06 สิงหาคม 2555

“ทำไมท่านถึงปั้นข้าพเจ้าอย่างนี้?”


อ่านโรม 9:19-24

มนุษย์เอ๋ยท่านเป็นใครที่จะตอบโต้กับพระเจ้า?
สิ่งที่ถูกปั้นจะกล่าวแก่ผู้ปั้นได้หรือว่า “ทำไมท่านจึงปั้นข้าพเจ้าอย่างนี้?”
(โรม 9:20 ฉบับมาตรฐาน)

พระธรรมตอนนี้ในโรมบทที่ 9 เปาโลได้อธิบายถึงเสรีภาพของพระเจ้า และ พระเจตนาและพระประสงค์ของพระองค์   ที่ทรงใช้ในการสร้างชีวิตและสภาพแวดล้อมในชีวิตของเรา   ซึ่งบางครั้งมนุษย์เราอาจจะดูแล้วว่าพระเจ้าไม่น่าจะสร้างแบบนั้นแบบนี้  หรือสร้างอย่างที่เราเป็นอยู่ในปัจจุบัน   เราอาจจะรู้สึกไม่ชอบไม่พอใจลึกๆ   แต่เปาโลเห็นว่า  มนุษย์ผู้ที่พระเจ้าทรงปั้นไม่ได้อยู่ในฐานะที่จะตอบโต้พระเจ้าที่ทรงสร้างชีวิตเราให้อยู่ในสภาพเช่นนี้   เปาโลถามว่าเราจะตอบโต้กับพระเจ้าว่า  “ทำไมพระองค์ถึงสร้างข้าพระองค์ให้เป็นเช่นนี้?” หรือ?

คำกล่าวของเปาโลในข้อนี้เป็นการพาดพิงไปถึงคำกล่าวของผู้เผยพระวจนะอิสยาห์ ที่กล่าวใน 29:16 ที่ถามตรงประชาชนว่า แท้จริงแล้วเขามีสิทธิอะไรที่จะตอบโต้กับพระเจ้า?   เขาจะปฏิเสธถึงการที่เขาเป็นฝีพระหัตถ์ที่พระเจ้าทรงสร้างได้หรือ?   หรือเขาจะกล่าวหาว่า พระเจ้าสร้างเขามาผิดๆ เช่นนั้นหรือ?

บ่อยครั้ง ในห้วงความคิดจิตใจของเรา เรามักตะโกนถามพระเจ้าในใจว่า  “ถ้าพระองค์เป็นผู้สร้างข้าพระองค์จริงๆ แล้ว  ทำไมพระองค์สร้างข้าพระองค์ให้มีสภาพชีวิตเช่นนี้   ทำไมสร้างชีวิตข้าพระองค์ต้องอยู่ในความยุ่งยากซับซ้อนจนข้าพระองค์ไม่รู้จะจัดการชีวิตของตนเองได้อย่างไร”  

แท้จริงแล้ว  เป็นสิทธิอย่างสิ้นเชิงของพระเจ้ามิใช่หรือ ว่าพระองค์จะสร้างโดยมีพระเจตนาและพระประสงค์เช่นไรที่ทรงสร้างเราขึ้น  แต่เมื่อความทุกข์ยากลำบาก และเมื่อความอยุติธรรมเข้ามามีอิทธิพลกดข่มในชีวิตของเรา   มักทำให้เราต้องตะโกนโพล่งออกมาดังๆ ในใจเช่นนั้น   สถานการณ์แวดล้อมเหล่านี้มักมีอิทธิพลเหนือความคิด ความรู้สึก และมุมมองในชีวิตของเรายิ่งว่าอิทธิพลของความเชื่อศรัทธาที่เราจะไว้วางใจในพระเจ้า

จากประสบการณ์ตรงในชีวิตของผม  เมื่อเราตอบโต้ เถียงถาม ท้าทายว่าพระองค์คิดถูกทำถูกแล้วหรือ ถึงพระประสงค์และพระเจตนารมณ์ของพระเจ้าที่อนุญาตให้ชีวิตของเราต้องตกท่ามกลางสภาพที่เลวร้ายเช่นนั้น   ผมสัมผัสได้ว่าพระเจ้าทรงอดทนด้วยพระเมตตา แต่พระองค์ก็ทรงกระทำพระราชกิจตามพระประสงค์ในชีวิตของผมต่อไป จนในที่สุดผมเองกลับเป็นฝ่ายต้องยอมจำนนต่อพระประสงค์ของพระองค์ เมื่อทรงเปิดเผย ช่วยให้เรามองเห็นและเข้าใจ   และนี่เป็นอีกเหตุการณ์หนึ่งในชีวิตที่ทำให้ผมไว้วางใจพระเจ้าและหยั่งรากลึกและมั่นคงในพระองค์มากยิ่งขึ้น

เมื่อชีวิตตกในความทุกข์ยากลำบาก  เมื่อความคิดความเข้าใจสับสน   เมื่ออารมณ์ขุ่นมัวและร้อนเดือด   นั่นเป็นสัญญาณว่าชีวิตของเราถูกอิทธิพลของสภาพที่เลวร้ายครอบงำ และกดทับ  มันพยายามที่จะพันธนาการทั้งชีวิตของเราให้เป็นทาสของอำนาจชั่วร้ายของมัน  


ในภาวะเช่นนั้น จงสงบและไว้วางใจในพระประสงค์ของพระเจ้าสำหรับชีวิตของเรา  
ในเวลาเช่นนั้นคือช่วงเวลาที่เราจะ “รอคอยเวลาของพระเจ้า”  
ในเวลาเช่นนั้น คือช่วงเวลาที่ชีวิตของเราจะเข้าผ่อนพักในพระเจ้าตามคำเชิญชวนของพระคริสต์  
ในเวลาเช่นนั้นเรากำลังอยู่ใกล้ชิดกับพระคริสต์ในอุโมงค์ที่มืดมิด
           เพื่อรอคอยรุ่งเช้าวันใหม่ที่จะมีชีวิตใหม่พร้อมกับพระองค์  
ในเวลาเช่นนั้น มิใช่การดิ้นรนอย่างสุดฤทธิ์ที่จะเอาชนะด้วยตนเอง
           ด้วยแผนการและกำลังขอตนเอง  
แต่ในเวลาเช่นนั้นเป็นเวลาของการรอคอยพระเจ้า  
           เพื่อรับกำลังใหม่  ชีวิตใหม่จากพระราชกิจที่พระเจ้าทรงกระทำในชีวิตของเรา

เมื่อชีวิตตกลงในสภาวะที่หนักหนาสาหัส เราจะต้องพึ่งพิงในพระคุณและพระปัญญาของพระเจ้า   พระเจ้าทรงเคยให้ชีวิตใหม่เกิดขึ้นในความตายของพระคริสต์แล้วฉันใด   พระเจ้าองค์เดียวกันนี้จะทรงกระทำพระราชกิจท่ามกลางชีวิตของเราที่ดูเหมือนเป็นไปไม่ได้ให้เกิดเป็นสิ่งใหม่ชีวิตใหม่ที่เป็นรูปธรรมที่เราสัมผัสได้ในชีวิต   ความไว้วางใจของเราที่มีในพระเจ้าเช่นนี้ เป็นการที่เรามีชีวิตตามแบบอย่างของพระคริสต์ที่สำแดงให้เห็นถึงความไว้วางใจและสัตย์ซื่ออย่างไม่มีการเปลี่ยนแปลงของพระองค์ท่ามกลางความสงสัยที่จิตใจเต็มด้วยคำถาม   ทั้งนี้ “เพื่อจะทรงให้ศักดิ์ศรีอันอุดมของพระองค์ปรากฏแก่บรรดาผู้ที่เป็นภาชนะแห่งพระเมตตา...”(ข้อ 23)

ประเด็นสำหรับการใคร่ครวญ


1. ท่านเคยต้องการที่จะถามพระเจ้าว่า “ทำไมถึงทรงสร้างข้าพระองค์ให้เป็นเช่นนี้” หรือไม่?
2. ท่านเคยได้รับคำตอบไหม?  ถ้าเคย  พระเจ้าตอบท่านอย่างไร?  และเมื่อใด?   หรือ
3. สภาพชีวิตในตอนนั้นของท่านได้คำตอบ หรือ ได้รับการแก้ไขหรือไม่?

ใคร่ครวญภาวนา

องค์พระผู้เป็นเจ้า   ในวันนี้ ข้าพระองค์ขอบพระคุณพระองค์ที่ทรงเอาใจใส่ในทุกรายละเอียดของชีวิตข้าพระองค์   พระองค์ทรงมีพระเมตตาคุณในชีวิตประจำวันที่ผ่านมาของข้าพระองค์  ขอบพระคุณพระองค์สำหรับพระพรอันเหลือล้นของพระองค์ที่มีในชีวิตของข้าพระองค์   ด้วยเหตุนี้ ในวันนี้ข้าพระองค์จึงไม่มีเสียงโต้แย้งถกเถียงกับพระองค์

ข้าแต่พระเจ้า  แต่ถ้าในวันใดวันหนึ่งในข้างหน้า   เมื่อชีวิตของข้าพระองค์ตกทุกข์ได้ยาก  จนเกิดความคับข้องใจหรือสงสัยในพระเมตตาของพระองค์   ในเวลาที่ข้าพระองค์ไม่สามารถที่จะมองเห็นว่าทำไมพระองค์ถึงให้ชีวิตของข้าพระองค์ต้องเป็นเช่นนั้น   ในเวลาเช่นนั้น  ขอพระองค์โปรดช่วยข้าพระองค์ให้มีความไว้วางใจในพระองค์   โปรดประทานความเชื่อมั่นคงในความดีและพระปัญญาของพระองค์อีกครั้งหนึ่ง 

ข้าแต่พระเจ้า   ในวันนี้ข้าพระองค์ระลึกถึงมิตรสหายบางคนกำลังตกในสภาพชีวิตที่ยากลำบาก ทั้งสับสนและยุ่งยากซับซ้อน   พวกเขาอาจจะมีความประหลาดใจ และ คำถามมากมายในใจต่อพระองค์  ว่าทำไมพวกเขาถึงต้องมีชีวิตอย่างที่กำลังเป็นอยู่นี้   ทำไมชีวิตของเขาถึงต้องได้รับความไม่เป็นธรรม   ในวันนี้ข้าพระองค์ขออธิษฐานเผื่อมิตรสหายกลุ่มนี้   ขอพระองค์โปรดให้เขาได้เรียนรู้และไว้วางใจในพระองค์ในที่สุด   ขอความรักเมตตาของพระองค์ทรงมีพลังในชีวิตของเขา   ถึงแม้ว่า ตอนนี้ วันนี้ เขายังไม่ได้รับคำตอบต่อคำถามที่ดังก้องในความคิดของเขา   เหนือความไม่มั่นใจและสงสัยขอให้เขาตระหนักชัดว่า  ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในชีวิต พระองค์ทรงสถิตเคียงข้างกับเขาในชีวิตทุกเวลา   เขาเป็นลูกของพระองค์   และชีวิตของพวกเขาอยู่ในพระหัตถ์ที่เข้มแข็ง มั่นคง และเปี่ยมด้วยพระเมตตาคุณของพระองค์  อาเมน

ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย  สันทราย  เชียงใหม่
E-mail: prasit.barnabus@gmail.com
081-2894499

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น