่านนำมันออกมาทำร้ายทำลายเขาหรือไม่?
ท่านเต็มใจที่จะอดทนไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับท่านหรือไม่?

เวลาของการโต้เถียง ขัดแย้ง และทะเลาะกัน
เป็นเวลาที่คริสเตียนจะใคร่ครวญถึงการดำเนินชีวิตตามแบบพระคริสต์
เป็นเวลาที่คริสเตียนจะอธิษฐานต่อพระเจ้า
เป็นเวลาที่คริสเตียนจะเติบโตขึ้นในชีวิตคริสเตียน
และที่แน่ๆ คือ การเติบโตขึ้นในชีวิตแบบพระคริสต์เป็นเส้นทางที่ยาวไกล

ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย สันทราย เชียงใหม่
081-2894499

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น