พระเยซูคริสต์ตรัสแก่คนทั้งหลายว่า
“ถ้าใครใคร่ตามเรามาให้ผู้นั้นเอาชนะตนเอง
และรับกางเขนของตนแบกทุกวัน
และตามเรามา” (ลูกา 9:23 ฉบับมาตรฐาน)
ปัจจุบัน คริสตชนเมื่อมองเห็นกางเขนก็จะมองว่าเป็นสัญลักษณ์ถึงการช่วยกู้ของพระคริสต์ หรือคนทั่วไปก็จะมองว่าเป็นสัญลักษณ์ความเชื่อของพวกคริสตชน
แต่กางเขนในพระธรรมตอนนี้ยังมิใช่กางเขนในความหมายของการที่พระคริสต์ทรงถูกตรึง
แต่เป็นความหมายกางเขนก่อนการถูกตรึงของพระคริสต์ และเป็นกางเขนของแต่ละคนที่พระคริสต์ตรัสถึง
กางเขนเป็นเรื่องที่เป็นวัฒนธรรมเฉพาะ กางเขนในวัฒนธรรมของโรมันในสมัยของพระเยซูคริสต์
เป็นเครื่องมือประหารชีวิตคนที่รัฐบาลโรมันไม่พึงประสงค์ หรือที่รัฐบาลเห็นว่าคนๆ นั้นได้กระทำผิดอย่างรุนแรง หรือคนๆ นั้นเป็นพิษเป็นภัยต่อสังคมส่วนรวม
โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่เป็นพิษเป็นภัยต่อความมั่นคง ปลอดภัย
ของรัฐบาลหรือกองทัพโรมันในเวลานั้น กล่าวรวบยอดได้ว่า กางเขนในพระธรรมตอนนี้เป็นสัญลักษณ์ของ
“ความตาย” ที่มิใช่เป็นความตายที่ธรรมดาสามัญ แต่เป็นความตายที่โหดเหี้ยมทารุณ
ที่ว่าโหดเหี้ยมและทารุณเพราะ
การที่นักโทษคนใดถูกตัดสินประหารชีวิตด้วยการตรึงบนกางเขนนั้น จะเป็นการประหารที่ทรมานทั้งในความเจ็บปวดจากการตอกตะปูลงไปทั้งที่เท้าและมือ
แล้วยังตั้งกางเขนขึ้นให้น้ำหนักของทั้งร่างกายของนักโทษห้อยถ่วงลงสร้างความเจ็บปวดและฉีกขาดของแผลที่มือถูกตอกนั้น และให้ค่อยๆ เสียเลือด ตากแดด
หิวกระหายน้ำ ให้ทรมานเช่นนั้นจะสิ้นลมหายใจ “เหี้ยม” มากครับ!
แล้วทำไมพระเยซูคริสต์ถึงใช้กางเขนมาเปรียบเทียบกับคนที่ตัดสินใจติดตามพระองค์?
พระคริสต์ตั้งใจสื่อสารกับคนที่คิดจะติดตามพระองค์ให้รู้ความจริงถึงชีวิตของการติดตามพระองค์ว่า อย่าติดตามพระองค์เพราะอยากเป็นคนหนึ่งในกลุ่มที่ประชาชนกำลังนิยมชมชอบ อย่าติดตามพระองค์เพราะหวังเกียรติ ตำแหน่ง
หรือชื่อเสียงเงินทอง อย่าติดตามพระองค์เพราะคาดหวังว่าจะมีชีวิตจะได้มีความสุขสบาย
อย่าติดตามพระองค์เพราะว่าจะมีฐานะทางสังคมที่ดีที่สูงขึ้น อย่าติดตามพระคริสต์เพราะคาดหวังจะได้ผลประโยชน์ อย่าติดตามพระองค์เพราะใจปรารถนาของตนเอง อย่าติดตามพระองค์ “แบบเล่นๆ” หรือ
“ลองติดตามดู” เพราะการที่ผู้ใดจะติดตามพระองค์เป็นเรื่องชีวิตและความตายเลยทีเดียว
พระเยซูคริสต์บ่งชี้ชัดเจนว่า
การที่คนหนึ่งคนใดที่คิดจะติดตามพระองค์ต้องรับรู้ความจริง 3 ประการที่จะต้องเกิดขึ้นเป็นจริงอย่างเป็นรูปธรรมในชีวิตของเขาคือ
ประการแรก ถ้าคิดจะติดตามพระองค์ก็ต้องยอมรับว่า
ตนต้องละทิ้งสิ่งที่สำคัญในชีวิตของตนเองเสีย
เลิกที่จะเอาใจปรารถนาของตนเอง และ
ค่านิยมหรือกระแสนิยมปัจจุบันเป็นตัวตั้ง หรือ เป็นเป้าหมายในชีวิต
ประการที่สอง
ดังนั้น ตนเองต้องตระหนักชัดว่า ได้ตัดสินใจแล้วที่จะดำเนินชีวิต
“ทวนกระแสนิยมของสังคม”
ตนเองตัดสินใจแล้วที่จะไม่ยอมมีชีวิตมุ่งสู่ความสำเร็จตามความเจริญและทันสมัยแห่งยุคนี้ นั่นหมายความว่า
การตัดสินใจดังกล่าวในชีวิตจะสร้างการทวนกระแส
ชีวิตต้องพบกับการเสียดทาน ต่อต้าน เยาะเย้ย
ขัดขวาง เจ็บปวด ต้องอดทน
สู้ทน ยืนหยัด นั่นเป็นชีวิตที่
“แบกกางเขนของตน” ในความหมายของพระธรรมตอนนี้
และมีเป้าหมายที่กำลังมุ่งไปที่ชัดเจน
ประการที่สาม มุ่งสู่ชีวิตที่รับการเปลี่ยนแปลง พัฒนา
เติบโตขึ้นเหมือนพระคริสต์มากขึ้นทุกวัน
นั่นหมายความว่าคนๆ นั้น ยอมที่จะ “แบกกางเขนแห่งความทุกข์ยากลำบากที่ตนต้องเผชิญ” แต่มิใช่แบกไปที่เป้าหมายปลายทางแห่งความสิ้นหวัง
หมดใจ และ หมดแรงในที่สุด
แต่การแบกกางเขนของตนมุ่งกระทำให้สำเร็จตามพระประสงค์ของพระคริสต์ในแต่ละวันและในทุกวัน คือต้องแบกเพื่อติดตามพระองค์ไปทุกวัน
ดังนั้น
พระเยซูคริสต์จึงเตือนสติผู้ที่คิดจะติดตามเป็นสาวกของพระองค์ว่า คนๆ นั้น ต้องนั่งลงคิดไตร่ตรองให้ดีก่อนว่า (ลูกา
18:24-32)
ถ้าติดตามพระองค์แล้วเป็นอย่างที่กล่าวข้างต้น ยังจะติดตามพระองค์ไปอีกหรือไม่?
ถ้าการติดตามพระองค์ต้องแบกกางเขนแห่งความทุกข์ยากลำบาก และการทวนกระแสสังคมโลกปัจจุบัน
ตนพร้อมที่จะยังติดตามเป็นสากของพระองค์หรือไม่?
ถ้าการติดตามพระเยซูคริสต์หรือการเป็นคริสตชนคือการที่จะมุ่งสู่เป้าประสงค์ของพระคริสต์ มิใช่เป้าหมายความสำเร็จของตนเอง เป็นวิถีชีวิตที่ตนต้องการที่จะมุ่งไปหรือเปล่า? และ
ถ้า การติดตามพระคริสต์
ตนเองต้องสูญเสียตนเองเป็นศูนย์กลางของทุกสิ่งในชีวิต ยังจะติดตามพระองค์ไปอีกหรือไม่?
ประเด็นเพื่อใคร่ครวญ
1. ปัจจุบัน ท่านต้อง
“เอาชนะตนเอง” ในเรื่องอะไรบ้าง เพื่อจะติดตามพระเยซูคริสต์?
2. อะไรคือกางเขนของท่านที่ต้องแบก
เพื่อติดตามพระคริสต์ไปในแต่ละวัน?
3. ท่านรู้สึกอย่างไรบ้างกับชีวิตการติดตามพระคริสต์ในทุกวันนี้?
4. ท่านจะอธิษฐานต่อพระเจ้าในการที่ท่านตัดสินใจติดตามพระองค์ไปแต่ละวันและทุกวันในเรื่องอะไรบ้าง?
ประสิทธิ์
แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย สันทราย
เชียงใหม่
E-mail:
prasit.barnabus@gmail.com
081-2894499
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น