อ่านพระธรรม ฮีบรู 4:14-16
ในสภาพสังคมปัจจุบัน สิ่งหนึ่งที่คนเรามักประสบพบคือ ความรู้สึกโดดเดี่ยวท่ามกลางฝูงชน ความรู้สึกว้าเหว่ท่ามกลางความโกลาหล
เพราะมนุษย์และสังคมปัจจุบันถูกครอบงำด้วยอิทธิพลของปัจเจกนิยม และ
ประโยชน์ส่วนตน และเมื่อแต่ละคนต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่ยากลำบากในชีวิต จึงมักตั้งคำถามในใจลึกๆ ว่า “แล้วใครจะเข้าใจเรา”
ในการทำงานผมมักพบกับเพื่อนฝูงน้องพี่ที่เป็นคริสตชนต่างก็ต้องพบกับสภาพชีวิตที่กล่าวข้างต้น ยิ่งกว่านั้นยังได้ยินประโยคเดียวกันว่า
“แล้วใครจะเข้าใจเรา” จากปากของเพื่อนฝูงคนสนิท
ผู้บริหารสถาบัน หน่วยงาน
ผู้ปกครองในคริสตจักร
ศิษยาภิบาล และศาสนาจารย์ ผมได้ยินเสียงนี้บ่อยๆ เมื่อพูดคุยกับศิษาภิบาลมักจะได้ยินว่า
“...แล้วสมาชิกคนไหนที่จะเข้าใจถึงหัวอกของศิษยาภิบาล?”
มิใช่ศิษยาภิบาลเท่านั้นครับ ที่โหยหาคนที่จะเข้าใจตนเอง ทุกคน ทุกอาชีพ
และคนในทุกหน้าที่การงานปัจจุบันครับต่างต้องการให้ผู้คนเข้าใจตนเองบ้าง เมื่อเวลาที่เขาตกอยู่ในสภาพชีวิตที่เลวร้ายด้วยความทุกข์ยากลำบาก
เสียงส่วนลึกของชีวิต ในจิตวิญญาณของเรา โหยหาคนที่เข้าใจในสภาพชีวิตของเราที่กำลัง
“ตกอับ” สภาพชีวิตที่ตีบตัน สูญเสีย ตกต่ำ
เพราะเราต้องการคนที่ยอมรับเรา(แม้ชีวิตตกในสภาพเช่นนั้น)ด้วยความเข้าอกเข้าใจ
ด้วยน้ำใจที่รักเมตตากรุณา(เราไม่ต้องการคนซ้ำเติมในวิกฤติชีวิตเช่นนี้)
ในสภาพชีวิตเช่นนี้เราต้องการคนที่ไว้วางใจได้ ที่จะแนะนำ ชี้นำ และหนุนเสริมเพิ่มพลังชีวิต
ให้เรากล้าที่จะลุกขึ้นยืนต้านแรงปะทะของพายุที่กระหน่ำเข้ามาหาเรา แล้วสามารถพาเราให้ฝ่าฟันหลุดรอดผ่านและออกจาก “มรสุม” ชีวิตที่เรากำลังประสบอยู่ได้...
ใช่ครับ
หาคนเช่นนี้ในสังคมแบบทุกวันนี้ได้ยากเย็นแสนเข็ญเหลือเกินครับ!
วันนี้
ผมขอกระซิบบอกท่านว่า คนๆ นั้นอยู่เคียงข้างในชีวิตจิตวิญญาณของเรามาตลอดเวลาครับ
อาจจะเป็นเพราะคนนี้ใกล้ชิดเรามานมนานจนเราลืมเขาไป อาจจะเป็นเพราะเรามิได้มีเขาอยู่ในกลางใจของเรา หรือเพราะเวลาที่ผ่านมาเรามัวแต่ที่จะสนใจ และ
ให้คุณค่ากับคนอื่นและสิ่งอื่นมากกว่า
แต่เมื่อชีวิตเราต้องลำบากโดดเดี่ยวคนๆ นี้ยังเคียงข้างเราอย่างสัตย์ซื่อมั่นคงและเหนียวแน่น
พระเยซูคริสต์ไงครับ! แม้เบื้องหลังจะเป็นพระเจ้า แต่มาเกิดเป็นมนุษย์อย่างเต็มตัว
ชีวิตพระองค์ต้องประสบกับชีวิตที่แสนจะทุกข์ยาก อยุติธรรม
ถูกกระหน่ำด้วยอิทธิพลการเมือง
ถูกหักหลังจากคนที่เขาเคยช่วยเหลือด้วยความรักเมตตา
พระเยซูคริสต์เข้าใจถึงความรู้สึกของเราเมื่อชีวิตตกอับยากลำบาก
เพราะพระองค์ได้ผ่านพบประสบด้วยชีวิตของพระองค์เองในสภาพชีวิตเลวร้ายรูปแบบต่างๆ พระองค์อาจจะไม่ได้ประสบเนื้อหาสถานการณ์เดียวกับเรา
แต่พระองค์มีประสบการณ์ชีวิตและความรู้สึกเหมือนกับเรา
ดังบางตัวอย่างที่ชีวิตพระองค์มีประสบการณ์และความรู้สึกเฉกเช่นเดียวกับเรา
ถูกเข้าใจผิด: ผู้นำศาสนา คนเล่นการเมือง
และประชาชนเข้าใจถึงการที่พระองค์อ้างว่าพระองค์เป็นพระ
บุตรของพระเจ้าอย่างผิดเพี้ยนมาตลอด
ถูกปฏิเสธ: ผู้คนที่พระองค์รักเมตตา และ
ยอมตายเพื่อเขากลับมิได้ชื่นชอบในพระองค์
ถูกกดดัน: ฝูงชนรุมล้อมพระองค์ ร้องขอให้พระองค์ช่วยเขา และเรียกร้องต้องการความสนใจจาก
พระองค์
อ่อนเพลีย อ่อนกำลัง: พระองค์ได้รับประสบการณ์ในรูปแบบต่างๆ
ของความอ่อนแอในความเป็นมนุษย์
การโดดเดี่ยวถูกทอดทิ้ง: ที่สวนเกทเสมนี
ในเวลาที่พระองค์ต้องการเพื่อนร่วมทุกข์มากที่สุด เพื่อนที่
สนิทชิดเชื้อที่สุดของพระองค์กลับหลับใหลไม่ได้สติ
ถูกทดลอง: พระองค์ถูกมารซาตานทดลองอย่างรุนแรง
ถูกเกลียดชังและหยามเหยียบ: ผู้นำศาสนาในเวลานั้นเกลียดชัง พูดเหยียบหยามต่อพระองค์ ใส่ร้าย
ป้ายสีเพื่อสร้างความเกลียดชังต่อพระองค์ในหมู่ประชาชน
ได้รับความอยุติธรรม: ถึงแม้พระองค์จะดำเนินชีวิตที่ไม่ตกใต้อำนาจบาป แต่พระองค์ต้องสิ้นชีวิต
เฉกเช่นเดียวกันกับฆาตรกรบนกางเขน
ได้รับความเจ็บปวด: พระองค์ต้องได้รับความเจ็บปวดทั้งกาย ใจ
และจิตวิญญาณ ทั้งการเยาะเย้ย
ถากถาง ล้อเลียน กล่าวร้าย
ถ่มน้ำลายรด ถูกตรึงบนกางเขน ให้ทรมานจนสิ้นใจ
“เพราะว่าเราไม่ได้มีมหาปุโรหิตที่ไม่สามารถจะเห็นใจในความอ่อนแอของเรา
แต่(พระองค์)ทรงเคยถูกทดลองใจเหมือนเราทุกอย่าง
ถึงกระนั้นพระองค์ก็ยังปราศจากบาป
เพราะฉะนั้น
ให้เราเข้ามาถึงพระที่นั่งแห่งพระคุณด้วยใจกล้า
เพื่อเราจะได้รับพระเมตตา และจะพบพระคุณที่ช่วยเราในยามต้องการ”
(ฮีบรู 4:15-16 ฉบับมาตรฐาน)
ในวันนี้ไม่ว่าท่านจะต้องเผชิญกับสถานการณ์ชีวิตที่เลวร้ายในรูปแบบใดก็ตาม โปรดระลึกเสมอว่า
พระเยซูคริสต์รู้และเข้าใจถึงความรู้สึกของท่าน พระองค์เข้าอกเข้าใจในวิกฤติชีวิตของท่าน
พระองค์เข้าใจถึงความอ่อนแอและความเจ็บปวดที่ท่านกำลังรับอยู่ในขณะนี้ พระองค์อาจจะไม่ขจัดปัดเป่าสถานการณ์ชีวิตที่เลวร้ายของท่านออกไป แต่พระองค์ทรงประทาน “พระคุณ”
ที่จะหนุนเสริมเพิ่มพลังชีวิตของท่านที่จะต้านทานและฝ่าฟันการทดลองนั้น
และประทานความทรหดอดทนท่ามกลางความทุกข์ยากแสนสาหัส และเสริมสร้างชีวิตท่านให้เติบโตขึ้นมีชีวิตจิตวิญญาณที่จะมีวุฒิภาวะเช่นพระองค์มากยิ่งๆ
ขึ้นทุกวัน
เช่นเดียวกัน
ในวันนี้ให้เราอย่ามองข้ามผู้คนรอบข้างเราที่ต้องการ
“คนที่จะเข้าใจเขา ยอมรับเขา”
ในภาวะชีวิตที่โดดเดี่ยว ทุกข์ยาก ถูกปฏิเสธ
ถูกตีตรา ได้รับความอยุติธรรม ถูกกล่าวร้ายป้ายสี ถูกกดดันในชีวิต ถูกทำให้เป็นคนที่สังคมเกลียดชัง คนที่ตกอยู่ในการทดลอง
คนที่ยอมรับและสำนึกถึงความอ่อนแอในชีวิตที่ผ่านมาและต้องการคนเข้าอกเข้าใจ ให้เราเคียงข้างกับคนเหล่านั้น ด้วยการแบ่งปันเวลา แบ่งปันชีวิต
แบ่งปันความรักเมตตาแบบไร้เงื่อนไขกับคนเหล่านี้ที่พระคริสต์ทรงเข้าอกเข้าใจเขา
วันนี้
พระคริสต์ทรงเรียกเราให้เดินเคียงข้างคนเหล่านี้
เข้าอกเข้าใจคนเหล่านี้ และยอมรับเขาอย่างที่เขาเป็น
อย่างที่พระองค์ทรงเคียงข้างชีวิตของผู้คนเหล่านี้ ด้วยความเข้าอกเข้าใจและยอมรับเขา
ให้เราพบกับพระคริสต์ด้วยการมีชีวิตที่เคียงข้างผู้คนเหล่านี้เถิด!
ประสิทธิ์
แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย สันทราย
เชียงใหม่
E-mail:
prasit.barnabus@gmail.com
081-2894499
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น