สุดสัปดาห์นี้
ผมได้มีโอกาสอ่านบทความผ่านเน็ท
ที่เขียนโดย John C. Maxwell เรื่อง Insecurity:
The Leadership Flaw of American’s Worst President[1] จึงขอนำเนื้อหาและข้อคิดบางส่วนมาสะท้อนคิดสู่กันอ่านในบทความนี้ อดไม่ได้ที่จะคิดถึงเทียบเคียงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในประเทศไทยและคริสตจักรของเรา
ในทุกๆ 3-4 ปี
จะมีนักประวัติศาสตร์ในสหรัฐอเมริกาจัดอันดับอดีตประธานาธิบดีจากระดับยอดเยี่ยมลงจนถึงระดับยอดแย่ ทั้งนี้การจัดอันดับแต่ละครั้งก็มิใช่ว่านักวิชาการจะเห็นพ้องต้องกันเสมอไปหรอกครับ
เพราะนักวิชาการส่วนหนึ่งที่สวมเสียบในขั้วการเมืองขั้วใดขั้วหนึ่งก็มีไม่น้อยทีเดียว โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักวิชาการที่ทำตัวเป็น
“กุนซือ” ของก๊กนั้นพรรคนี้ก็กระโดดออกมาปกป้อง “นาย” ของตนเองอย่างลืมตัว! แต่อย่างไรก็ตามส่วนมากแล้วเห็นว่าอดีตประธานาธิบดี Warren G.
Harding
ว่าเป็นประธานาธิบดีที่ยอดแย่ในการบริหารจัดการประเทศในสมัยของท่าน นอกจากที่บริหารประเทศน้อยกว่าสามปีแล้ว ในยุคของ Harding
ยังอื้อฉาวคละคลุ้งไปด้วยการฉ้อราษฎร์บังหลวงและการโกงกินประเทศและประชาชนจากพวกลิ่วล้อของเขาอย่างโจ๋งครึ่ม สร้างความเศร้าสลดหดหู่ใจในหมู่ประชาชนถึงภาวะผู้นำที่ล้มเหลวและเกิดความรู้สึกไร้เสถียรภาพของประเทศ
แท้จริงแล้วเจ้าตัว Harding ก็รู้ถึงความไม่เหมาะสมของตนเอง ครั้งหนึ่งเจ้าตัวเคยกล่าวว่า
“ผมไม่เหมาะกับงานการเป็นประธานาธิบดี
ผมไม่น่าจะมาทำในหน้าที่นี้เลย”
เขาสร้างการยอมรับจากประชาชนด้วยการสร้างสัมพันธภาพมากกว่าการเสริมสร้างความก้าวหน้าแก่ประเทศชาติ
อะไรที่บ่อนเซาะทำลายความมั่นคงในภาวะผู้นำของประธานาธิบดี
Harding?
1. เลือกก๊กแบ่งพวก
แทนที่ประธานาธิบดี Harding จะสรรเลือกเอาคนที่มีสมรรถนะความสามารถในด้านต่างๆ เข้ามาช่วยการบริหารและพัฒนาประเทศ
แต่กลับปรากฏว่าคนที่ล้อมหน้าล้อมหลังท่านกลับกลายเป็นคนที่ “เชลียร์”
เอาอกเอาใจป้อยอท่าน
แล้วท่านก็เอาคนสนิทของท่านเข้ามามีอำนาจในรัฐบาลที่สร้างความปวดเศียรเวียนเกล้าตลอดเวลาของการบริหารประเทศ ตัวอย่างเบาะๆ เช่น
- Albert Fall เลขานุการกิจการภายในประเทศ เป็นรัฐมนตรีคนแรกในคณะของท่านที่เข้าคุกเพราะการรับสินบนจากบริษัทน้ำมัน เพื่อเอื้อประโยชน์ให้บริษัทได้เช่าที่ดินในราคาที่ต่ำกว่าราคามาตรฐาน
- Edwin Denby เลขานุการฝ่ายกิจการทหารราชนาวี ถูกถอดถอนต้องก้าวลงจากตำแหน่งเพราะความผิดด้านคอร์รัปชั่น
- Harry Daugherty อธิบดีกรมอัยการ ถูกกดดันให้ต้องลาออกจากตำแหน่งเพราะถูกกล่าวหาอย่างกว้างขวางจากสังคมถึงการโกงกินในกระทรวงยุติธรรม
- Jess Smith ผู้ช่วยอธิบดีกรมอัยการ ได้ฆ่าตัวตายภายหลังที่ถูกสอบสวนถึงพฤติกรรมฉ้อโกงของเขา
- Charles Forbes ผู้อำนวยการสำนักงานทหารผ่านศึก ถูกตัดสินให้มีความผิดในการโกงกินในรัฐบาลและถูกจำคุก
ถึงแม้ว่าเจ้าตัวประธานาธิบดีไม่มีข่าวที่แสดงว่าได้โกงกินฉ้อฉล แต่คนล้อมรอบเขาได้เป็นหนอนบ่อนไส้กัดกินฉ้อฉลประเทศชาติ
และนี่คือตัวบ่อเซาะทำลายความมั่นคงในภาวะผู้นำของเขา
2. หลีกเลี่ยงการตัดสินใจที่รับผิดชอบ
แทนที่ Harding
จะใช้สิทธิอำนาจในความเป็นประธานาธิบดีที่ตนมีอยู่เผชิญหน้ากับเพื่อนฝูงลูกน้องที่ฉ้อฉลโกงกินเหล่านั้น
แต่เขากลับทำตัวเป็นเหยื่อของการทำชั่วของเหล่าเพื่อนฝูงที่ห้อมล้อมเขาในเวลานั้น และท่านยืนยันว่าเพื่อนฝูงเหล่านี้เป็นผู้ที่ช่วยท่านในเวลาที่ต้องเดินไปบนเส้นทางที่มืดมิด ได้มีนักประวัติศาสตร์บางท่านได้อ้างว่า การที่ Harding
ได้เสียชีวิตเพราะหัวใจล้มเหลวที่ห้องทำงานนั้นเพราะความเครียดอันเกิดจากเรื่องอื้อฉาวของการโกงกินของเพื่อนฝูงที่ห้อมล้อมเขานั่นเอง
มีผู้ตั้งข้อสังเกตไว้ว่า Harding
เป็นคนประเภทที่หลีกเลี่ยงการตัดสินใจที่รับผิดชอบ
และการที่เขาเป็นประธานาธิบดีแบบที่กล่าวข้างต้นก็มิใช่เป็นเรื่องที่น่าแปลกใจนักของคนหลายๆ
คน
เพราะเขาเป็นคนที่หลีกเลี่ยงการตัดสินใจในเรื่องที่สำคัญๆ มีผู้ยกตัวอย่างเช่น ครั้งเมื่อ Harding เป็นสมาชิกสภาผู้แทน
ถ้าเวลาใดที่สภาจะต้องลงคะแนนเสียงเพื่อจะผ่าน/ไม่ผ่านกฎหมายหรือพระราชบัญญัติที่สำคัญๆ Harding
จะออกจากวอชิงตัน เพื่อหลีกเลี่ยงที่จะต้องตัดสินใจว่าจะเลือกด้านใดด้านหนึ่ง แทนที่เขาจะทำงานศึกษาอย่างทุ่มเทและมีความกล้าหาญในทางจริยธรรมที่จะต้องตัดสินใจยืนเคียงข้างในสิ่งที่ถูกต้อง Harding เลือกหลีกลี้หนีการตัดสินใจที่รับผิดชอบต่อสิ่งสำคัญเหล่านั้น และในครั้งเมื่อการหาเสียงของ Harding เขาเดินตามแผนการหาเสียงของพรรคที่กำหนดไว้ แล้วก็ใช้นโยบายที่คนอื่นในพรรควางไว้
เขามิได้พยายามปล้ำสู้หาวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนของเขาเพื่อชีวิตของประเทศชาติ แต่เขากลับเอานโยบายที่คนอื่นคิดไปท่องบ่นหาเสียงบนวิสัยทัศน์ของคนอื่น
3. สร้างบรรยากาศที่ระแวงสงสัย
อย่างไรก็ตาม แทนที่การนำของ Harding จะเป็นการสร้างความนิยมชมชอบในหมู่ประชาชน แต่กลับสร้างบรรยากาศแห่งความระแวงสงสัยในหมู่ประชาชน ผู้คนกำลังไม่แน่ใจในการนำประเทศของเขา
และที่ชัดเจนแน่นอนคือประชาชนไม่สามารถพึ่งพิงในการจัดการการคอร์รัปชั่นในรัฐบาลของ
Harding
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องการฉ้อราษฎร์บังหลวงของบรรดาเพื่อนฝูงนักการเมืองคนสนิทของ
Harding
ตราบใดที่ข้าราชการ หรือ นักการเมืองคนนั้นเป็นเพื่อนสนิทของ Harding เพื่อนคนนั้นก็จะทำอะไรก็ได้อย่างใจปรารถนา เมื่อข่าวการคอร์รัปชั่นแพร่สะพัดออกไปทั่วสังคม ย่อมสร้างแต่ความระแวงสงสัยไปในระดับชาติ สร้างความไม่ไว้วางใจต่อผู้นำที่ประชาชนได้เลือกมานั้น
ความรู้สึกไม่มั่นคงในความเป็นประธานาธิบดีของ
Harding ได้แผ่ขยายครอบงำแม้แต่ภรรยาของเขา สตรีหมายเลขหนึ่งของประเทศ Florence
ภรรยาของเขามีสมุดโน้ตเล่มเล็กสีแดงเล่มหนึ่ง
ในสมุดนั้นนางจะเขียนชื่อของทุกคนที่ต่อต้าน ขัดแย้งสามีของนาง หลายชื่อที่ถูกทำเครื่องหมายไว้ข้างๆ ถ้านางเห็นว่าคนๆ นั้นแสดงการเคารพต้อนรับสามีเธอที่ไม่เหมาะสม หรือมองสามีของนางไปในเชิงลบ แล้วเธอก็มองว่าคนเหล่านี้คือ “ศัตรูทางการเมือง”
ของสามีและนาง
คำถามเพื่อการใคร่ครวญพิจารณา
จากความล้มเหลวในภาวะผู้นำของ Warren G.
Harding ได้ให้บทเรียนสำคัญแก่เราบางประการดังนี้
1. ท่านจะไม่ประสบความสำเร็จในการนำทีมงานของท่าน ถ้าท่านมัวแต่ต้องการให้คนในทีมยอมรับตัวท่านนิยมในตัวท่านเท่านั้น
2.
แน่นอนว่าใครก็ต้องการเป็นคนที่ “น่ารัก น่าคบ” (ประชานิยม) มากกว่าการเป็นผู้นำที่คนเขาไม่อยากคบค้าด้วย
แต่ในเวลาเดียวกันผู้นำก็ต้องติดตามและเท่าทันว่า การทำให้เพื่อนฝูง และ ประชานิยมนั้นได้สร้างความเสียหายล่มจมอะไรบ้างในการบริหารงาน?
3.
มีสัญญาณเตือนภัยอะไรบ้างไหมที่บ่งชี้ให้เห็นว่า
ผู้นำเน้นเรื่องการสร้าง “ความนิยม” มากเกินไป?
ประสิทธิ์
แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย สันทราย
เชียงใหม่
E-mail:
prasit.barnabus@gmail.com
081-2894499
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น