13 สิงหาคม 2555

อิจฉาคริสเตียนใหม่!


อ่าน โรม 11:7-16

“ข้าพเจ้ากำลังพูดกับพวกท่านซึ่งเป็นคนต่างชาติ   และในฐานะที่เป็นอัครทูต(คนที่พระเจ้าทรงส่ง)มายังคนต่างชาติ  ข้าพเจ้าให้ความสำคัญกับพันธกิจของตน(ที่ทรงมอบหมาย)   โดยหวังว่าข้าพเจ้าอาจจะกระตุ้นพี่น้องร่วมชาติ(ยิว)ให้เกิดความอิจฉาและช่วยพวกเขาบางคนให้รอดได้   เพราะถ้าการที่พระเจ้าทรงละทิ้งพวกเขา  เป็นเหตุให้โลกกลับคืนดีกับพระองค์แล้ว   การที่พระองค์ทรงรับพวกเขากลับมาอีกนั้น  ก็เป็นเหมือนกับว่า เขาได้ตายไปแล้วและกลับเป็นขึ้นใหม่” 
(โรม 11:13-15 อมตธรรม, ตัวเอนฉบับมาตรฐาน, ในวงเล็บผู้เขียนเพิ่ม) 

ถ้าถามว่า  ทำไมคริสเตียนถึงแบ่งปันข่าวดีแห่งแผ่นดินของพระเจ้าแก่คนทั้งหลายที่ยังไม่เชื่อ  คำตอบพื้นฐานทั่วไปก็คงเป็นว่า  เพื่อพวกเขาจะได้รู้ถึงข่าวดีและเข้ามาอยู่ภายใต้การปกครองของพระคริสต์ในแผ่นดินของพระเจ้า  เพื่อเขาจะได้สัมผัสกับความรักแห่งพระคุณของพระเจ้าในพระเยซูคริสต์ เพื่อชีวิตของเขาจะได้รับการทรงเปลี่ยนแปลงและสร้างใหม่ ทั้งในชีวิตที่เป็นอยู่ตอนนี้และต่อไปในภายหน้า  ที่เราประกาศถึงข่าวดีแห่งแผ่นดินของพระเจ้าเพราะเราต้องการเป็นสาวกที่มีประสิทธิภาพ   เป็นเพื่อนร่วมสานต่อในพระราชกิจของพระคริสต์  หรือ เพื่อที่จะมีผู้เชื่อเพิ่มมากขึ้น  เพื่อที่คริสตจักรจะได้ขยายมีสมาชิกมากขึ้น  

แต่ผมยอมรับว่า  น้อยคนนักที่จะคิดว่า   ที่เราประกาศข่าวดีแห่งแผ่นดินของพระเจ้าแก่คนที่ยังไม่เชื่อ ก็เพื่อที่จะทำให้ คริสเตียนเดิมในคริสตจักรเกิดความอิจฉาคริสเตียนที่กลับใจมาเชื่อใหม่ใช่ไหมครับ?

แต่พระธรรมโรมตอนนี้  เปาโลบอกว่า การที่ท่านประกาศข่าวดีแห่งแผ่นดินของพระเจ้า เพราะต้องการทำให้พวกยิว(ที่สำคัญตนว่าเป็นผู้ที่พระเจ้าทรงเลือกสรร)เกิดความอิจฉาพวกคนต่างชาติที่กลับใจมาเชื่อในพระเยซูคริสต์   ที่พวกยิวอิจฉาเพราะพวกเขาได้เห็นว่า  คนต่างชาติที่กลับใจมาเชื่อศรัทธาในพระเจ้า   พระวิญญาณของพระเจ้าทรงสถิตกับพวกเขา   พวกเขาได้รับพระพรของพระเจ้าผ่านการทรงปลดปล่อยชีวิตของพวกเขาออกจากการอยู่ใต้อำนาจแห่งความชั่วร้าย   บางคนได้รับการเยียวยารักษาทั้งร่างกาย จิตใจ และจิตวิญญาณ   พวกเขามีชีวิตที่เปลี่ยนแปลง ที่พวกยิวเห็นกับตาของตนเองว่า  แม้แต่ตัวพวกเขาเองก็ไม่สามารถทำให้ชีวิตตนเองเปลี่ยนแปลงได้เช่นคนต่างชาติที่มาเชื่อพระเจ้า

พวกยิวจึงอิจฉา ที่พระเจ้าสถิต และทำงานในชีวิต และผ่านชีวิตของคนต่างชาติที่มาเชื่อในพระคริสต์   พวกเขาอิจฉาคริสเตียนต่างชาติที่ได้รับพระพรจากพระองค์   พวกเขาอิจฉาที่ดูเหมือนว่า พระเจ้าทรงรักพวกคริสเตียนต่างชาติมากกว่าพวกยิวที่พระองค์ได้เลือกให้เป็นประชากรของพระเจ้า พวกเขากำลังรู้สึกว่า ชีวิตของคริสเตียนต่างชาติกำลังดูมีคุณค่ามากขึ้น   เพราะพระเจ้าทรงรักเมตตาคริสเตียนต่างชาติ  ทรงเปลี่ยนแปลงและสร้างชีวิตใหม่แก่พวกเขา  และพระเจ้าทรงใช้พวกเขาและเกิดผล   แต่เปาโลชี้ชัดในที่นี้ว่า การที่คนต่างชาติกลับใจมาเชื่อพระคริสต์และทำให้พวกยิวอิจฉาในชีวิตของคริสเตียนต่างชาติก็เพื่อว่า  พี่น้องยิวเหล่านี้บางคนอาจจะกลับใจมารับเชื่อในพระคริสต์

ทุกวันนี้  เราท่านคริสเตียนประกาศถึงข่าวดีแห่งแผ่นดินของพระเจ้า   เราต้องการให้ประชาชนมารับเชื่อพระคริสต์เพิ่มมากขึ้น   และในเวลาเดียวกันเรามักพบว่า คริสเตียนใหม่เหล่านี้มีชีวิตที่กระตือรือร้นเอาจริงเอาจังกับพระวจนะของพระเจ้า  ติดสนิทกับพระองค์   ทุกอย่างในชีวิตทั้งการคิด การตัดสินใจ ทั้งในความทุกข์และความสุข  ทั้งในปัญหาและความหวัง   ทุกเรื่องในชีวิตของพวกเขานำมาเชื่อมสัมพันธ์กับความรักเมตตาและพระประสงค์ของพระคริสต์ทั้งสิ้น   นอกจากนั้นแล้ว  คริสเตียนใหม่ยังกระตือรือร้นในการประกาศถึงข่าวดีที่เขาเชื่อ   รับการเปลี่ยนแปลงและทรงสร้างชีวิตใหม่จากพระคริสต์  ตื่นเต้นและมีจิตใจอยากให้ทุกคนได้สัมผัสกับความรักและฤทธิ์เดชของพระคริสต์ในชีวิตประจำวัน

ชีวิตของคริสเตียนใหม่เหล่านี้ได้เป็นพลัง “กระตุ้นให้คริสเตียนดั้งเดิมในคริสตจักรให้เกิดความอิจฉาหรือไม่” (ข้อ 14)   เพื่อที่คริสเตียนดั้งเดิมที่มีอยู่ในคริสตจักรจะได้หันหน้ากลับมาหาพระเจ้า  เพื่อคริสเตียนดั้งเดิมจะได้สัมผัสกับความรักเมตตาของพระคริสต์อีกครั้งหนึ่ง   ในฉบับมาตรฐานได้แปลข้อที่ 15 ว่า “...การที่พระองค์ทรงรับเขา(ยิว  และ คริสเตียนดั้งเดิม)กลับมาอีกครั้งนั้น   ก็เป็นเหมือนกับว่าเขาได้ตายไปแล้วและกลับเป็นขึ้นใหม่”   ทำให้คิดถึงอุปมาเรื่องบุตรสองคนของพระเยซูคริสต์   พ่อพูดถึงลูกคนเล็กที่กลับมาบ้านว่า “เพราะว่าลูกของเราคนนี้ตายแล้วแต่กลับเป็นขึ้นอีก...” (ลูกา 15:24, 32 ฉบับมาตรฐาน)

จดหมายถึงคริสตจักรโรมของเปาโลก็กำลังบอกกับเราในวันนี้ว่า  ที่เราประกาศถึงข่าวดีแห่งแผ่นดินของพระเจ้า   นอกจากจะให้ผู้คนได้เชื่อศรัทธาในพระเยซูคริสต์เพิ่มมากขึ้นแล้ว   และชีวิตที่พระเจ้าทรงเปลี่ยนแปลงและสร้างใหม่ จะเป็นพลังกระตุ้นให้คริสเตียนดั้งเดิมในคริสตจักรได้หันกลับมาหาพระเจ้า  ทุ่มเทและเอาจริงเอาจังกับการดำเนินชีวิตบนรากฐานพระวจนะตามพระประสงค์ของพระองค์   และมีคุณภาพชีวิตตามมาตรฐานแห่งประชากรในแผ่นดินของพระเจ้า   เพื่อว่าคริสเตียนดั้งเดิมในคริสตจักรก็จะเป็นชีวิตที่พระเจ้าสถิตด้วย  ทรงทำงานในชีวิตและผ่านชีวิตของเขา   เป็นชีวิตที่มีคุณค่ามิใช่ตามสายตาความรู้สึกของเจ้าตัวเท่านั้น   แต่ตามสายพระเนตรของพระเจ้าด้วย

เมื่อคริสตจักรสัตย์ซื่อ  ทุ่มเท  เอาจริงเอาจังกับพระประสงค์ของพระคริสต์ที่ต้องการให้คริสตจักรของพระองค์ประกาศถึงข่าวดีแห่งแผ่นดินของพระเจ้า   จะมีผู้คนที่มาเชื่อศรัทธาในพระคริสต์มากยิ่งขึ้น   และให้ชีวิตของผู้เชื่อใหม่เหล่านี้คือพลังกระตุ้นให้คริสเตียนเดิมที่มีอยู่แล้วในคริสตจักร ที่จะกลับมาสนิท เอาจริงเอาจัง  และกระตือรือร้นในการดำเนินชีวิตตามพระประสงค์ของพระเจ้า เมื่อนั้น คริสตจักรของพระองค์จะเติบโต เข้มแข็ง และเกิดผลตามพระบัญชาของพระคริสต์

สิ่งที่พบในคริสตจักรปัจจุบัน (ที่เปาโลอาจจะไม่พบในคริสตจักรโรม) คือ   คริสเตียนเดิมในคริสตจักรไม่อิจฉาชีวิตของผู้เชื่อใหม่ครับ  แต่พวกนี้ “หมั่นไส้” ชีวิตของคริสเตียนใหม่ครับ  และนี่อาจจะเป็นอาวุธหนึ่งที่จะ “ตอน” คริสเตียนใหม่ไม่ให้เกิดผลในชีวิต   หรือไม่ก็เป็นเหตุหนึ่งที่นำไปสู่การที่คริสเตียนใหม่ต้องแยกตัวออกไปตั้งคริสตจักรใหม่ก็มีให้เห็นเป็นหลักฐาน

แท้จริงแล้วเมื่อเปาโลใช้คำว่า “อิจฉา”  มิได้เป็นความหมายเชิงลบครับ  ตามรากศัพท์ในภาษากรีกหมายถึง การที่อยากมีอยากเป็นอย่างคนๆ นั้น ซึ่งตนเองไม่มีในเวลานี้  หรือเป็นการหึงหวงที่พระเจ้าทรงรักคนต่างชาติด้วย (ดั่งบุตรคนโตในเรื่องอุปมาของพระเยซู)  ต้องการมีชีวิตที่มีคุณค่าอย่างน้อยก็เท่าเทียมกับคนนั้น หรือมากกว่าคนนั้น   หลายครั้งที่...
“ความอิจฉา”  มีพลังให้ต้องการมุมานะที่ต้องการให้ตนเองเกิดการเปลี่ยนแปลงดีขึ้นกว่าที่เป็นอยู่  แต่  
“การหมั่นไส้”  เป็นพลังความชิงชังต้องการขจัด หยุดยั้ง  หรือ ต้องการเขี่ยให้ออกไปห่างๆ
ให้เรา “อิจฉา” คริสเตียนใหม่  ที่ชีวิตประจำวันของเขาที่ได้รับการสัมผัสจากพระเจ้า  เพื่อเราจะถูกกระตุ้นให้หันกลับมาหาพระเจ้าในชีวิตประจำวัน (มากกว่าพระเจ้าในวันอาทิตย์)  

คำถามสำหรับไตร่ตรอง

·         ท่านเคยรู้สึกอิจฉาคริสเตียนคนอื่นหรือไม่?   ทำไมถึงรู้สึกเช่นนั้น?
·         การดำเนินชีวิตของท่านที่ทำให้คนอื่นที่ยังไม่เชื่อพระเจ้าเกิด “ความอิจฉา” ในความสัมพันธ์ที่ท่านมีกับพระเจ้าหรือไม่?
·         ท่านคิดว่าความเชื่อศรัทธาของท่านมีเพียงพอที่จะดึงดูดคนอื่นให้เข้ามาหาพระคริสต์หรือไม่?

ไตร่ตรองภาวนา

ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า   ข้าพระองค์ขอยอมรับว่า  เรื่องการอิจฉาที่เปาโลพูดถึงในตอนนี้ดูแปลกในความคิดของข้าพระองค์

แต่เมื่อข้าพระองค์มีโอกาสใคร่ครวญจากคำสอนของเปาโล  ข้าพระองค์ต้องการมีชีวิตคริสเตียนที่คนรอบข้างมองเห็นแล้ว “อิจฉา” ที่ข้าพระองค์มีชีวิตในพระองค์   ข้าพระองค์ต้องการให้คนรอบข้างมองเห็นถึงความชื่นชมยินดีที่ข้าพระองค์มีชีวิตในพระองค์  คนรอบข้าง “อิจฉา” ที่ข้าพระองค์ได้รับพระเมตตาที่อภัยโทษบาปแก่ข้าพระองค์   พวกเขา “อิจฉา” ที่ได้เห็นความรักเมตตาของพระองค์ล้นไหลออกจากชีวิตของข้าพระองค์ไปยังคนรอบข้าง

แท้จริงแล้วข้าพระองค์ไม่เคยอธิษฐานเช่นนี้มาก่อน   ที่ทูลขอพระองค์ให้ผู้คนรอบข้าง “อิจฉา” ข้าพระองค์ที่ได้รับพระเมตตาอันเหลือและล้น   เพื่อผู้คนเหล่านั้นจะหันมาหาพระองค์และรับพระคุณเมตตาที่เหลือล้นจากพระองค์   โปรดให้การดำเนินชีวิตในแต่ละวันของข้าพระองค์  ที่เป็นเหตุให้ผู้คนพบเห็นและต้องการมีชีวิตเช่นนั้นในพระองค์   อาเมน

ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย  สันทราย  เชียงใหม่
E-mail: prasit.barnabus@gmail.com
081-2894499

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น