อ่าน 1โครินธ์ 12:13-20
เพราะว่าไม่ว่าจะเป็นยิวหรือกรีก ทาสหรือเสรีชน
เราได้รับบัพติศมาในพระวิญญาณองค์เดียวเข้าเป็นกายเดียวกัน
และพระวิญญาณองค์เดียวกันเป็นเหมือนน้ำที่ประทานให้เราทุกคนได้ดื่ม
เพราะว่าร่างกายไม่ได้ประกอบด้วยอวัยวะเดียว แต่ด้วยหลายอวัยวะ
ถ้าเท้าจะพูดว่า “เพราะฉันไม่ได้เป็นมือ ฉันจึงไม่ได้เป็นอวัยวะของร่างกาย”
เท้าก็ไม่ได้เป็นอวัยวะของร่างกายเพราะเหตุนี้ย่อมไม่ได้
ถ้าหูจะพูดว่า “เพราะฉันไม่ได้เป็นตา ฉันจึงไม่เป็นอวัยวะของร่างกาย”
หูก็ไม่เป็นอวัยวะของร่างกายเพราะเหตุนี้ย่อมไม่ได้
ถ้าร่างกายทั้งหมดเป็นตา การได้ยินจะอยู่ที่ไหน?
ถ้าร่างกายทั้งหมดเป็นหู การดมกลิ่นจะอยู่ที่ไหน?
แต่พระเจ้าทรงตั้งอวัยวะแต่ละอวัยวะไว้ในร่างกายตามชอบพระทัยพระองค์
ถ้าอวัยวะทั้งหมดเป็นอวัยวะเดียว ร่างกายจะมีที่ไหน?
ความจริงมีอวัยวะหลายอย่าง แต่ยังมีร่างกายเดียวกัน” (ฉบับมาตรฐาน)
บทเรียนจากพระวจนะ
ถ้าอวัยวะแต่ละอวัยวะมองเห็นแต่ความสำคัญโดดเด่นในความสามารถของอวัยวะอื่น
แล้วมองข้ามความสำคัญจำเป็นในความสามารถเฉพาะของตน มิได้ทำให้ตนเสียโอกาส
และไม่เกิดผลและคุณค่าในชีวิตของตนเท่านั้น แต่เป็นเหตุให้ทั้งร่างกายต้องได้รับผลกระทบ
และ อ่อนแอลงด้วย
ถ้าอวัยวะแต่ละอวัยวะมองตนเองว่า
ไม่เก่งไม่สามารถอย่างอวัยวะอื่น
“มองตนในส่วนที่พร่องขาด” แต่กลับไม่มองในส่วนที่เป็นความสามารถหลักเฉพาะที่ตนมีหน้าที่กระทำให้กับร่างกายทั้งร่างกาย
เมื่อนั้นความเป็นร่างกายเดียวกันก็ฉีกขาด
แต่ละความสามารถเฉพาะของอวัยวะแต่ละส่วน
เป็นสิ่งที่พระเจ้าทรงประทานให้เฉพาะแต่ละอวัยวะ ตามพระประสงค์ของพระเจ้า ดังนั้น อวัยวะแต่ละอวัยวะพึงค้นหาเรียนรู้ถึงความสามารถเฉพาะตามพระประสงค์ของพระเจ้าที่มีชีวิตของตน
และกระทำความสามารถนั้นตามพระประสงค์เพื่อประโยชน์ร่วมกันของทั้งร่างกาย
ปรอทชีวิต
เมื่อฉันมองย้อนหลังชีวิตของตนเองสักสิบปีที่ผ่านมา
ฉันได้เห็นชีวิตที่เกิดผลในด้านใดบ้าง?
คำถามนี้ทั้งหนุ่มสาว
วัยฉกรรจ์
วัยพลังแรงเมื่ออยู่วัยทำงาน
วัยผู้สูงอายุต่างควรถามคำถามนี้ทั้งนั้น
ความจริงชีวิต
คำถามที่เป็นกุญแจดอกสำคัญของผู้นำคือ “ฉันจะทำอะไรบ้างในองค์กร หน่วยงาน
สถาบันแห่งนี้ ที่คนอื่นในองค์กรไม่มีใครทำได้เหมือนหรือเทียบเท่า? แล้วตามด้วยคำถามลูก
หรือ คำถามบริวารที่ตามมาอีกหลายคำถาม เช่น
องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเจิมตั้งฉันให้ทำอะไรในชีวิตนี้? อะไรคือจุดเข้มแข็งและมีพลังในชีวิตของฉัน?
ฉันได้มองเห็นผลสิ่งเหล่านั้นเกิดขึ้นในชีวิตของฉันอะไร/อย่างไรบ้าง?
น้อยคนนักที่จะถามตนเองด้วยคำถามเหล่านี้
เพราะหลายต่อหลายคนไม่รู้ว่าตนเองว่าทำได้ดีแค่ไหน
และไม่รู้ตัวว่าตนเก่งชำนาญหรือทำอะไรได้ดีมีคุณภาพ? เราไม่ค่อยถามคำถามประเภทนี้
เพราะเราถูกหล่อหลอม ถูกฝึกสอนในชีวิตให้มุ่งมองสนใจมองหาแต่ “จุดอ่อนแอ” ของเรา มิใช่ค้นหา
“จุดเข้มแข็ง” ที่มีในตนเอง
ที่สำคัญคือ สถาบันการศึกษาที่ควรเป็นชุมชนแห่งการเยียวยา
รักษา แก้ไข สิ่งบกพร่องเสียหายในผู้ที่เข้ามารับการเรียนรู้ แต่กลับตอกย้ำ และ
กระตุ้นให้ผู้ปกครองและนักเรียนสนใจแต่ “จุดอ่อนแอ” ในชีวิตของผู้เรียน
แทนที่จะกระตุ้นให้เกิดการหนุนเสริมเพิ่มพลัง “จุดแข็งแรง” ของผู้เรียน ตัวอย่างเช่น
เมื่อมีการประชุมครู-ผู้ปกครอง
ตัวอย่างเช่น
แทนที่จะสนทนากับผู้ปกครองว่า...
“ผมว่า...
ลูกเจตนาของท่านควรที่จะฝึกการเขียนมากขึ้น
เพราะเธอมีตะลันต์ความสามารถในด้านการเขียน”
แต่ไม่เป็นเช่นนั้นครับ
ผู้สอนกลับสนทนากับผู้ปกครองของผู้เรียนว่า...
“ผมขอแนะนำผู้ปกครองของนางสาวเจตนาว่า
จะต้องทุ่มเทฝึกฝนการทำคณิตศาสตร์มากกว่านี้ เพราะคะแนนบอกว่าเธออ่อนในวิชานี้
ด้วยเหตุนี้ คนส่วนมากในพวกเราจึงไม่ค่อยเห็นผลดีผลเด่นจาก
“จุดแข็งแรง” ในชีวิตของตน
ครูผู้ยิ่งใหญ่
ผู้นำที่ทรงประสิทธิภาพ
คือผู้ที่รู้ถึง “จุดแข็งแรง” ในชีวิต
แล้วกระตุ้น เสริมเพิ่ม พัฒนาให้เป็นพลังขับเคลื่อนในชีวิตของคน
ปีเตอร์ ดร๊ากเกอร์
Peter Drucker
มีคนจำนวนมากมายมหาศาลที่รู้ว่าจะเอาชนะอย่างไร
ด้วยการที่รู้ว่าจะปรับประยุกต์ใช้ชัยชนะของตนอย่างเหมาะสมอย่างไร
โปลีเบียส Polybius
ประสิทธิ์
แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย สันทราย
เชียงใหม่
E-mail:
prasit.barnabus@gmail.com
081-2894499
เรียบเรียบจากข้อเขียนของ
Peter Drucker
เรื่อง Finding Your Strengths
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น