28 กันยายน 2555

การบริหารจัดการ ‘ข่าวร้าย’


อ่าน พระธรรมเนหะมีย์ 1:1-11

ฮานานี และ พี่น้องจากยูดาห์ ที่เพิ่งมาจากเยรูซาเล็มได้มาเยี่ยมเนหะมีย์  ผู้ทำหน้าที่เชิญจอกเสวยของกษัตริย์อาทาเซอร์ซีสแห่งเปอร์เซีย   เนหะมีย์โศกเศร้าอย่างมากเมื่อได้ทราบว่า  ประชาชนที่หลงเหลืออยู่ใน ยูดาห์ตกอยู่ในความทุกข์และความอัปยศอย่างยิ่ง   ตกเป็นที่ดูหมิ่นเหยียดหยามของชนชาติรอบข้าง   กำแพงเมืองปรักหักพังชีวิตผู้คนในกรุงเยรูซาเล็มไร้ความปลอดภัย   ประตูเมืองถูกเผาทำให้คนที่อยู่ในเยรูซาเล็มไม่สามารถที่จะปกป้องตนเองได้   เนหะมีย์ได้บันทึกไว้ว่า...

“เมื่อข้าพเจ้าได้ยินเรื่องเช่นนี้ก็นั่งร้องไห้ 
ข้าพเจ้าโศกเศร้า 
ถืออดอาหาร 
และอธิษฐานต่อหน้าพระเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์อยู่หลายวัน...”
(เนหะมีย์ 1:4)

ทำไมเมื่อเนหะมีย์ได้ยินเรื่องนี้แล้วถึงกับ “ร้องไห้” และ “โศกเศร้า”?   แท้จริงแล้ว ก่อนหน้านี้มีเชลยอิสราเอลที่กลับไปกรุงเยรูซาเล็มถึง 2 คณะใหญ่แล้ว   คณะแรกนำโดยเศรุบาเบลกลับเยรูซาเล็มในปี กคศ. 538 (เอสราบทที่ 1)  และคณะที่สองนำโดยเอสราในปี กคศ. 458 (เอสราบทที่ 7)   ทั้งสองคณะต่างมุ่งมั่นตั้งใจกลับไปฟื้นฟูปฏิสังขรณ์กรุงเยรูซาเล็มขึ้นใหม่    แต่นี่ 90 ปีผ่านไปแล้วเนหะมีย์ยังได้รับข่าวร้ายในชีวิตของพี่น้องในกรุงเยรูซาเล็ม   เขาจึงร้องไห้  เขาโศกเศร้า   ตามเนื้อหาในพระคัมภีร์แล้วเนหะมีย์เป็นคนยิวเชลยศึกที่เกิดในต่างแดน   ไม่เคยรู้จักและไม่เคยกลับไปเยรูซาเล็มเลย   แสดงให้เห็นว่า เนหะมีย์มีพันธะสัมพันธ์อย่างลึกซึ้งกับ “ความเป็นชนชาติยิว”  ชนชาติของพระเจ้า  ในพระสัญญา  และพระประสงค์ของพระเจ้า

เมื่อเราได้รับข่าวร้ายในผู้คน และ ในสถาบันที่เรารักและผูกพัน  เราคงไม่ใช่โศกเศร้า ร้องไห้ หรือ ทุกข์ใจเท่านั้น   แน่นอนเลยครับเราต่างจะต้องแสวงหาแนวทาง วิธีการในการบริหารจัดการกับข่าวร้ายที่ได้ยินได้รับมานั้น   ตั้งแต่การพิจารณาค้นหาว่า ตนจะสามารถบริหารจัดการกับ “ข่าวร้าย” นี้อย่างไร   ใช้ศักยภาพ ความสามารถของตนเองที่มีอยู่ในการจัดการ   หรือหันหน้าขอการพึ่งพิงเพื่อนฝูงคนรู้จักให้ช่วยเหลือ   หรือไม่ก็เลิกคิด เลิกทำ  ทิ้งข่าวร้ายนั้นไปเสีย  ไม่จำเป็นต้องคิด ต้องทำ ต้องรับผิดชอบ   เพราะมันไม่ใช่ความทุกข์ยากที่ฉันต้องแบก

ในพระธรรมตอนนี้เรากลับพบว่า เนหะมีย์ที่มีศักยภาพมากมาย   อยู่ในตำแหน่งสูง  เป็นคนที่รักชอบพอของผู้มีอำนาจ  แน่นอนครับมีเพื่อนฝูงมากมายที่มีจิตใจอยากจะสร้างชาติยูดาห์ขึ้นใหม่   แต่สิ่งที่เขาตัดสินใจทำในเวลาที่ได้รับ “ข่าวร้าย” คือ

อดอาหาร และ อธิษฐานต่อพระเจ้า

การอดอาหารมิใช่ “พิธี” ที่จะเอาชนะข่าวร้าย! 

แต่การอดอาหารเป็นวินัยชีวิตจิตวิญญาณของคนเรา   ที่มิใช่ไม่กินไม่ดื่มเท่านั้น   แต่หมายถึงการที่เรา “หยุด” ที่จะกินจะดื่ม และ หยุดและเลิกวิธีการต่างๆ ที่ทำในชีวิตประจำวันของเรา   ทิ้งและหยุดสิ่งเหล่านั้นเพื่อเราจะไม่เอาตัวเราเองเป็นศูนย์กลางในการจัดการชีวิตที่เรากำลังประสบอยู่   แต่เรากลับมุ่งมองไปที่องค์พระผู้เป็นเจ้า   มิใช่มุ่งมองที่ใจปรารถนาของตนเอง  หรือมุ่งมองติดอยู่ที่ตัวปัญหาที่เรากำลังประสบ  

“การอดอาหาร” คือเวลาที่เราตั้งอกตั้งใจทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างแล้วตั้งหน้าตั้งตามุ่งมองที่องค์พระผู้เป็นเจ้า   เพื่อแสวงหาพระประสงค์ของพระองค์   เพื่อเราจะน้อมรับพระประสงค์ของพระเจ้าแล้วกระทำตามพระประสงค์นั้นอย่างสัตย์ซื่อและไว้วางใจในพระองค์  

ดังนั้น ช่วงเวลา “การอดอาหาร” คือช่วงเวลาที่เราแสวงหาพระประสงค์ของพระเจ้าในสถานการณ์วิกฤติที่เรากำลังเผชิญหน้า   มิใช่เวลาของการวางแผนต่อสู้เอาชนะสถานการณ์เลวร้ายนั้นด้วยความคิด ความสามารถ และศักยภาพแวดล้อมเราที่มีอยู่ หรือ ที่เราจะฉวยใช้เพื่อประโยชน์ตามใจปรารถนาของเรา

การอดอาหาร และ อธิษฐาน เป็นการที่เราเลือกที่จะมีโอกาสให้พระเจ้ากระทำพระราชกิจของพระองค์ในชีวิตของเราแทนการที่เราพยายามจัดการ “ข่าวร้าย” และ “วิกฤติชีวิต” ที่เราพบเจอด้วยกำลังความสามารถของตนเอง

ประการแรก       พระเจ้าจะทรงประทานพระผู้ช่วยในวิกฤติชีวิตคือพระวิญญาณบริสุทธิ์ ช่วยเราให้สามารถที่จะ “หยุด” และ “วาง” สิ่งต่างๆ ที่เราเคยยึดเหนี่ยวในชีวิตของเราลง   ไม่ว่าความสัมพันธ์กับผู้คนรอบข้าง  การงานที่ทำและรับผิดชอบ  ความกดดันที่มารอบด้าน   สิ่งเหล่านี้จะแย่งชิงพื้นที่ในความนึกคิดของเราจนทำให้เรายากที่จะสนใจจริงจังที่องค์พระผู้เป็นเจ้าและพระประสงค์ของพระองค์

ประการที่สอง     เมื่อพระวิญญาณบริสุทธิ์ช่วยย้ายความมุ่งมั่นสนใจของเราจากตัวเราเองไปสู่องค์พระผู้เป็นเจ้า  และพระประสงค์ของพระองค์   ในเวลาเช่นนี้ความนึกคิดของเราจะเกิดความชัดเจน   ทำให้เราสามารถที่จะเข้าใจแผนงานของพระองค์ชัดเจนแหลมคมยิ่งขึ้น  เพราะจิตใจความนึกคิดของเรามิได้ถูกรบกวน ครอบงำด้วยสิ่งอื่น

ประการที่สาม  เราจะเริ่มได้รับการ “ชำระ” มุมมอง ทัศนคติ ที่ตกในอำนาจของความบาปชั่วที่มีผลกระทบตรงต่อพฤติกรรมและการดำเนินชีวิตของเรา   เราจึงได้รับการ “ชำระล้าง ปรับเปลี่ยน แก้ไข” ภายในชีวิตของเราขึ้นใหม่จากพระวิญญาณบริสุทธิ์  และในเวลานี้ที่เราได้เห็นตัวตนที่แท้จริงของเราแล้วยอมรับในความบาปผิดของเรา  พระเจ้าผู้สัตย์ซื่อและเที่ยงธรรมก็จะให้อภัยแก่เรา ชำระเราจากความอธรรมทั้งสิ้น (1 ยอห์น 1:9)  และเมื่อได้รับการทรงชำระในชีวิตเช่นนี้แล้ว   สิ่งที่เราคิด  เราตัดสินใจจึงมิใช่ “ความปรารถนา” แห่งจิตใจของเราเอง   แต่เป็นการทรงกระทำงานของพระเจ้าในชีวิตของเรา  และในชีวิตของผู้คนที่เกี่ยวข้องใน “ข่าวร้าย” นั้น  ทำให้เราสามารถที่จะดำเนินตามพระประสงค์ตามแผนงานของพระองค์

บางท่านตั้งข้อสังเกตว่า   แต่ในที่สุดเนหะมีย์ก็ต้องพึ่งบารมีและอำนาจทางการเมืองและการปกครองของกษัตริย์แห่งเปอร์เซียในการบริหารจัดการ “ข่าวร้าย” อยู่ดี   คำตอบคือใช่แต่ต่างกัน   กษัตริย์แห่งเปอร์เซียมิได้ตัดสินใจช่วยเนหะมีย์ตามแผนการและการโน้มน้าวของเนหะมีย์   แต่ที่กษัตริย์แห่งเปอร์เซียสนับสนุนเนหะมีย์ในการกู้บ้านสร้างเมืองเยรูซาเล็มนั้น   เพราะเป็นการทำงานของพระวิญญาณของพระเจ้าให้กษัตริย์ให้ดำเนินการตามแผนงานขององค์พระผู้เป็นเจ้า   ซึ่งเป็นการสนับสนุนของกษัตริย์แก่เนหะมีย์ที่มั่นคงและยั่งยืนกว่า

เมื่อเราต้องเผชิญหน้า “ข่าวร้าย” ในชีวิตของเรา  เฉกเช่นเนหะมีย์  เราอาจจะต้องตกอยู่ในอารมณ์ความรู้สึกที่หดหู่ ถดถอย ด้อยกำลังทั้งความคิด  จิตใจ  และร่างกาย   ให้เรา “หยุด” ชีวิตของเรา (อดอาหาร)  เพื่อเปิดพื้นที่ชีวิต (อธิษฐาน) ให้พระวิญญาณบริสุทธิ์เข้ามาทำงานของพระองค์ในชีวิตของเรา   และนี่คือโอกาสที่จะเรียนรู้ถึงพระราชกิจและพระประสงค์ของพระเจ้าของเราได้ชัดเจนยิ่งขึ้น   และแน่นอนครับเราจะได้เห็น สัมผัส และเรียนรู้ว่าในสถานการณ์เลวร้ายเช่นนี้พระเจ้าทรงกระทำสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับชีวิตของเราเสมอ

ประเด็นเพื่อการใคร่ครวญ

1. ที่ผ่านมา  เมื่อท่านได้รับ “ข่าวร้าย” ในชีวิต   ท่านมีวิธีการจัดการกับข่าวร้ายนั้นเช่นไร?  ทำไมท่านถึงตัดสินใจเลือกจัดการ “ข่าวร้าย” ด้วยวิธีนั้น?   เกิดผลอย่างไรบ้าง?
2. ท่านคิดเห็นเช่นไรต่อวิธีบริหารจัดการ “ข่าวร้าย” แบบเนหะมีย์ที่  “อดอาหาร” และ “อธิษฐาน”   การอดอาหารและการอธิษฐานมีคุณค่า ความหมาย และความสำคัญในชีวิตของท่านหรือไม่?  อย่างไร
3. วันนี้ถ้ามี “ข่าวร้าย” มาถึงท่าน   ท่านจะรับมือกับ “ข่าวร้าย” อย่างไรบ้าง?

ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย  สันทราย  เชียงใหม่
E-mail: prasit.barnabus@gmail.com
081-2894499

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น