อ่าน
โรม 11:7-16
“ข้าพเจ้ากำลังพูดกับพวกท่านซึ่งเป็นคนต่างชาติ
และในฐานะที่เป็นอัครทูต(คนที่พระเจ้าทรงส่ง)มายังคนต่างชาติ
ข้าพเจ้าให้ความสำคัญกับพันธกิจของตน(ที่ทรงมอบหมาย)
โดยหวังว่าข้าพเจ้าอาจจะกระตุ้นพี่น้องร่วมชาติ(ยิว)ให้เกิดความอิจฉาและช่วยพวกเขาบางคนให้รอดได้ เพราะถ้าการที่พระเจ้าทรงละทิ้งพวกเขา เป็นเหตุให้โลกกลับคืนดีกับพระองค์แล้ว การที่พระองค์ทรงรับพวกเขากลับมาอีกนั้น ก็เป็นเหมือนกับว่า
เขาได้ตายไปแล้วและกลับเป็นขึ้นใหม่”
(โรม 11:13-15 อมตธรรม,
ตัวเอนฉบับมาตรฐาน, ในวงเล็บผู้เขียนเพิ่ม)
ถ้าถามว่า
ทำไมคริสเตียนถึงแบ่งปันข่าวดีแห่งแผ่นดินของพระเจ้าแก่คนทั้งหลายที่ยังไม่เชื่อ คำตอบพื้นฐานทั่วไปก็คงเป็นว่า เพื่อพวกเขาจะได้รู้ถึงข่าวดีและเข้ามาอยู่ภายใต้การปกครองของพระคริสต์ในแผ่นดินของพระเจ้า เพื่อเขาจะได้สัมผัสกับความรักแห่งพระคุณของพระเจ้าในพระเยซูคริสต์
เพื่อชีวิตของเขาจะได้รับการทรงเปลี่ยนแปลงและสร้างใหม่ ทั้งในชีวิตที่เป็นอยู่ตอนนี้และต่อไปในภายหน้า
ที่เราประกาศถึงข่าวดีแห่งแผ่นดินของพระเจ้าเพราะเราต้องการเป็นสาวกที่มีประสิทธิภาพ เป็นเพื่อนร่วมสานต่อในพระราชกิจของพระคริสต์ หรือ เพื่อที่จะมีผู้เชื่อเพิ่มมากขึ้น เพื่อที่คริสตจักรจะได้ขยายมีสมาชิกมากขึ้น
แต่ผมยอมรับว่า น้อยคนนักที่จะคิดว่า
ที่เราประกาศข่าวดีแห่งแผ่นดินของพระเจ้าแก่คนที่ยังไม่เชื่อ
ก็เพื่อที่จะทำให้ คริสเตียนเดิมในคริสตจักรเกิดความอิจฉาคริสเตียนที่กลับใจมาเชื่อใหม่ใช่ไหมครับ?
แต่พระธรรมโรมตอนนี้ เปาโลบอกว่า การที่ท่านประกาศข่าวดีแห่งแผ่นดินของพระเจ้า
เพราะต้องการทำให้พวกยิว(ที่สำคัญตนว่าเป็นผู้ที่พระเจ้าทรงเลือกสรร)เกิดความอิจฉาพวกคนต่างชาติที่กลับใจมาเชื่อในพระเยซูคริสต์ ที่พวกยิวอิจฉาเพราะพวกเขาได้เห็นว่า
คนต่างชาติที่กลับใจมาเชื่อศรัทธาในพระเจ้า พระวิญญาณของพระเจ้าทรงสถิตกับพวกเขา พวกเขาได้รับพระพรของพระเจ้าผ่านการทรงปลดปล่อยชีวิตของพวกเขาออกจากการอยู่ใต้อำนาจแห่งความชั่วร้าย บางคนได้รับการเยียวยารักษาทั้งร่างกาย จิตใจ
และจิตวิญญาณ พวกเขามีชีวิตที่เปลี่ยนแปลง
ที่พวกยิวเห็นกับตาของตนเองว่า
แม้แต่ตัวพวกเขาเองก็ไม่สามารถทำให้ชีวิตตนเองเปลี่ยนแปลงได้เช่นคนต่างชาติที่มาเชื่อพระเจ้า
พวกยิวจึงอิจฉา
ที่พระเจ้าสถิต และทำงานในชีวิต และผ่านชีวิตของคนต่างชาติที่มาเชื่อในพระคริสต์ พวกเขาอิจฉาคริสเตียนต่างชาติที่ได้รับพระพรจากพระองค์ พวกเขาอิจฉาที่ดูเหมือนว่า
พระเจ้าทรงรักพวกคริสเตียนต่างชาติมากกว่าพวกยิวที่พระองค์ได้เลือกให้เป็นประชากรของพระเจ้า
พวกเขากำลังรู้สึกว่า ชีวิตของคริสเตียนต่างชาติกำลังดูมีคุณค่ามากขึ้น เพราะพระเจ้าทรงรักเมตตาคริสเตียนต่างชาติ ทรงเปลี่ยนแปลงและสร้างชีวิตใหม่แก่พวกเขา และพระเจ้าทรงใช้พวกเขาและเกิดผล แต่เปาโลชี้ชัดในที่นี้ว่า
การที่คนต่างชาติกลับใจมาเชื่อพระคริสต์และทำให้พวกยิวอิจฉาในชีวิตของคริสเตียนต่างชาติก็เพื่อว่า พี่น้องยิวเหล่านี้บางคนอาจจะกลับใจมารับเชื่อในพระคริสต์
ทุกวันนี้
เราท่านคริสเตียนประกาศถึงข่าวดีแห่งแผ่นดินของพระเจ้า
เราต้องการให้ประชาชนมารับเชื่อพระคริสต์เพิ่มมากขึ้น และในเวลาเดียวกันเรามักพบว่า
คริสเตียนใหม่เหล่านี้มีชีวิตที่กระตือรือร้นเอาจริงเอาจังกับพระวจนะของพระเจ้า ติดสนิทกับพระองค์ ทุกอย่างในชีวิตทั้งการคิด การตัดสินใจ
ทั้งในความทุกข์และความสุข
ทั้งในปัญหาและความหวัง
ทุกเรื่องในชีวิตของพวกเขานำมาเชื่อมสัมพันธ์กับความรักเมตตาและพระประสงค์ของพระคริสต์ทั้งสิ้น นอกจากนั้นแล้ว คริสเตียนใหม่ยังกระตือรือร้นในการประกาศถึงข่าวดีที่เขาเชื่อ
รับการเปลี่ยนแปลงและทรงสร้างชีวิตใหม่จากพระคริสต์
ตื่นเต้นและมีจิตใจอยากให้ทุกคนได้สัมผัสกับความรักและฤทธิ์เดชของพระคริสต์ในชีวิตประจำวัน
ชีวิตของคริสเตียนใหม่เหล่านี้ได้เป็นพลัง
“กระตุ้นให้คริสเตียนดั้งเดิมในคริสตจักรให้เกิดความอิจฉาหรือไม่” (ข้อ 14)
เพื่อที่คริสเตียนดั้งเดิมที่มีอยู่ในคริสตจักรจะได้หันหน้ากลับมาหาพระเจ้า
เพื่อคริสเตียนดั้งเดิมจะได้สัมผัสกับความรักเมตตาของพระคริสต์อีกครั้งหนึ่ง ในฉบับมาตรฐานได้แปลข้อที่ 15 ว่า “...การที่พระองค์ทรงรับเขา(ยิว
และ คริสเตียนดั้งเดิม)กลับมาอีกครั้งนั้น
ก็เป็นเหมือนกับว่าเขาได้ตายไปแล้วและกลับเป็นขึ้นใหม่”
ทำให้คิดถึงอุปมาเรื่องบุตรสองคนของพระเยซูคริสต์ พ่อพูดถึงลูกคนเล็กที่กลับมาบ้านว่า
“เพราะว่าลูกของเราคนนี้ตายแล้วแต่กลับเป็นขึ้นอีก...” (ลูกา 15:24, 32 ฉบับมาตรฐาน)
จดหมายถึงคริสตจักรโรมของเปาโลก็กำลังบอกกับเราในวันนี้ว่า
ที่เราประกาศถึงข่าวดีแห่งแผ่นดินของพระเจ้า นอกจากจะให้ผู้คนได้เชื่อศรัทธาในพระเยซูคริสต์เพิ่มมากขึ้นแล้ว และชีวิตที่พระเจ้าทรงเปลี่ยนแปลงและสร้างใหม่
จะเป็นพลังกระตุ้นให้คริสเตียนดั้งเดิมในคริสตจักรได้หันกลับมาหาพระเจ้า
ทุ่มเทและเอาจริงเอาจังกับการดำเนินชีวิตบนรากฐานพระวจนะตามพระประสงค์ของพระองค์ และมีคุณภาพชีวิตตามมาตรฐานแห่งประชากรในแผ่นดินของพระเจ้า
เพื่อว่าคริสเตียนดั้งเดิมในคริสตจักรก็จะเป็นชีวิตที่พระเจ้าสถิตด้วย ทรงทำงานในชีวิตและผ่านชีวิตของเขา
เป็นชีวิตที่มีคุณค่ามิใช่ตามสายตาความรู้สึกของเจ้าตัวเท่านั้น แต่ตามสายพระเนตรของพระเจ้าด้วย
เมื่อคริสตจักรสัตย์ซื่อ ทุ่มเท
เอาจริงเอาจังกับพระประสงค์ของพระคริสต์ที่ต้องการให้คริสตจักรของพระองค์ประกาศถึงข่าวดีแห่งแผ่นดินของพระเจ้า จะมีผู้คนที่มาเชื่อศรัทธาในพระคริสต์มากยิ่งขึ้น
และให้ชีวิตของผู้เชื่อใหม่เหล่านี้คือพลังกระตุ้นให้คริสเตียนเดิมที่มีอยู่แล้วในคริสตจักร
ที่จะกลับมาสนิท เอาจริงเอาจัง
และกระตือรือร้นในการดำเนินชีวิตตามพระประสงค์ของพระเจ้า เมื่อนั้น
คริสตจักรของพระองค์จะเติบโต เข้มแข็ง และเกิดผลตามพระบัญชาของพระคริสต์
สิ่งที่พบในคริสตจักรปัจจุบัน
(ที่เปาโลอาจจะไม่พบในคริสตจักรโรม) คือ
คริสเตียนเดิมในคริสตจักรไม่อิจฉาชีวิตของผู้เชื่อใหม่ครับ แต่พวกนี้ “หมั่นไส้” ชีวิตของคริสเตียนใหม่ครับ และนี่อาจจะเป็นอาวุธหนึ่งที่จะ “ตอน”
คริสเตียนใหม่ไม่ให้เกิดผลในชีวิต
หรือไม่ก็เป็นเหตุหนึ่งที่นำไปสู่การที่คริสเตียนใหม่ต้องแยกตัวออกไปตั้งคริสตจักรใหม่ก็มีให้เห็นเป็นหลักฐาน
แท้จริงแล้วเมื่อเปาโลใช้คำว่า
“อิจฉา” มิได้เป็นความหมายเชิงลบครับ ตามรากศัพท์ในภาษากรีกหมายถึง การที่อยากมีอยากเป็นอย่างคนๆ
นั้น ซึ่งตนเองไม่มีในเวลานี้
หรือเป็นการหึงหวงที่พระเจ้าทรงรักคนต่างชาติด้วย
(ดั่งบุตรคนโตในเรื่องอุปมาของพระเยซู) ต้องการมีชีวิตที่มีคุณค่าอย่างน้อยก็เท่าเทียมกับคนนั้น
หรือมากกว่าคนนั้น หลายครั้งที่...
“ความอิจฉา” มีพลังให้ต้องการมุมานะที่ต้องการให้ตนเองเกิดการเปลี่ยนแปลงดีขึ้นกว่าที่เป็นอยู่
แต่
“การหมั่นไส้”
เป็นพลังความชิงชังต้องการขจัด หยุดยั้ง
หรือ ต้องการเขี่ยให้ออกไปห่างๆ
ให้เรา “อิจฉา” คริสเตียนใหม่
ที่ชีวิตประจำวันของเขาที่ได้รับการสัมผัสจากพระเจ้า เพื่อเราจะถูกกระตุ้นให้หันกลับมาหาพระเจ้าในชีวิตประจำวัน
(มากกว่าพระเจ้าในวันอาทิตย์)
คำถามสำหรับไตร่ตรอง
·
ท่านเคยรู้สึกอิจฉาคริสเตียนคนอื่นหรือไม่? ทำไมถึงรู้สึกเช่นนั้น?
·
การดำเนินชีวิตของท่านที่ทำให้คนอื่นที่ยังไม่เชื่อพระเจ้าเกิด
“ความอิจฉา” ในความสัมพันธ์ที่ท่านมีกับพระเจ้าหรือไม่?
·
ท่านคิดว่าความเชื่อศรัทธาของท่านมีเพียงพอที่จะดึงดูดคนอื่นให้เข้ามาหาพระคริสต์หรือไม่?
ไตร่ตรองภาวนา
ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ข้าพระองค์ขอยอมรับว่า เรื่องการอิจฉาที่เปาโลพูดถึงในตอนนี้ดูแปลกในความคิดของข้าพระองค์
แต่เมื่อข้าพระองค์มีโอกาสใคร่ครวญจากคำสอนของเปาโล
ข้าพระองค์ต้องการมีชีวิตคริสเตียนที่คนรอบข้างมองเห็นแล้ว “อิจฉา”
ที่ข้าพระองค์มีชีวิตในพระองค์
ข้าพระองค์ต้องการให้คนรอบข้างมองเห็นถึงความชื่นชมยินดีที่ข้าพระองค์มีชีวิตในพระองค์ คนรอบข้าง “อิจฉา” ที่ข้าพระองค์ได้รับพระเมตตาที่อภัยโทษบาปแก่ข้าพระองค์ พวกเขา “อิจฉา”
ที่ได้เห็นความรักเมตตาของพระองค์ล้นไหลออกจากชีวิตของข้าพระองค์ไปยังคนรอบข้าง
แท้จริงแล้วข้าพระองค์ไม่เคยอธิษฐานเช่นนี้มาก่อน ที่ทูลขอพระองค์ให้ผู้คนรอบข้าง “อิจฉา”
ข้าพระองค์ที่ได้รับพระเมตตาอันเหลือและล้น
เพื่อผู้คนเหล่านั้นจะหันมาหาพระองค์และรับพระคุณเมตตาที่เหลือล้นจากพระองค์
โปรดให้การดำเนินชีวิตในแต่ละวันของข้าพระองค์
ที่เป็นเหตุให้ผู้คนพบเห็นและต้องการมีชีวิตเช่นนั้นในพระองค์ อาเมน
ประสิทธิ์
แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย สันทราย
เชียงใหม่
E-mail:
prasit.barnabus@gmail.com
081-2894499
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น