05 กันยายน 2555

...ใครจะเข้าใจเรา!


อ่านพระธรรม ฮีบรู 4:14-16

ในสภาพสังคมปัจจุบัน  สิ่งหนึ่งที่คนเรามักประสบพบคือ  ความรู้สึกโดดเดี่ยวท่ามกลางฝูงชน  ความรู้สึกว้าเหว่ท่ามกลางความโกลาหล   เพราะมนุษย์และสังคมปัจจุบันถูกครอบงำด้วยอิทธิพลของปัจเจกนิยม และ ประโยชน์ส่วนตน   และเมื่อแต่ละคนต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่ยากลำบากในชีวิต   จึงมักตั้งคำถามในใจลึกๆ ว่า    “แล้วใครจะเข้าใจเรา”

ในการทำงานผมมักพบกับเพื่อนฝูงน้องพี่ที่เป็นคริสตชนต่างก็ต้องพบกับสภาพชีวิตที่กล่าวข้างต้น   ยิ่งกว่านั้นยังได้ยินประโยคเดียวกันว่า “แล้วใครจะเข้าใจเรา” จากปากของเพื่อนฝูงคนสนิท  ผู้บริหารสถาบัน หน่วยงาน   ผู้ปกครองในคริสตจักร  ศิษยาภิบาล  และศาสนาจารย์   ผมได้ยินเสียงนี้บ่อยๆ เมื่อพูดคุยกับศิษาภิบาลมักจะได้ยินว่า “...แล้วสมาชิกคนไหนที่จะเข้าใจถึงหัวอกของศิษยาภิบาล?”

มิใช่ศิษยาภิบาลเท่านั้นครับ   ที่โหยหาคนที่จะเข้าใจตนเอง   ทุกคน ทุกอาชีพ และคนในทุกหน้าที่การงานปัจจุบันครับต่างต้องการให้ผู้คนเข้าใจตนเองบ้าง   เมื่อเวลาที่เขาตกอยู่ในสภาพชีวิตที่เลวร้ายด้วยความทุกข์ยากลำบาก

เสียงส่วนลึกของชีวิต ในจิตวิญญาณของเรา   โหยหาคนที่เข้าใจในสภาพชีวิตของเราที่กำลัง “ตกอับ” สภาพชีวิตที่ตีบตัน สูญเสีย ตกต่ำ   เพราะเราต้องการคนที่ยอมรับเรา(แม้ชีวิตตกในสภาพเช่นนั้น)ด้วยความเข้าอกเข้าใจ   ด้วยน้ำใจที่รักเมตตากรุณา(เราไม่ต้องการคนซ้ำเติมในวิกฤติชีวิตเช่นนี้)   ในสภาพชีวิตเช่นนี้เราต้องการคนที่ไว้วางใจได้  ที่จะแนะนำ ชี้นำ  และหนุนเสริมเพิ่มพลังชีวิต   ให้เรากล้าที่จะลุกขึ้นยืนต้านแรงปะทะของพายุที่กระหน่ำเข้ามาหาเรา   แล้วสามารถพาเราให้ฝ่าฟันหลุดรอดผ่านและออกจาก  “มรสุม” ชีวิตที่เรากำลังประสบอยู่ได้... 

ใช่ครับ หาคนเช่นนี้ในสังคมแบบทุกวันนี้ได้ยากเย็นแสนเข็ญเหลือเกินครับ!

วันนี้  ผมขอกระซิบบอกท่านว่า  คนๆ นั้นอยู่เคียงข้างในชีวิตจิตวิญญาณของเรามาตลอดเวลาครับ   อาจจะเป็นเพราะคนนี้ใกล้ชิดเรามานมนานจนเราลืมเขาไป   อาจจะเป็นเพราะเรามิได้มีเขาอยู่ในกลางใจของเรา  หรือเพราะเวลาที่ผ่านมาเรามัวแต่ที่จะสนใจ และ ให้คุณค่ากับคนอื่นและสิ่งอื่นมากกว่า   แต่เมื่อชีวิตเราต้องลำบากโดดเดี่ยวคนๆ นี้ยังเคียงข้างเราอย่างสัตย์ซื่อมั่นคงและเหนียวแน่น

พระเยซูคริสต์ไงครับ!  แม้เบื้องหลังจะเป็นพระเจ้า   แต่มาเกิดเป็นมนุษย์อย่างเต็มตัว   ชีวิตพระองค์ต้องประสบกับชีวิตที่แสนจะทุกข์ยาก  อยุติธรรม  ถูกกระหน่ำด้วยอิทธิพลการเมือง   ถูกหักหลังจากคนที่เขาเคยช่วยเหลือด้วยความรักเมตตา  

พระเยซูคริสต์เข้าใจถึงความรู้สึกของเราเมื่อชีวิตตกอับยากลำบาก   เพราะพระองค์ได้ผ่านพบประสบด้วยชีวิตของพระองค์เองในสภาพชีวิตเลวร้ายรูปแบบต่างๆ   พระองค์อาจจะไม่ได้ประสบเนื้อหาสถานการณ์เดียวกับเรา   แต่พระองค์มีประสบการณ์ชีวิตและความรู้สึกเหมือนกับเรา   ดังบางตัวอย่างที่ชีวิตพระองค์มีประสบการณ์และความรู้สึกเฉกเช่นเดียวกับเรา
ถูกเข้าใจผิด:  ผู้นำศาสนา คนเล่นการเมือง และประชาชนเข้าใจถึงการที่พระองค์อ้างว่าพระองค์เป็นพระ
           บุตรของพระเจ้าอย่างผิดเพี้ยนมาตลอด
ถูกปฏิเสธ:  ผู้คนที่พระองค์รักเมตตา และ ยอมตายเพื่อเขากลับมิได้ชื่นชอบในพระองค์
ถูกกดดัน:   ฝูงชนรุมล้อมพระองค์   ร้องขอให้พระองค์ช่วยเขา  และเรียกร้องต้องการความสนใจจาก    
           พระองค์
อ่อนเพลีย อ่อนกำลัง:   พระองค์ได้รับประสบการณ์ในรูปแบบต่างๆ ของความอ่อนแอในความเป็นมนุษย์
การโดดเดี่ยวถูกทอดทิ้ง:  ที่สวนเกทเสมนี  ในเวลาที่พระองค์ต้องการเพื่อนร่วมทุกข์มากที่สุด   เพื่อนที่
           สนิทชิดเชื้อที่สุดของพระองค์กลับหลับใหลไม่ได้สติ
ถูกทดลอง:  พระองค์ถูกมารซาตานทดลองอย่างรุนแรง
ถูกเกลียดชังและหยามเหยียบ:   ผู้นำศาสนาในเวลานั้นเกลียดชัง  พูดเหยียบหยามต่อพระองค์  ใส่ร้าย
           ป้ายสีเพื่อสร้างความเกลียดชังต่อพระองค์ในหมู่ประชาชน
ได้รับความอยุติธรรม:   ถึงแม้พระองค์จะดำเนินชีวิตที่ไม่ตกใต้อำนาจบาป   แต่พระองค์ต้องสิ้นชีวิต
           เฉกเช่นเดียวกันกับฆาตรกรบนกางเขน
ได้รับความเจ็บปวด:   พระองค์ต้องได้รับความเจ็บปวดทั้งกาย  ใจ  และจิตวิญญาณ   ทั้งการเยาะเย้ย 
           ถากถาง  ล้อเลียน  กล่าวร้าย  ถ่มน้ำลายรด  ถูกตรึงบนกางเขน   ให้ทรมานจนสิ้นใจ

“เพราะว่าเราไม่ได้มีมหาปุโรหิตที่ไม่สามารถจะเห็นใจในความอ่อนแอของเรา  
แต่(พระองค์)ทรงเคยถูกทดลองใจเหมือนเราทุกอย่าง  
ถึงกระนั้นพระองค์ก็ยังปราศจากบาป  
เพราะฉะนั้น  ให้เราเข้ามาถึงพระที่นั่งแห่งพระคุณด้วยใจกล้า  
เพื่อเราจะได้รับพระเมตตา   และจะพบพระคุณที่ช่วยเราในยามต้องการ”
(ฮีบรู 4:15-16  ฉบับมาตรฐาน)

ในวันนี้ไม่ว่าท่านจะต้องเผชิญกับสถานการณ์ชีวิตที่เลวร้ายในรูปแบบใดก็ตาม   โปรดระลึกเสมอว่า  พระเยซูคริสต์รู้และเข้าใจถึงความรู้สึกของท่าน   พระองค์เข้าอกเข้าใจในวิกฤติชีวิตของท่าน   พระองค์เข้าใจถึงความอ่อนแอและความเจ็บปวดที่ท่านกำลังรับอยู่ในขณะนี้   พระองค์อาจจะไม่ขจัดปัดเป่าสถานการณ์ชีวิตที่เลวร้ายของท่านออกไป   แต่พระองค์ทรงประทาน “พระคุณ” ที่จะหนุนเสริมเพิ่มพลังชีวิตของท่านที่จะต้านทานและฝ่าฟันการทดลองนั้น  และประทานความทรหดอดทนท่ามกลางความทุกข์ยากแสนสาหัส   และเสริมสร้างชีวิตท่านให้เติบโตขึ้นมีชีวิตจิตวิญญาณที่จะมีวุฒิภาวะเช่นพระองค์มากยิ่งๆ ขึ้นทุกวัน

เช่นเดียวกัน  ในวันนี้ให้เราอย่ามองข้ามผู้คนรอบข้างเราที่ต้องการ “คนที่จะเข้าใจเขา  ยอมรับเขา” ในภาวะชีวิตที่โดดเดี่ยว  ทุกข์ยาก  ถูกปฏิเสธ  ถูกตีตรา  ได้รับความอยุติธรรม  ถูกกล่าวร้ายป้ายสี  ถูกกดดันในชีวิต  ถูกทำให้เป็นคนที่สังคมเกลียดชัง  คนที่ตกอยู่ในการทดลอง   คนที่ยอมรับและสำนึกถึงความอ่อนแอในชีวิตที่ผ่านมาและต้องการคนเข้าอกเข้าใจ   ให้เราเคียงข้างกับคนเหล่านั้น  ด้วยการแบ่งปันเวลา  แบ่งปันชีวิต   แบ่งปันความรักเมตตาแบบไร้เงื่อนไขกับคนเหล่านี้ที่พระคริสต์ทรงเข้าอกเข้าใจเขา
วันนี้  พระคริสต์ทรงเรียกเราให้เดินเคียงข้างคนเหล่านี้  
เข้าอกเข้าใจคนเหล่านี้  และยอมรับเขาอย่างที่เขาเป็น
อย่างที่พระองค์ทรงเคียงข้างชีวิตของผู้คนเหล่านี้   ด้วยความเข้าอกเข้าใจและยอมรับเขา
ให้เราพบกับพระคริสต์ด้วยการมีชีวิตที่เคียงข้างผู้คนเหล่านี้เถิด!


ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย  สันทราย  เชียงใหม่
E-mail: prasit.barnabus@gmail.com
081-2894499

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น