29 ตุลาคม 2555

ความเจ็บปวดในชีวิต 1: รู้เท่าทันเหตุผลเบื้องหลัง


ท่านเคยพูดกับตนเองว่า  “สิ่งนี้ไม่น่าจะเกิดขึ้นเลย” หรือมีเพื่อนสนิทคนใดคนหนึ่งพูดกับท่านเช่นนี้หรือไม่?   ถ้าเคย   ตอนนี้ท่านรู้เลยใช่ไหมครับว่า   คนที่พูดประโยคนี้มีความรู้สึกเช่นไร   ผมก็เคยได้ยินประโยคนี้จากเพื่อนสนิท(รุ่นน้อง)ของผมคนหนึ่งเช่นกันครับ

เพื่อนคนนี้ของผมคุณพ่อติดเหล้างอมแงมอย่างถอนตัวไม่ขึ้น   ที่วงการแพทย์เรียกว่าโรคพิษสุราเรื้องรัง   จนในที่สุดพ่อแม่เลิกกัน   สิ่งต่างๆ ที่เธอคาดหวัง  ความมั่นคงในชีวิตที่เธอต้องการละลายหายสูญไป   เธอรู้สึกว่าสิ่งเลวร้ายที่เกิดขึ้นนี้มันไม่น่าจะเกิดขึ้นกับเธอเลย   เพราะเขาถูกเลี้ยงดูในครอบครัวคริสเตียน   เธอบอกผมว่า ในเวลานั้นเธอเกิดคำถามมากมายในชีวิต   เธอบอกอย่างไม่อายว่า   เธอแปลกประหลาดใจว่า ทำไมพระเจ้าไม่ช่วยประคับประคองครอบครัวของเธอไว้?   ทำไมพระเจ้าไม่ทรงปกป้องครอบครัวเธอที่ต้องประสบกับชีวิตที่ “ฉีกขาด”  “แตกแหลกละเอียด”  หาความสุขมิได้?   เธอบอกผมว่าในเวลานั้นเธอรู้สึกว่า  ดูเหมือนพระเจ้านิ่งเฉยไม่รู้ร้อนรู้เย็นต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในชีวิตครอบครัวและชีวิตของเธอ

จนวันหนึ่ง  เธอได้รับการปลอบประโลมใจ   ทำให้ชีวิตภายในเธอค่อยๆ สงบลง   คำถามที่ถกถามวุ่นวายในจิตใจเงียบลง   เมื่อเธออ่านข้อพระคัมภีร์ตอนหนึ่ง  ที่สะดุดความคิดในชีวิตของเธอ

“เพราะความคิดของเราไม่เป็นความคิดของเจ้า
ทั้งวิถีทางของเจ้าไม่เป็นวิถีทางของเรา”
องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น
“ฟ้าสวรรค์สูงกว่าแผ่นดินโลกฉันใด
วิถีของเราก็สูงกว่าทางของเจ้า
และความคิดของเราก็สูงกว่าความคิดของเจ้าฉันนั้น”
(อิสยาห์ 55:8-9)

เธอเป็นพยานว่า  นั่นเป็นเสียงที่พระเจ้าตรัสกับเธอว่า  “เรารู้ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในชีวิตของเจ้า  และเรารู้ด้วยว่าเจ้าไม่เข้าใจในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในชีวิต   เจ้าต้องไว้ใจเราในเหตุการณ์ที่ได้เกิดขึ้น  ที่กำลังเกิดขึ้น และที่จะเกิดขึ้น”   ในการใคร่ครวญคำตรัสนั้นเองที่เธอพบความจริงว่า   แท้จริงแล้วไม่สำคัญและจำเป็นอะไรมากมายที่เธอจะต้องเข้าใจว่าทำไมเหตุการณ์เลวร้ายนี้ถึงเกิดขึ้นในชีวิตของเธอ   ทำไมเธอถึงจะต้องมารับความเจ็บปวดในชีวิต   แต่เธอพบสัจจะความจริงที่ว่า  สิ่งที่สำคัญยิ่งคือ  การที่เธอจะไว้วางใจพระเจ้าที่รักเธอ ที่อนุญาตให้เหตุการณ์ร้ายๆ และความเจ็บปวดนั้นเกิดขึ้นในชีวิตเธอต่างหากเป็นสิ่งสำคัญ

เธอเล่าต่อไปด้วยความภาคภูมิใจว่า  ตั้งแต่วันนั้นที่เธอเลือกไว้วางใจพระเจ้า มากกว่าที่จะมีคำถามมากมายให้พระเจ้าตอบจนถึงวันนี้เป็นเวลา 30 ปี    พระเจ้าทรงกระทำงานในทุกสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในชีวิตของเธอ  ยิ่งกว่านั้นเธอยืนยันว่า พระเจ้าทรงกระทำงานของพระองค์ลงลึกในชีวิตเธอ  แล้วสำแดงให้เธอเห็นว่า เธอจะมีความรักเมตตากรุณาต่อคนอื่นๆ ที่กำลังตกในความเจ็บปวดภายในชีวิตได้อย่างไร

เธอบอกผมว่า  พ่อที่เคยเป็น “ขี้เหล้า” ตอนนี้เลิกเหล้าได้แล้วประมาณ 30 ปี   แล้วทำพันธกิจช่วยเหลือเอาใจใส่ผู้คนที่ติดเหล้างอมแงมจำนวนมากมาย   และช่วยเหลือชีวิตครอบครัวของผู้คนเหล่านั้น   พระเจ้าเป็นผู้ที่ทำให้เกิดสถานการณ์ที่เลวร้ายเจ็บปวดขึ้นในครอบครัวของเธอหรือ?   คำตอบของเธอคือ “ไม่ใช่”  มนุษย์เป็นผู้พาชีวิตของตนเองเข้าในสถานการณ์เลวร้ายนั้นต่างหาก   และความเลวร้ายนั้นสร้างความเจ็บปวดแก่ตนเองและผู้อื่น  แต่พระเจ้าทรงเมตตากระทำพระราชกิจของพระองค์ในสถานการณ์เลวร้ายและเจ็บปวดในชีวิตของเรา   แล้วทรงมีพระประสงค์ที่จะทำให้เกิดสิ่งดีในสถานการณ์เลวร้ายและเจ็บปวดของมนุษย์   และเป็นสิ่งดีอย่างคิดไม่ถึงสำหรับเธอ พ่อ  และคนอื่นๆ ที่เจ็บปวดในชีวิต

ใช่เลยครับ   ชีวิตมักไม่เป็นไปตามแผนการที่เราวาดฝันคาดหวังในใจ   แต่ขอให้เราหยุดตนเองแล้วคิดสักนิดว่า  สิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตของเรามีไหมที่ทำให้เราแปลกประหลาดใจในพระเจ้า

จากประสบการณ์ความเจ็บปวดในชีวิตของเพื่อนคนนี้  และประสบการณ์ที่เธอได้ทำพันธกิจในการดูแล รักษาและเยียวยาหญิงที่เกิดบาดแผลภายในชีวิต   เธอยืนยันอย่างแข็งแรงว่า  พระเจ้าทรงทราบอย่างดีเมื่อชีวิตของเราตกลงในความเจ็บปวด   และพระองค์ทรงมีจุดประสงค์ที่ทรงอนุญาตให้เหตุการณ์เช่นนั้นเกิดขึ้นในชีวิตของเรา  หรือยอมให้ “หัวใจ” ของเราแตกสลาย  หรือทำให้ชีวิตของเราเคลื่อนช้าลง  หรือยอมให้เราต้องได้รับความโศกเศร้า

จากหนังสือเรื่อง When a Women Overcomes Life’s Hurt  (ขออนุญาตแปลเล่นๆ ว่า “เมื่อแม่หญิงเอาชนะความเจ็บปวดในชีวิต”) ที่เขียนโดย Cindi McMenamin เป็นหนังสือที่นำเสนอเกี่ยวกับการเยียวภายในชีวิตและการเสริมสร้างชีวิตที่ครบบริบูรณ์   หนังสือได้เสนอขั้นตอนต่างๆไว้อย่างน่าสนใจ   ขอเลือกบางขั้นตอนมาพูดคุยกัน

ขั้นตอนแรกที่สำคัญคือ  รู้เท่าทันว่า ในทุกความเจ็บปวดของชีวิตย่อมมีเหตุผลหรือจุดประสงค์เบื้องหลังของความเจ็บปวดนั้น   ผมรู้ครับว่าพูดเช่นนี้มันง่ายแต่ทำจริงมันยาก   ซึ่งหนังสือได้เสนอแนะหลักการเชิงปฏิบัติไว้   ขอเอาหลักการปฏิบัติที่สำคัญมาพูดคุยกันในที่นี้สัก 3 ขั้นตอน ที่นำสู่การไว้วางใจพระเจ้าผู้ที่รักเมตตาเรา  และทรงรู้ลึกซึ้งในทุกสถานการณ์ชีวิตของเราในแต่ละวัน   รวมถึงเวลาที่ชีวิตของเราต้องได้รับความเจ็บปวดด้วย

1.   ขอบพระคุณพระเจ้าท่ามกลางความเจ็บปวดในชีวิต

พระวจนะของพระเจ้าได้เตือนสติเราว่า  “จงขอบพระคุณ(พระเจ้า)ในทุกสถานการณ์ เพราะนี่คือพระประสงค์ของพระเจ้าสำหรับท่านทั้งหลาย ในพระเยซูคริสต์” (1โครินธ์ 5:18 อมตธรรม)   การที่ใครคนใดคนหนึ่งสามารถ “ขอบพระคุณพระเจ้า ทั้งๆ ที่ยังไม่เข้าใจในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้นั้น   นี่มิใช่การปฏิบัติออกถึงความเชื่อฟังในชีวิตของคนๆ นั้นตามพระประสงค์ของพระเจ้าในชีวิตหรือ   และนี่เป็นชีวิตที่แสดงออกมาด้วยความเชื่อศรัทธาด้วย  (ถ้าไม่มีความเชื่อก็เป็นไปไม่ได้ที่จะทำให้พระเจ้าพอพระทัย...  ฮีบรู 11:6 อมตธรรม)

เราจะสามารถปฏิบัติขั้นตอนที่เป็นความเชื่อศรัทธา และ การเชื่อฟังที่สำคัญยิ่งนี้ได้หรือไม่ ทุกครั้งเมื่อเกิดความเจ็บปวดในชีวิต  ให้เราก้มศีรษะลงอธิษฐานขอบพระคุณพระเจ้าในเหตุการณ์นั้นและในความเจ็บปวดนั้น  หรือ ในความทรงจำที่เจ็บปวดเกิดขึ้นในชีวิตของเราทันที  นี่ไม่ใช่เพราะเรารู้สึก ขอบพระคุณพระเจ้า แต่เพราะพระวจนะของพระเจ้ากำชับให้เราขอบพระคุณ และเพราะเราตั้งใจและวางใจที่จะให้พระเจ้าเป็นผู้ชี้นำและกระทำกิจของพระองค์ในสถานการณ์นั้นในชีวิตของเรา

2.   ทูลต่อพระเจ้าว่าท่านพร้อมจะเติบโต

เมื่อชีวิตต้องประสบกับความเจ็บปวดเป็นโอกาสที่ชีวิตของเราจะเติบโตขึ้นในการมีชีวิตที่ใกล้ชิดติดสนิทกับพระเจ้า   ทูลต่อพระเจ้าว่าเราพร้อมที่เห็นในสิ่งที่พระองค์พระประสงค์ให้เราเห็นและเรียนรู้    ด้วยการนี้จะช่วยให้เรายอมตนลงพร้อมที่จะให้พระเจ้าทรงสอนในสิ่งที่พระองค์ต้องการให้เราเรียนรู้  เยเรมีย์ 29:13 กล่าวว่า “เจ้าจะแสวงหาเราและพบเรา  เมื่อเจ้าแสวงหาเราด้วยสุดใจของเจ้า” (อมตธรรม)   การที่เราทูลต่อพระเจ้าว่า  “พระเจ้า  ข้าพระองค์พร้อมที่จะเติบโต”  เป็นอีกวิธีหนึ่งในการแสวงหาพระองค์ และ รับการทรงสร้างชีวิตของเราขึ้นใหม่

3.   ไว้วางใจในกระบวนการทำงานของพระเจ้า

ถึงแม้ว่าท่านยังไม่สามารถเห็นสิ่งดีอันใดจากการที่ชีวิตของท่านต้องเจ็บปวด   จงไว้วางใจในกระบวนการทำงานของพระเจ้า  ที่อนุญาตให้ชีวิตของท่านประสบกับเหตุการณ์เหล่านั้นที่เกิดขึ้น  ว่าจะเป็นกระบวนการที่ทรงกระทำให้สิ่งใหญ่สำคัญในชีวิตของท่านในเวลาที่เหมาะสมข้างหน้า   จงไว้วางใจว่า “...ในทุกสิ่ง  พระเจ้าทรงทำให้เกิดผลดีแก่บรรดาผู้ที่รักพระองค์...” (โรม 8:28 อมตธรรม)  และในข้อต่อไปได้บอกเราว่า  พระเจ้าทรงกระทำทุกสิ่งให้เกิดผลดีในชีวิตของเราอย่างไร  “พระองค์ทรงกำหนดไว้ก่อนแล้วให้(เรา)เป็นเหมือนพระบุตรของพระองค์” (ข้อ 29 อมตธรรม ในวงเล็บเติมโดยผู้เขียน)

ดังนั้น  เมื่อชีวิตต้องตกท่ามกลางความเจ็บปวด  จิตใจพบกับความปวดร้าว  และเราไม่เข้าใจในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น   จงไว้วางใจพระเจ้าว่าพระองค์กำลังทรงกระทำพระราชกิจของพระองค์ในชีวิตของเราให้มีชีวิตที่เป็นเหมือนพระคริสต์พระบุตรของพระเจ้ามากยิ่งขึ้น   เมื่อเราคิดถึงการที่พระคริสต์ทรงอดทนในความทุกข์ เจ็บปวด บาดแผลและความตายด้วยความเชื่อฟังและอดทน   และเรากำลังรับการทรงสร้างให้เหมือนพระองค์  เพื่อเราจะเป็นคนที่พระเจ้าทรงใช้ได้ในงานแห่งพระประสงค์ของพระองค์ในอนาคต

ให้เราไว้วางใจในพระเจ้าเถิดครับ  เมื่อชีวิตต้องประสบกับความเจ็บปวด  จิตใจแตกสลาย  โปรดรู้ว่าพระเจ้าอยู่เคียงข้างเรา   และพระองค์พร้อมที่จะเสริมสร้างชีวิตของเราให้เติบโตขึ้น   และทรงมีพระประสงค์ยิ่งใหญ่สำคัญในชีวิตของเรา

ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย  สันทราย  เชียงใหม่
E-mail: prasit.barnabus@gmail.com
081-2894499

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น