08 สิงหาคม 2555

ขอบพระคุณในความยากลำบาก


  อ่านสดุดี 119:67-72

ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า...
ขอทรงสอนข้าพระองค์ให้มีความรู้และมีดุลยพินิจที่ดี   เพราะข้าพระองค์เชื่อฟังพระบัญชาของพระองค์
ก่อนตกทุกข์ได้ยากข้าพระองค์หลงเตลิดไป    แต่บัดนี้ข้าพระองค์เชื่อฟังพระวจนะของพระองค์
พระองค์ทรงแสนดี  และสิ่งที่พระองค์ทรงกระทำนั้นดีเลิศ   ขอทรงสอนกฎหมายของพระองค์แก่ข้าพระองค์
แม้คนเย่อหยิ่งใส่ร้ายป้ายสีข้าพระองค์    ข้าพระองค์ก็รักษาข้อบังคับของพระองค์ด้วยสุดใจ
...
ดีแล้วที่ข้าพระองค์ทุกข์ยาก   ข้าพระองค์จะได้เรียนรู้กฎหมายของพระองค์
 (สดุดี 119:66-69, 71 อมตธรรม)

โดยปกติแล้วคนเรามักจะขอบพระคุณพระเจ้าเพราะพระองค์ทรงช่วยและอวยพระพร   ในชีวิตของท่านเคยที่จะขอบพระคุณพระเจ้าในบางเรื่องที่ดูเหมือนว่าเป็นสิ่งที่ไม่เป็นพระพรเลย  ตัวอย่างเช่นขอบพระคุณพระองค์ในสถานการณ์ที่สุดแสนจะทรมาน หรือ สุดแสนจะลำบาก   ผมว่าเรามักเรียกร้องให้พระองค์ให้เอาสถานการณ์ทุกข์ทรมานเหล่านั้นออกจากชีวิตของเรา หรือเปลี่ยนแปลงสถานการณ์เหล่านั้นมากกว่าใช่ไหม?  

จิตใจที่สำนึกในพระคุณของพระเจ้าเป็นสิ่งที่มีค่าสูงสำหรับพระเจ้า    แต่พูดตามความเป็นมนุษย์  หลายสถานการณ์ที่ทำให้เราขอบพระคุณพระองค์ไม่ออก   แล้วเราจะขอบพระคุณพระเจ้าในสถานการณ์ที่เลวร้ายยากลำบากได้อย่างไร   การที่ใครก็ตามที่จะขอบพระคุณพระเจ้าได้ในยามที่ทุกข์ยากและเลวร้ายนั้นจะต้องมีรากฐานที่มั่นคง 4 ประการ   จะทำให้เราสามารถมองเห็นถึงคุณค่าของความทุกข์ยากลำบากของเรา   และตอบสนองสถานการณ์ที่เลวร้ายที่ไม่น่าพึงประสงค์เหล่านั้นด้วยจิตใจที่ชื่นชม

รากฐานประการแรก   เชื่อและไว้วางใจในองค์พระผู้เป็นเจ้า  

การที่เรามองชีวิตนี้จากมุมมองของพระคัมภีร์เท่านั้นที่จะเสริมหนุนให้เราสามารถเข้าใจถึงพระประสงค์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าในภาวะทุกข์ยากลำบากที่เกิดขึ้นในชีวิตของเรา   และไว้วางใจในพระองค์ที่ทรงอนุญาตให้เหตุการณ์เหล่านั้นเกิดขึ้นกับเรา

รากฐานประการที่สอง  ยอมรับสถานการณ์ที่เลวร้ายเหล่านั้นเฉกเช่นสถานการณ์นั้นมาจากพระเจ้า  

อาจจะเป็นสถานการณ์ที่มาจากพระเจ้าโดยตรง  หรือเป็นสถานการณ์ที่พระเจ้าทรงอนุญาตให้เกิดขึ้นกับเรา   ถ้าเราเชื่ออย่างจริงใจว่า พระเจ้าทรงกระทำทุกอย่างเพื่อสิ่งดีสำหรับเรา (โรม 8:28-29) 
“...เรารู้ว่าในทุกๆ สิ่ง พระเจ้าทรงทำให้เกิดผลดีแก่บรรดาผู้ที่รักพระองค์
 คือผู้ที่ได้ทรงเรียกทรงเรียกตามพระประสงค์ของพระองค์...” (อมตธรรม)
เราย่อมสามารถที่จะเลือกรับมือกับสถานการณ์ที่เลวร้ายเหล่านั้นด้วยมุมมองว่า สถานการณ์เลวร้ายนั้นมาจากพระหัตถ์แห่งพระเมตตาของพระองค์   ถ้าเช่นนั้นแล้วเราย่อมขอบพระคุณพระองค์ได้อย่างจริงใจและเต็มใจ

รากฐานประการที่สาม  ยอมจำนนต่อพระเจ้าในสถานการณ์นั้น   

ถึงแม้ว่าเราไม่ชอบสถานการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น  ให้เราตระหนักรู้เสมอว่าพระเจ้านั้นแสนดี  และสิ่งที่พระองค์ทรงกระทำนั้นดีเลิศ (สดุดี 119:68) แล้วเราจะมีจิตใจที่มั่นคงที่เราจะวางชีวิตของเราในพระหัตถ์อันทรงฤทธิ์ของพระองค์

รากฐานประการที่สี่  รับความเข้มแข็งจากองค์พระผู้เป็นเจ้าที่จะทำให้เรามีความอดทนและยืนมั่นอยู่ได้  

ไม่มีใครที่มีความสามารถในตนเองที่จะอดทนรับมือกับความทุกข์ยากด้วยความรู้สึกถึงพระคุณของพระเจ้าได้   นอกจากคนๆ นั้นวางใจใน และ พึ่งในการทรงประทานพลังและความอดทนจากพระเจ้าเท่านั้น   ที่ผู้เชื่อคนนั้นจะสามารถเผชิญหน้าและผ่านทะลุความทรมานทุกข์ยากเหล่านั้นด้วยจิตใจที่ชื่มชม

วันนี้  ขอท่านคิดถึงสถานการณ์ที่ท่านต้องการขอให้พระเจ้าช่วยเปลี่ยนแปลง    ด้วยการปรับทัศนะใหม่  เปลี่ยนมุมมองใหม่   แล้วให้อธิษฐานต่อพระเจ้าว่า 

ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า   ข้าพระองค์ขอน้อมรับสถานการณ์นี้ที่เกิดขึ้น   ข้าพระองค์เชื่อ ศรัทธา และไว้วางใจพระองค์   ขอมอบชีวิตของข้าพระองค์ไว้ภายใต้ฤทธานุภาพแห่งความรักเมตตาคุณของพระองค์   และขอรับความเข้มแข็งและกำลังจากพระองค์  เพื่อที่ข้าพระองค์จะสามารถทนรับสถานการณ์นั้นด้วยใจที่ขอบพระคุณ

ผู้เขียนพระธรรมสดุดี 119:92 (อมตธรรม)  ได้ถ่ายทอดประสบการณ์ชีวิตของท่านแก่ผู้อ่านได้อย่างชัดเจนว่า
“หากบทบัญญัติของพระองค์ไม่ได้เป็นความปีติยินดีของข้าพระองค์
     ข้าพระองค์คงมอดม้วยในความทุกข์ยากไป(นาน)แล้ว”  (ในวงเล็บผู้เขียนเติมเองครับ)

ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย  สันทราย  เชียงใหม่
E-mail: prasit.barnabus@gmail.com
081-2894499

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น