ความกลัวของคนเป็นเพียงกับดัก
แต่ผู้ที่วางใจในองค์พระผู้เป็นเจ้าก็ปลอดภัย
(สุภาษิต 29:25
อมตธรรม)
การกลัวคนนั้นเป็นกับดัก
แต่ผู้ที่วางใจในองค์พระผู้เป็นเจ้าจะได้รับความปลอดภัย
(สุภาษิต 29:25
ผู้เขียน)
เมื่อเราศึกษาพระวจนะของพระเจ้า เราจะเห็นตัวอย่างแล้วตัวอย่างเล่าของคนที่ชีวิตต้องล้มลงเป็นเหยื่อของความกลัว และเมื่อผู้ใดที่ล้มลงเพราะความกลัว ชีวิตของคนๆ
นั้นก็ประสบกับความหายนะที่ตามมา
อับราฮัมเป็นผู้ที่รู้จักกันทั่วไปว่าเป็นบิดาแห่งความเชื่อ แต่อย่าลืมว่า อับราฮัมเคยพูดความจริงเพียงครึ่งเดียว
หรือ โกหกว่านางซาราห์เป็นน้องสาวของตนเพราะท่านกลัวว่าคนอื่นจะฆ่าทำร้ายตนเพื่อแย่งชิงเอานางซาราห์ไป... อับราฮัมทำเช่นนี้ตั้งสองครั้งสองครา (ปฐมกาล 12:10-20
และ 20:1-18)
ที่ว่าอับราฮัมพูดความจริงเพียงครึ่งเดียวเพราะแท้จริงแล้วซาราห์เป็นน้องสาวต่างมารดา
(20:12) และความจริงอีกครึ่งหนึ่งคือนางเป็นภรรยาของอับราฮัมด้วย
เอลียาห์ผู้เผยพระวจนะที่มีความกล้าหาญในประวัติศาสตร์ของอิสราเอล แต่เขาต้องวิ่งหนีหลบลี้ไปอยู่ในถ้ำเพราะเขากลัวกษัตริย์อาหับและพระนางเยเซเบลที่ประกาศจะไล่ล่าฆ่าเอลียาห์ให้ได้ เพราะเอลียาห์ได้สั่งประหารผู้ทำนายของพระบาอัลของนางจนหมดสิ้น “เพราะนางเยเซเบลกล่าวอาฆาตต่อเอลียาห์ไว้ว่า
“ขอให้พระทั้งหลายจัดการกับเราอย่างสาหัส
หากภายในพรุ่งนี้เวลาเดียวกันนี้
หากเรามิได้ปลิดชีวิตเจ้าเหมือนที่เจ้าทำกับคนของเรา” (1 พงศ์กษัตริย์ 19:2 อมตธรรม) “เอลียาห์กลัว (นางเยเซเบล)
จึงหนีเอาชีวิตรอด...”(19:3 อมตธรรม)
และชีวิตของเอลียาห์ล้มเหลวและตกต่ำลงถึงขนาดอธิษฐานให้ตัวเองตาย กล่าวว่า “ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ข้าพระองค์ทนมามากพอแล้ว ขอทรงเอาชีวิตของข้าพระองค์ไปเถิด...” (19:4) เมื่อชีวิตของเอลียาห์ตกลงในกับดักที่กลัวเยเซเบลว่าจะมาฆ่าตนเอง ชีวิตที่ล้มเหลวมิใช่หนีเท่านั้น แต่บอกให้พระเจ้าเอาชีวิตของเขาไปดีกว่า ชีวิตเอลียาห์ตกต่ำลงถึงเพียงนี้!
กษัตริย์ซาอูลผู้มีร่างกายกำยำสูงสง่าเหนือคนอิสราเอลทั้งหลาย แต่เขาสิ้นแรงหมดทางสู้เมื่อเห็นร่างยักษ์อย่างโกลิอัท เมื่อโกลิอัทท้าทายกองทัพอิสราเอล พระคัมภีร์บันทึกไว้ว่า
“เมื่อซาอูลและอิสราเอลทั้งสิ้นได้ยินถ้อยคำเหล่านี้ของคนฟีลิสเตียนั้น พวกเขาก็ตกใจและหวาดกลัวยิ่งนัก” (1 ซามูลเอล 17:11 ฉบับมาตรฐาน)
“เมื่อคนอิสราเอลทั้งปวงเห็นชายคนนั้นก็วิ่งหนีไปและหวาดกลัวเขามาก” (17:24)
ทั้งกษัตริย์ซาอูลและประชาชนอิสราเอลต่างตกลงในกับดักแห่งความกลัว วิ่งหนี
บอกกับตนเองว่าไม่มีทางที่จะสู้โกลิอัทได้ เพราะต่างมุ่งมองไปที่โกลิอัทด้วยความกลัว
เหตุการณ์ตรงกันข้าม
เมื่อดาวิดมาอยู่ในสถานการณ์วิกฤตินั้นเขามิได้มุ่งมองไปที่โกลิอัท แต่เขามุ่งมองไปที่พระเจ้าผู้ทรงพระชนม์ เขาพูดกับทหารที่ยืนข้างเขาว่า
“คนฟีลิสเตียผู้ไม่ได้เข้าสุหนัตคนนี้เป็นใคร
จึงมาท้าทายกองทัพของพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่” (17:26) แทนที่ดาวิดจะคิดว่าทหารอิสราเอลต้องหนีแต่เขากลับมองว่าทหารอิสราเอลเป็นกองทัพของพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่
และนี่คือความแตกต่างเมื่อเรามุ่งมองที่พระเจ้าในทุกสถานการณ์ชีวิตของเรา แทนที่จะมองที่มนุษย์ผู้สร้างปัญหาที่เกิดขึ้น ดาวิดบอกกับกษัตริย์ซาอูลว่า
“องค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงช่วยข้าพระบาทจากเขี้ยวเล็บของสิงโตและหมี จะช่วยข้าพระบาทจากมือชาวฟีลิสเตียผู้นี้ (17:37
อมตธรรม)
เราจะพบบุคคลต่างๆ ในพระคัมภีร์ที่ตกอยู่ในสภาพเช่นที่กล่าวข้างต้นที่จบลงอย่างน่าเศร้า การที่เรากลัวคนมิใช่สิ่งที่ดี ดังนั้น
พระวจนะของพระเจ้าจะเตือนเราที่จะไม่ตกลงในกับดักของความกลัวต่อมนุษย์ และพระคัมภีร์กล่าวว่าการที่เรากลัวคนนั้นเป็นหลุมพรางในชีวิตของเรา
อะไรคือกับดักและมันกระทำอย่างไรต่อชีวิตของเรา ความกลัวมักจะนอนขวางข้างหน้าเรา แล้วทำตัวเหมือนซื่อทื่อไม่รู้ภาษีภาษาอะไร แต่เมื่อใดก็ตามที่เราตกลงในกับดักของมัน มันจะเกาะกุมรัดแน่นจนเราหมดแรง แล้วทำให้เราไม่สามารถมีอิสระเป็นตัวของตัวเอง ไม่สามารถที่จะมุ่งไปที่ที่ต้องการและที่ที่จำเป็นที่จะไป นี่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคนใดคนหนึ่งตกลงในความกลัว
พระเจ้าไม่ประสงค์ให้เราต้องตกลงในกับดักของการกลัวมนุษย์ พระองค์ประสงค์ให้เรารอดพ้นออกจากหลุมพรางหรือกับดักการกลัวมนุษย์ ดังนั้น พระองค์ทรงเตือนเราเสมอว่า
ในทุกสถานการณ์ชีวิตไม่ว่าอะไรกำลังเกิดขึ้นกับเรา หรืออะไรที่อาจจะเกิดขึ้นกับเรา ให้เรา “มุ่งมองไปที่พระองค์เท่านั้น”
ให้เรามองตรงไปที่องค์พระผู้เป็นเจ้าและไว้วางใจในพระประสงค์ของพระองค์ เพื่อที่เราจะไม่ก้าวลงในหลุมพรางของการกลัวมนุษย์ ในเวลาเช่นนั้นเองชีวิตของเราจะครอบครองโดยพระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่
ที่เรารู้และมั่นใจว่าชีวิตของเรามีผู้ที่รับผิดชอบ ปกป้อง และดูแลเอาใจใส่ และเป็นการเอาใจใส่ปกป้องที่ใหญ่ยิ่งมั่นคงกว่ามนุษย์ชายหญิงทั้งหลาย
และ ความสามารถของมนุษย์ทั้งปวง
ชีวิตของเราถูกห้อมล้อมด้วยความปลอดภัยมั่นคงจากพระเจ้า และเรารู้อยู่เต็มอกว่า
ไม่มีอะไรที่จะเกิดขึ้นกับชีวิตของเราได้ถ้าพระองค์มิได้อนุญาตให้เกิดขึ้น
และถ้าพระองค์อนุญาตให้สิ่งใดสิ่งหนึ่งเกิดขึ้นแสดงว่าพระเจ้ามีพระประสงค์จะทำพระราชกิจของพระองค์ในชีวิตและผ่านชีวิตของเรา
วันนี้
อย่ามุ่งมองจ้องไปที่ความกลัวของเราที่มีต่อมนุษย์
แต่ให้เรามุ่งมองจ้องไปที่องค์พระผู้เป็นเจ้าด้วยความไว้วางใจในพระองค์แล้วเราจะได้รับกำลังและความปลอดภัย ยิ่งกว่านั้นเราจะได้เรียนรู้ถึงพระประสงค์ของพระองค์ในชีวิตของเราชัดเจนยิ่งๆ
ขึ้น
ในวันนี้
เวลาใดก็ตามที่เรารู้สึกว่ากลัว ท้อแท้
หมดกำลัง
โปรดตระหนักรู้ตัวว่า
เรามิได้มุ่งมองที่องค์พระผู้เป็นเจ้า
แต่เรากำลังตกลงในหลุมพรางที่ความกลัวในมนุษย์วางดักชีวิตของเรา ให้เรารีบหันกลับไปมุ่งมององค์พระผู้เป็นเจ้าด้วยความไว้วางใจในพระองค์
เพราะว่าพระเจ้ามิได้ประทานใจที่ขลาดกลัวแก่เรา
แต่ประทานใจที่ประกอบด้วยฤทธานุภาพ
ความรัก และการบังคับตนเองแก่เรา
(2 ทิโมธี 1:7 ฉบับมาตรฐาน)
ประสิทธิ์
แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย สันทราย
เชียงใหม่
E-mail:
prasit.barnabus@gmail.com
081-2894499
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น