อ่านโรม 9:19-24
มนุษย์เอ๋ยท่านเป็นใครที่จะตอบโต้กับพระเจ้า?
สิ่งที่ถูกปั้นจะกล่าวแก่ผู้ปั้นได้หรือว่า
“ทำไมท่านจึงปั้นข้าพเจ้าอย่างนี้?”
(โรม 9:20 ฉบับมาตรฐาน)
พระธรรมตอนนี้ในโรมบทที่ 9
เปาโลได้อธิบายถึงเสรีภาพของพระเจ้า และ พระเจตนาและพระประสงค์ของพระองค์
ที่ทรงใช้ในการสร้างชีวิตและสภาพแวดล้อมในชีวิตของเรา
ซึ่งบางครั้งมนุษย์เราอาจจะดูแล้วว่าพระเจ้าไม่น่าจะสร้างแบบนั้นแบบนี้ หรือสร้างอย่างที่เราเป็นอยู่ในปัจจุบัน เราอาจจะรู้สึกไม่ชอบไม่พอใจลึกๆ แต่เปาโลเห็นว่า มนุษย์ผู้ที่พระเจ้าทรงปั้นไม่ได้อยู่ในฐานะที่จะตอบโต้พระเจ้าที่ทรงสร้างชีวิตเราให้อยู่ในสภาพเช่นนี้ เปาโลถามว่าเราจะตอบโต้กับพระเจ้าว่า “ทำไมพระองค์ถึงสร้างข้าพระองค์ให้เป็นเช่นนี้?”
หรือ?
คำกล่าวของเปาโลในข้อนี้เป็นการพาดพิงไปถึงคำกล่าวของผู้เผยพระวจนะอิสยาห์
ที่กล่าวใน 29:16 ที่ถามตรงประชาชนว่า
แท้จริงแล้วเขามีสิทธิอะไรที่จะตอบโต้กับพระเจ้า?
เขาจะปฏิเสธถึงการที่เขาเป็นฝีพระหัตถ์ที่พระเจ้าทรงสร้างได้หรือ? หรือเขาจะกล่าวหาว่า พระเจ้าสร้างเขามาผิดๆ เช่นนั้นหรือ?
บ่อยครั้ง ในห้วงความคิดจิตใจของเรา เรามักตะโกนถามพระเจ้าในใจว่า “ถ้าพระองค์เป็นผู้สร้างข้าพระองค์จริงๆ แล้ว
ทำไมพระองค์สร้างข้าพระองค์ให้มีสภาพชีวิตเช่นนี้
ทำไมสร้างชีวิตข้าพระองค์ต้องอยู่ในความยุ่งยากซับซ้อนจนข้าพระองค์ไม่รู้จะจัดการชีวิตของตนเองได้อย่างไร”
แท้จริงแล้ว
เป็นสิทธิอย่างสิ้นเชิงของพระเจ้ามิใช่หรือ ว่าพระองค์จะสร้างโดยมีพระเจตนาและพระประสงค์เช่นไรที่ทรงสร้างเราขึ้น แต่เมื่อความทุกข์ยากลำบาก
และเมื่อความอยุติธรรมเข้ามามีอิทธิพลกดข่มในชีวิตของเรา มักทำให้เราต้องตะโกนโพล่งออกมาดังๆ ในใจเช่นนั้น สถานการณ์แวดล้อมเหล่านี้มักมีอิทธิพลเหนือความคิด
ความรู้สึก
และมุมมองในชีวิตของเรายิ่งว่าอิทธิพลของความเชื่อศรัทธาที่เราจะไว้วางใจในพระเจ้า
จากประสบการณ์ตรงในชีวิตของผม เมื่อเราตอบโต้ เถียงถาม
ท้าทายว่าพระองค์คิดถูกทำถูกแล้วหรือ
ถึงพระประสงค์และพระเจตนารมณ์ของพระเจ้าที่อนุญาตให้ชีวิตของเราต้องตกท่ามกลางสภาพที่เลวร้ายเช่นนั้น ผมสัมผัสได้ว่าพระเจ้าทรงอดทนด้วยพระเมตตา แต่พระองค์ก็ทรงกระทำพระราชกิจตามพระประสงค์ในชีวิตของผมต่อไป
จนในที่สุดผมเองกลับเป็นฝ่ายต้องยอมจำนนต่อพระประสงค์ของพระองค์ เมื่อทรงเปิดเผย
ช่วยให้เรามองเห็นและเข้าใจ
และนี่เป็นอีกเหตุการณ์หนึ่งในชีวิตที่ทำให้ผมไว้วางใจพระเจ้าและหยั่งรากลึกและมั่นคงในพระองค์มากยิ่งขึ้น
เมื่อชีวิตตกในความทุกข์ยากลำบาก เมื่อความคิดความเข้าใจสับสน เมื่ออารมณ์ขุ่นมัวและร้อนเดือด นั่นเป็นสัญญาณว่าชีวิตของเราถูกอิทธิพลของสภาพที่เลวร้ายครอบงำ
และกดทับ
มันพยายามที่จะพันธนาการทั้งชีวิตของเราให้เป็นทาสของอำนาจชั่วร้ายของมัน
ในภาวะเช่นนั้น จงสงบและไว้วางใจในพระประสงค์ของพระเจ้าสำหรับชีวิตของเรา
ในเวลาเช่นนั้นคือช่วงเวลาที่เราจะ “รอคอยเวลาของพระเจ้า”
ในเวลาเช่นนั้น คือช่วงเวลาที่ชีวิตของเราจะเข้าผ่อนพักในพระเจ้าตามคำเชิญชวนของพระคริสต์
ในเวลาเช่นนั้นเรากำลังอยู่ใกล้ชิดกับพระคริสต์ในอุโมงค์ที่มืดมิด
เพื่อรอคอยรุ่งเช้าวันใหม่ที่จะมีชีวิตใหม่พร้อมกับพระองค์
ในเวลาเช่นนั้น มิใช่การดิ้นรนอย่างสุดฤทธิ์ที่จะเอาชนะด้วยตนเอง
ในภาวะเช่นนั้น จงสงบและไว้วางใจในพระประสงค์ของพระเจ้าสำหรับชีวิตของเรา
ในเวลาเช่นนั้นคือช่วงเวลาที่เราจะ “รอคอยเวลาของพระเจ้า”
ในเวลาเช่นนั้น คือช่วงเวลาที่ชีวิตของเราจะเข้าผ่อนพักในพระเจ้าตามคำเชิญชวนของพระคริสต์
ในเวลาเช่นนั้นเรากำลังอยู่ใกล้ชิดกับพระคริสต์ในอุโมงค์ที่มืดมิด
เพื่อรอคอยรุ่งเช้าวันใหม่ที่จะมีชีวิตใหม่พร้อมกับพระองค์
ในเวลาเช่นนั้น มิใช่การดิ้นรนอย่างสุดฤทธิ์ที่จะเอาชนะด้วยตนเอง
ด้วยแผนการและกำลังขอตนเอง
แต่ในเวลาเช่นนั้นเป็นเวลาของการรอคอยพระเจ้า
เพื่อรับกำลังใหม่
ชีวิตใหม่จากพระราชกิจที่พระเจ้าทรงกระทำในชีวิตของเรา
เมื่อชีวิตตกลงในสภาวะที่หนักหนาสาหัส
เราจะต้องพึ่งพิงในพระคุณและพระปัญญาของพระเจ้า
พระเจ้าทรงเคยให้ชีวิตใหม่เกิดขึ้นในความตายของพระคริสต์แล้วฉันใด
พระเจ้าองค์เดียวกันนี้จะทรงกระทำพระราชกิจท่ามกลางชีวิตของเราที่ดูเหมือนเป็นไปไม่ได้ให้เกิดเป็นสิ่งใหม่ชีวิตใหม่ที่เป็นรูปธรรมที่เราสัมผัสได้ในชีวิต ความไว้วางใจของเราที่มีในพระเจ้าเช่นนี้ เป็นการที่เรามีชีวิตตามแบบอย่างของพระคริสต์ที่สำแดงให้เห็นถึงความไว้วางใจและสัตย์ซื่ออย่างไม่มีการเปลี่ยนแปลงของพระองค์ท่ามกลางความสงสัยที่จิตใจเต็มด้วยคำถาม ทั้งนี้ “เพื่อจะทรงให้ศักดิ์ศรีอันอุดมของพระองค์ปรากฏแก่บรรดาผู้ที่เป็นภาชนะแห่งพระเมตตา...”(ข้อ
23)
ประเด็นสำหรับการใคร่ครวญ
1. ท่านเคยต้องการที่จะถามพระเจ้าว่า “ทำไมถึงทรงสร้างข้าพระองค์ให้เป็นเช่นนี้” หรือไม่?
2. ท่านเคยได้รับคำตอบไหม?
ถ้าเคย
พระเจ้าตอบท่านอย่างไร?
และเมื่อใด? หรือ
3. สภาพชีวิตในตอนนั้นของท่านได้คำตอบ หรือ ได้รับการแก้ไขหรือไม่?
ใคร่ครวญภาวนา
องค์พระผู้เป็นเจ้า ในวันนี้ ข้าพระองค์ขอบพระคุณพระองค์ที่ทรงเอาใจใส่ในทุกรายละเอียดของชีวิตข้าพระองค์ พระองค์ทรงมีพระเมตตาคุณในชีวิตประจำวันที่ผ่านมาของข้าพระองค์ ขอบพระคุณพระองค์สำหรับพระพรอันเหลือล้นของพระองค์ที่มีในชีวิตของข้าพระองค์ ด้วยเหตุนี้ ในวันนี้ข้าพระองค์จึงไม่มีเสียงโต้แย้งถกเถียงกับพระองค์
ข้าแต่พระเจ้า
แต่ถ้าในวันใดวันหนึ่งในข้างหน้า
เมื่อชีวิตของข้าพระองค์ตกทุกข์ได้ยาก
จนเกิดความคับข้องใจหรือสงสัยในพระเมตตาของพระองค์
ในเวลาที่ข้าพระองค์ไม่สามารถที่จะมองเห็นว่าทำไมพระองค์ถึงให้ชีวิตของข้าพระองค์ต้องเป็นเช่นนั้น ในเวลาเช่นนั้น
ขอพระองค์โปรดช่วยข้าพระองค์ให้มีความไว้วางใจในพระองค์
โปรดประทานความเชื่อมั่นคงในความดีและพระปัญญาของพระองค์อีกครั้งหนึ่ง
ข้าแต่พระเจ้า
ในวันนี้ข้าพระองค์ระลึกถึงมิตรสหายบางคนกำลังตกในสภาพชีวิตที่ยากลำบาก
ทั้งสับสนและยุ่งยากซับซ้อน
พวกเขาอาจจะมีความประหลาดใจ และ คำถามมากมายในใจต่อพระองค์
ว่าทำไมพวกเขาถึงต้องมีชีวิตอย่างที่กำลังเป็นอยู่นี้ ทำไมชีวิตของเขาถึงต้องได้รับความไม่เป็นธรรม
ในวันนี้ข้าพระองค์ขออธิษฐานเผื่อมิตรสหายกลุ่มนี้ ขอพระองค์โปรดให้เขาได้เรียนรู้และไว้วางใจในพระองค์ในที่สุด
ขอความรักเมตตาของพระองค์ทรงมีพลังในชีวิตของเขา ถึงแม้ว่า ตอนนี้ วันนี้
เขายังไม่ได้รับคำตอบต่อคำถามที่ดังก้องในความคิดของเขา
เหนือความไม่มั่นใจและสงสัยขอให้เขาตระหนักชัดว่า ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในชีวิต พระองค์ทรงสถิตเคียงข้างกับเขาในชีวิตทุกเวลา เขาเป็นลูกของพระองค์ และชีวิตของพวกเขาอยู่ในพระหัตถ์ที่เข้มแข็ง
มั่นคง และเปี่ยมด้วยพระเมตตาคุณของพระองค์
อาเมน
ประสิทธิ์
แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย สันทราย
เชียงใหม่
E-mail:
prasit.barnabus@gmail.com
081-2894499
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น