26 กันยายน 2555

กลัวคน?


ความกลัวของคนเป็นเพียงกับดัก
แต่ผู้ที่วางใจในองค์พระผู้เป็นเจ้าก็ปลอดภัย
(สุภาษิต 29:25 อมตธรรม)

การกลัวคนนั้นเป็นกับดัก  
แต่ผู้ที่วางใจในองค์พระผู้เป็นเจ้าจะได้รับความปลอดภัย 
(สุภาษิต 29:25 ผู้เขียน)

เมื่อเราศึกษาพระวจนะของพระเจ้า  เราจะเห็นตัวอย่างแล้วตัวอย่างเล่าของคนที่ชีวิตต้องล้มลงเป็นเหยื่อของความกลัว   และเมื่อผู้ใดที่ล้มลงเพราะความกลัว ชีวิตของคนๆ นั้นก็ประสบกับความหายนะที่ตามมา

อับราฮัมเป็นผู้ที่รู้จักกันทั่วไปว่าเป็นบิดาแห่งความเชื่อ   แต่อย่าลืมว่า อับราฮัมเคยพูดความจริงเพียงครึ่งเดียว หรือ โกหกว่านางซาราห์เป็นน้องสาวของตนเพราะท่านกลัวว่าคนอื่นจะฆ่าทำร้ายตนเพื่อแย่งชิงเอานางซาราห์ไป...   อับราฮัมทำเช่นนี้ตั้งสองครั้งสองครา (ปฐมกาล 12:10-20 และ 20:1-18)    ที่ว่าอับราฮัมพูดความจริงเพียงครึ่งเดียวเพราะแท้จริงแล้วซาราห์เป็นน้องสาวต่างมารดา (20:12)   และความจริงอีกครึ่งหนึ่งคือนางเป็นภรรยาของอับราฮัมด้วย

เอลียาห์ผู้เผยพระวจนะที่มีความกล้าหาญในประวัติศาสตร์ของอิสราเอล   แต่เขาต้องวิ่งหนีหลบลี้ไปอยู่ในถ้ำเพราะเขากลัวกษัตริย์อาหับและพระนางเยเซเบลที่ประกาศจะไล่ล่าฆ่าเอลียาห์ให้ได้   เพราะเอลียาห์ได้สั่งประหารผู้ทำนายของพระบาอัลของนางจนหมดสิ้น   “เพราะนางเยเซเบลกล่าวอาฆาตต่อเอลียาห์ไว้ว่า “ขอให้พระทั้งหลายจัดการกับเราอย่างสาหัส  หากภายในพรุ่งนี้เวลาเดียวกันนี้  หากเรามิได้ปลิดชีวิตเจ้าเหมือนที่เจ้าทำกับคนของเรา” (1 พงศ์กษัตริย์ 19:2 อมตธรรม)   “เอลียาห์กลัว (นางเยเซเบล) จึงหนีเอาชีวิตรอด...”(19:3 อมตธรรม)   และชีวิตของเอลียาห์ล้มเหลวและตกต่ำลงถึงขนาดอธิษฐานให้ตัวเองตาย  กล่าวว่า “ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า   ข้าพระองค์ทนมามากพอแล้ว   ขอทรงเอาชีวิตของข้าพระองค์ไปเถิด...” (19:4)   เมื่อชีวิตของเอลียาห์ตกลงในกับดักที่กลัวเยเซเบลว่าจะมาฆ่าตนเอง   ชีวิตที่ล้มเหลวมิใช่หนีเท่านั้น   แต่บอกให้พระเจ้าเอาชีวิตของเขาไปดีกว่า   ชีวิตเอลียาห์ตกต่ำลงถึงเพียงนี้!

กษัตริย์ซาอูลผู้มีร่างกายกำยำสูงสง่าเหนือคนอิสราเอลทั้งหลาย   แต่เขาสิ้นแรงหมดทางสู้เมื่อเห็นร่างยักษ์อย่างโกลิอัท   เมื่อโกลิอัทท้าทายกองทัพอิสราเอล  พระคัมภีร์บันทึกไว้ว่า “เมื่อซาอูลและอิสราเอลทั้งสิ้นได้ยินถ้อยคำเหล่านี้ของคนฟีลิสเตียนั้น  พวกเขาก็ตกใจและหวาดกลัวยิ่งนัก” (1 ซามูลเอล 17:11 ฉบับมาตรฐาน)  “เมื่อคนอิสราเอลทั้งปวงเห็นชายคนนั้นก็วิ่งหนีไปและหวาดกลัวเขามาก” (17:24)   ทั้งกษัตริย์ซาอูลและประชาชนอิสราเอลต่างตกลงในกับดักแห่งความกลัว  วิ่งหนี  บอกกับตนเองว่าไม่มีทางที่จะสู้โกลิอัทได้   เพราะต่างมุ่งมองไปที่โกลิอัทด้วยความกลัว

เหตุการณ์ตรงกันข้าม   เมื่อดาวิดมาอยู่ในสถานการณ์วิกฤตินั้นเขามิได้มุ่งมองไปที่โกลิอัท   แต่เขามุ่งมองไปที่พระเจ้าผู้ทรงพระชนม์  เขาพูดกับทหารที่ยืนข้างเขาว่า “คนฟีลิสเตียผู้ไม่ได้เข้าสุหนัตคนนี้เป็นใคร  จึงมาท้าทายกองทัพของพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่” (17:26)   แทนที่ดาวิดจะคิดว่าทหารอิสราเอลต้องหนีแต่เขากลับมองว่าทหารอิสราเอลเป็นกองทัพของพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่   และนี่คือความแตกต่างเมื่อเรามุ่งมองที่พระเจ้าในทุกสถานการณ์ชีวิตของเรา   แทนที่จะมองที่มนุษย์ผู้สร้างปัญหาที่เกิดขึ้น   ดาวิดบอกกับกษัตริย์ซาอูลว่า  “องค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงช่วยข้าพระบาทจากเขี้ยวเล็บของสิงโตและหมี  จะช่วยข้าพระบาทจากมือชาวฟีลิสเตียผู้นี้ (17:37 อมตธรรม)

เราจะพบบุคคลต่างๆ ในพระคัมภีร์ที่ตกอยู่ในสภาพเช่นที่กล่าวข้างต้นที่จบลงอย่างน่าเศร้า   การที่เรากลัวคนมิใช่สิ่งที่ดี   ดังนั้น พระวจนะของพระเจ้าจะเตือนเราที่จะไม่ตกลงในกับดักของความกลัวต่อมนุษย์   และพระคัมภีร์กล่าวว่าการที่เรากลัวคนนั้นเป็นหลุมพรางในชีวิตของเรา

อะไรคือกับดักและมันกระทำอย่างไรต่อชีวิตของเรา   ความกลัวมักจะนอนขวางข้างหน้าเรา   แล้วทำตัวเหมือนซื่อทื่อไม่รู้ภาษีภาษาอะไร   แต่เมื่อใดก็ตามที่เราตกลงในกับดักของมัน   มันจะเกาะกุมรัดแน่นจนเราหมดแรง   แล้วทำให้เราไม่สามารถมีอิสระเป็นตัวของตัวเอง   ไม่สามารถที่จะมุ่งไปที่ที่ต้องการและที่ที่จำเป็นที่จะไป   นี่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคนใดคนหนึ่งตกลงในความกลัว

พระเจ้าไม่ประสงค์ให้เราต้องตกลงในกับดักของการกลัวมนุษย์   พระองค์ประสงค์ให้เรารอดพ้นออกจากหลุมพรางหรือกับดักการกลัวมนุษย์    ดังนั้น พระองค์ทรงเตือนเราเสมอว่า   ในทุกสถานการณ์ชีวิตไม่ว่าอะไรกำลังเกิดขึ้นกับเรา  หรืออะไรที่อาจจะเกิดขึ้นกับเรา  ให้เรา “มุ่งมองไปที่พระองค์เท่านั้น”   ให้เรามองตรงไปที่องค์พระผู้เป็นเจ้าและไว้วางใจในพระประสงค์ของพระองค์   เพื่อที่เราจะไม่ก้าวลงในหลุมพรางของการกลัวมนุษย์   ในเวลาเช่นนั้นเองชีวิตของเราจะครอบครองโดยพระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่   ที่เรารู้และมั่นใจว่าชีวิตของเรามีผู้ที่รับผิดชอบ  ปกป้อง และดูแลเอาใจใส่   และเป็นการเอาใจใส่ปกป้องที่ใหญ่ยิ่งมั่นคงกว่ามนุษย์ชายหญิงทั้งหลาย และ ความสามารถของมนุษย์ทั้งปวง   ชีวิตของเราถูกห้อมล้อมด้วยความปลอดภัยมั่นคงจากพระเจ้า   และเรารู้อยู่เต็มอกว่า  ไม่มีอะไรที่จะเกิดขึ้นกับชีวิตของเราได้ถ้าพระองค์มิได้อนุญาตให้เกิดขึ้น   และถ้าพระองค์อนุญาตให้สิ่งใดสิ่งหนึ่งเกิดขึ้นแสดงว่าพระเจ้ามีพระประสงค์จะทำพระราชกิจของพระองค์ในชีวิตและผ่านชีวิตของเรา

วันนี้   อย่ามุ่งมองจ้องไปที่ความกลัวของเราที่มีต่อมนุษย์    แต่ให้เรามุ่งมองจ้องไปที่องค์พระผู้เป็นเจ้าด้วยความไว้วางใจในพระองค์แล้วเราจะได้รับกำลังและความปลอดภัย   ยิ่งกว่านั้นเราจะได้เรียนรู้ถึงพระประสงค์ของพระองค์ในชีวิตของเราชัดเจนยิ่งๆ ขึ้น

ในวันนี้  เวลาใดก็ตามที่เรารู้สึกว่ากลัว ท้อแท้  หมดกำลัง   โปรดตระหนักรู้ตัวว่า  เรามิได้มุ่งมองที่องค์พระผู้เป็นเจ้า   แต่เรากำลังตกลงในหลุมพรางที่ความกลัวในมนุษย์วางดักชีวิตของเรา   ให้เรารีบหันกลับไปมุ่งมององค์พระผู้เป็นเจ้าด้วยความไว้วางใจในพระองค์

เพราะว่าพระเจ้ามิได้ประทานใจที่ขลาดกลัวแก่เรา  
แต่ประทานใจที่ประกอบด้วยฤทธานุภาพ ความรัก และการบังคับตนเองแก่เรา
(2 ทิโมธี 1:7 ฉบับมาตรฐาน)

ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย  สันทราย  เชียงใหม่
E-mail: prasit.barnabus@gmail.com
081-2894499

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น