ในทุกวันนี้
ชีวิตของเราต้องเผชิญหน้ากับข้อมูลข่าวสารมากมาย
เรียกว่า “ดั้มพ์” เททับชีวิตของเราก็ว่าได้
จนบ่อยครั้งที่เราไม่รู้ว่าจะฟังจะเชื่อเสียงแนะนำเสียงใดดี! ยิ่งกว่านั้น เรายังต้องเผชิญกับเสียงเหล่านั้นว่า หลายเสียงแนะนำเป็นเสียงที่มีเหตุมีผล เป็นสิ่งที่ดีที่งาม เป็นสิ่งที่ถูกต้องน่าจะทำ ประสบการณ์บอกผมว่าตัดสินใจลำบากมากเลยครับ
เมื่อพระเยซูคริสต์ได้รับบัพติศมาจากยอห์น
พระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้าเสด็จลงมาสถิตในชีวิตของพระองค์ ยิ่งกว่านั้น
ยังมีเสียงจากเบื้องบนที่ยืนยันในที่สาธารณะว่า พระองค์เป็นบุตรที่รักของพระเจ้า และสิ่งหนึ่งที่เราท่านทราบดีว่า จากนั้น พระวิญญาณก็ทรงนำพระองค์เข้าไปในถิ่นทุรกันดาร
หลังจากอดอาหารสี่สิบวันสี่สิบคืนแล้ว พระเยซูทรงหิว
มารผู้ทดลองได้มาหาพระองค์และทูลว่า
‘ถ้าท่านเป็นพระบุตรของพระเจ้า จงสั่งก้อนหินเหล่านี้ให้เป็นขนมปัง’ (มัทธิว 4:2-3 อมตธรรม)
น่าสังเกตว่า เหตุการณ์การทดลองนี้เกิดขึ้นกับพระเยซูเมื่อพระวิญญาณสถิตกับพระองค์
และ ทรงนำในชีวิตของพระองค์ เมื่อพระเยซูคริสต์ทรงอดอาหารและอธิษฐานต่อพระเจ้าในถิ่นทุรกันดาร เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อพระองค์ได้รับการยืนยันว่าพระองค์เป็นบุตรที่รักของพระเจ้า และเป็นพึงพอใจของพระเจ้า
เหตุการณ์การทดลองที่เกิดขึ้นกับพระเยซูคริสต์ เกิดขึ้นเมื่อ...
พระองค์ได้รับการทรงเจิมจากพระเจ้า
พระองค์มีพระเจ้าอยู่ด้วยในชีวิต
พระองค์ได้รับสถานภาพ (ตำแหน่ง) สำคัญถึงขั้นเป็น “บุตรสุดที่รัก”
ของพระเจ้า
คนเช่นนี้หรือที่มารเลือกทดลองในชีวิตของเขา?
ใช่ครับ มารเลือกทดลองคนเช่นนี้ แต่เมื่อสภาพชีวิตทางกายเกิด “ความอยาก” เกิด “ความหิว” และแน่นอนครับ
พระเยซูคริสต์ทรงเห็นถึงประชาชนจำนวนมากมายในสมัยของพระองค์ต้อง
“หิวโหย” “อดอยากอาหาร” พระองค์ทรงเมตตาและต้องการช่วยเหลือ
ขนมปังเป็นสิ่งจำเป็นที่มีค่าสำหรับประชาชนคนส่วนใหญ่
เสียงจากภายในชีวิตของพระเยซูคริสต์ดังขึ้น พระเจ้าสถิตอยู่ พระเจ้าให้มีความสามารถ อำนาจ
ฤทธิ์เดชแก่พระเยซูคริสต์แล้ว
พระองค์มีสิทธิที่จะใช้เพื่อแก้ปัญหาที่กำลังเผชิญอยู่ ทั้งความหิวของพระองค์เอง และ
ความหิวของประชาชนคนยากไร้
และที่สำคัญคือ
นี่จะเป็นการเริ่มต้นพันธกิจที่เยี่ยมยอดที่สุดของพระเยซู
เพราะประชาชนคนทั่วไปจะเห็นและยอมรับพระเยซูทันทีว่า
พระองค์คือคนที่พระเจ้าทรงมาช่วยกอบกู้ประชาชน
พระองค์คือพระเมสสิยาห์!
แต่ทำไมพระเยซูไม่ยอมสั่งก้อนหินเหล่านั้นให้เป็นขนมปัง! ทั้งๆ ที่การกระทำนี้คือสิ่งที่ถูกต้อง
เพราะนี่คือการสร้างความยุติธรรม
ประชาชนจะมีขนมปังกิน
และที่ทำก็เป็นการที่พระองค์รับผิดชอบใช้ฤทธิ์เดชที่พระองค์ได้รับจากพระบิดาที่มีในตัวของพระองค์ เป็นเหมือนกับคนที่ได้รับตะลันต์จากเจ้านายแล้วใช้ให้เกิดดอกออกผล?
ใช่ครับ
พระเยซูคริสต์ไม่ยอมทำตามเสียงที่ดังก้องภายในชีวิตของพระองค์ครับ
เพราะที่พระองค์มาในโลกนี้มิใช่มาเพื่อสร้าง
“กระแสประชานิยม” กล่าวคือให้ผู้คนประชาชนยิวนิยมชมชอบ
และ ยอมรับพระองค์เป็นพระเมสสิยาห์
เพราะพระองค์มิได้นำ “แผ่นดินของพระเจ้า” มาในโลกนี้ด้วย
“พลังแห่งประชาธิปไตย” (หรือเสียงข้างมากคือฝ่ายชนะ) กล่าวคือ
ทำให้ประชาชนยิวพร้อมที่จะหนุนช่วยและเป็นคลื่นมหาชนที่จะกอบกู้อิสรภาพแก่ประเทศอิสราเอลจากการกดขี่ของโรม
เพราะพระเยซูคริสต์มิได้มาเพื่อเป็น “พระเอกขี่ม้าขาว”
เพื่อทำตามใจประสงค์ของประชาชนคนยิว
แต่พระองค์มาเพื่อที่จะกระทำตามพระประสงค์ของพระเจ้า และ
ให้น้ำพระทัยของพระบิดาสำเร็จในแผ่นดินโลก
อย่างที่สำเร็จแล้วในแผ่นดินสวรรค์
พระเยซูคริสต์ทรงตอบสนองเสียงภายในครั้งนี้ว่า “มีคำเขียนไว้ว่า ‘มนุษย์ไม่อาจดำรงชีวิตด้วยอาหารเพียงอย่างเดียว แต่ดำรงชีวิตด้วยทุกคำจากพระโอษฐ์ของพระเจ้า’” (4:4 อมตธรรม)
ประการสำคัญของเรื่องราวในตอนนี้คือ พระเยซูคริสต์มิได้พึ่งพิงฤทธิ์อำนาจ
ความสามารถ ทักษะที่พระบิดาประทานให้แก่พระองค์เพื่อกระทำกิจต่างๆ ตอบสนอง
“ความต้องการ” “จุดประสงค์”
ของพระเยซูคริสต์เอง
แต่พระองค์ทรงพึ่งพิงในพระวจนะของพระเจ้า
ที่สำแดงถึงพระประสงค์ของพระองค์
กล่าวคือ
พระเยซูคริสต์ทรงกระทำพระราชกิจของพระองค์ด้วยการพึ่งพิงการทรงกระทำพระราชกิจของพระเจ้าผ่านชีวิตของพระองค์ โดยมีเป้าหมายชัดเจนคือ
“พระประสงค์ของพระเจ้า” มิใช่
“จุดประสงค์ของฉัน”
ดังนั้น เราต้องระมัดระวังอย่างมากว่า
การตอบสนองต่อเสียงภายในของเราแต่ละคนต้องไม่เป็นการตอบสนองที่ทำให้เราต้องแชเชือนไปจากพระประสงค์ของพระเจ้าในชีวิตและการงานของเรา!
ถ้าเช่นนั้น การที่คริสตชนในปัจจุบันจะตัดสินใจทำอะไรลงไป น่าจะมีจิตอธิษฐานภาวนาว่า สิ่งที่จะตัดสินใจทำลงไปนี้ เป็นความต้องการ จุดประสงค์ ความประสงค์ของเราเอง หรือนี่เป็นพระประสงค์ของพระเจ้า เช่นเหตุการณ์ร้อนๆ ที่เกิดขึ้นกับคริสตจักรไทยตอนนี้
เช่น
คริสตชนต่อสู้เอาแพ้เอาชนะกัน จนต้องไปขึ้นโรงขึ้นศาล พระวจนะของพระเจ้าว่าอย่างไรในเรื่องนี้
เราจะไปแสวงหาความชอบธรรมด้วยวิธีการเช่นนี้หรือ? ความชอบธรรมของใคร ความถูกต้องเพื่อใคร พิสูจน์ความจริงเพื่อผลประโยชน์ของใคร? หยุดคิดสักนิด พินิจสักหน่อยว่านี่เป็นพระประสงค์ของพระเจ้าในการนำแผ่นดินของพระองค์มาปรากฏเป็นจริงบนแผ่นดินไทยหรือไม่?
ตอนนี้คริสตชนแทนที่จะประกาศถึงข่าวดีของพระเยซูคริสต์ แต่แปรเปลี่ยนเป็นการประกาศข่าวร้ายของคริสตชนคนอื่น ต้องการประกาศความจริงบนการทำร้ายทำลาย
“ฝ่ายตรงกันข้าม” สิ่งเหล่านี้เป็นข่าวดีแห่งแผ่นดินของพระเจ้าหรือไม่? การกระทำเช่นนี้จะทำให้คนทั่วไปได้เห็นและสรรเสริญพระบิดาของคริสตชนที่อยู่ในสวรรค์หรือเปล่า?
และคงต้องถามว่านี่เป็นการกระทำที่เป็นพระประสงค์ของพระเจ้าในชีวิตคริสตจักรไทยของเราหรือไม่?
วันนี้เราจะฟังเสียงของใครดี?
วันนี้
เราแต่ละคนคงต้องสงบอยู่ต่อหน้าพระพักตร์พระเจ้า ก่อนที่จะตัดสินใจ และ
กระทำสิ่งหนึ่งสิ่งใดในชีวิตว่า
นี่เป็นพระประสงค์ของพระเจ้าหรือไม่?
และอะไรคือพระประสงค์ของพระเจ้าสำหรับข้าพระองค์ในสถานการณ์นี้? พระองค์ประสงค์ทำงานในชีวิตของข้าพระองค์อย่างไร และมีพระประสงค์จะทำงานผ่านชีวิตของข้าพระองค์ในเรื่องอะไร? ขอให้ใช้ชีวิตของข้าพระองค์เป็นไปตามพระประสงค์ของพระองค์เถิด! อาเมน
ประสิทธิ์
แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย สันทราย
เชียงใหม่
E-mail:
prasit.barnabus@gmail.com
081-2894499
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น