การอธิษฐานคืออะไร? คำตอบพื้นฐานก็คงหนีไม่พ้นว่า การอธิษฐานคือการสนทนากับพระเจ้า การสนทนากับพระเจ้ามีหลายวิธีการด้วยกัน บางครั้งเราสนทนากับพระองค์ด้วยคำพูดธรรมดา แต่บางครั้งบางคนอธิษฐานผ่านบทเพลง แต่บ่อยครั้งที่ผมมีประสบการณ์ว่า
มีเรื่องสับสน ว้าวุ่นใจในชีวิต
จนคุยกับพระเจ้าไม่เป็นคำไม่เป็นประโยค
เพราะบางครั้งรู้สึกว่า ไม่มีคำพูดใดๆ ที่จะสามารถสื่อสารความหมายความรู้สึกนึกคิดของเราในเวลานั้น
แต่เราก็ยังต้องการที่จะสื่อสารความรู้สึกและชีวิตของเรากับพระเจ้าในเวลาเช่นนั้น ในภาวะเช่นนั้น พระคัมภีร์บางตอนใช้คำว่าเรา
“คร่ำครวญ” กับพระเจ้า
ดังเช่นดาวิดได้ระบายภาวะจิตใจเช่นนี้ในสดุดี 5:1 ว่า
“ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า โปรดสดับฟังคำอธิษฐานของข้าพระองค์
ขอทรงสนพระทัยการคร่ำครวญของข้าพระองค์” (อมตธรรม)
ในสดุดี 39:3, 12 ดาวิด ทูลขอพระเจ้าให้สนใจในการ
คร่ำครวญของท่านว่า
“ความร้อนใจรุมเร้าอยู่ภายใน
ขณะที่ข้าพระองค์ใคร่ครวญไฟก็สุมอก...
ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ขอทรงฟังคำอธิษฐานของข้าพระองค์
ขอทรงรับฟังคำทูลขอความช่วยเหลือของข้าพระองค์
ขออย่าทรงเฉยเมยต่อการคร่ำครวญของข้าพระองค์”
(อมตธรรม)
ในการอธิษฐานต่อพระเจ้า
หรือ ในการสนทนากับพระองค์
เราสนทนาสื่อสารกับพระองค์ทั้งในเวลาที่เราชื่นชมยินดี เราขอบพระคุณพระเจ้า เราดีใจที่เห็นพระคุณของพระองค์ที่ทรงกระทำในชีวิตของเรา เราขอบพระคุณและเรายกย่องสรรเสริญพระองค์ เราได้เรียนรู้และเข้าใจพระเจ้ามากยิ่งขึ้น
ยิ่งกว่านั้นเราเกิดความไว้วางใจในพระองค์มั่นคงยิ่งขึ้น
บางครั้งเราสนทนาสื่อสารกับพระเจ้าในยามที่กำลังเผชิญหน้ากับความทุกข์ยากลำบาก หมดกำลังใจและสิ้นหวัง เราตกอยู่ในภาวะสับสน ยุ่งยาก ยุ่งเหยิง
จับต้นชนปลายไม่ถูก ในเวลาเช่นนี้แม้แต่จะพูดสนทนากับพระเจ้าก็พูดหรือสื่อสารอย่างสับสนไม่เป็นคำ
(โรม 8:26 ฉบับมาตรฐาน; “ในทำนองเดียวกัน
พระวิญญาณก็ทรงช่วยเมื่อเราอ่อนกำลังด้วย
เพราะไม่รู้ว่าควรอธิษฐานอะไรอย่างไร
แต่พระวิญญาณทรงช่วยขอแทน
ด้วยการคร่ำครวญซึ่งไม่อาจกล่าวเป็นถ้อยคำ”) ในภาวะเช่นนั้นมิใช่เราพูดหรือทูลต่อพระเจ้าอย่างสับสนเท่านั้น
แต่พระเจ้าทรงช่วยทำให้จิตใจและชีวิตของเราที่กำลังสับสนสงบลง เราเริ่มมองดูสถานการณ์นั้นๆ ค่อยๆ ชัดเจนยิ่งขึ้น เรารอคอยการทรงนำของพระองค์ เราเรียนรู้ว่า พระเจ้าจะทรงสร้างภายในเราขึ้นใหม่จากความวุ่นวายสับสนสู่ความเป็นระบบระเบียบในชีวิต
ในความคิด และในความเข้าใจของเรา (สดุดี 51:10; “...
ขอทรงสร้างใจหนักแน่นขึ้นใหม่ภายในข้าพระองค์”) ซึ่งนำไปสู่การที่เราไว้วางใจในพระองค์มากยิ่งขึ้น
ถ้าเช่นนั้น
การอธิษฐานจึงมิใช่การสนทนากับพระเจ้าเพียงเพื่อจะบอกพระเจ้าว่าอะไรกำลังเกิดขึ้นในชีวิตของเรา
(แท้จริงพระเจ้าทรงทราบอยู่แล้ว)
แล้วบางคนก็บอกพระเจ้าว่าขอช่วยให้ตนเองเป็นเช่นนั้นเป็นเช่นนี้
(สั่งหรือขอพระเจ้าทำตามใจปรารถนาของเรา)
หรือไม่ก็ “ฝาก” สถานการณ์ชีวิตนั้นไว้กับพระองค์ (จนลืมมารับคืน) เพราะมัวพะวง
กังวล และหาทางจัดการสถานการณ์นั้นตามความเข้าใจและวิธีการของตนเอง
แต่การอธิษฐานนอกจากจะเป็นการสนทนา การสื่อสาร
การคร่ำครวญอย่างไม่เป็นคำต่อพระเจ้าแล้ว
ส่วนสำคัญของการอธิษฐานคือ
การที่เราแต่ละคนยอมเปิดพื้นที่ชีวิตของเราให้พระองค์เสด็จเข้ามา และทูลขอทรงตรวจสอบ แก้ไข
เสริมสร้าง ชีวิตภายในของเราขึ้นใหม่
ด้วยกระบวนการนี้เราจึงได้เรียนรู้ถึงพระคุณของพระเจ้า พระประสงค์ของพระองค์ในชีวิตของเรา และเสริมหนุนให้เรามีความเชื่อศรัทธา
ไว้วางใจในพระองค์มั่นคงยิ่งขึ้น
การอธิษฐานนั้นมากกว่าการสนทนากับพระเจ้าด้วยคำพูด แต่เป็นการยอมเปิดชีวิตจิตใจภายในของเราให้พระเจ้าเข้ามาครอบครอง
และเราทุ่มเทชีวิตจิตใจของเราทั้งสิ้นน้อมรับเอาพระประสงค์ของพระเจ้าเป็นเป้าหมายในชีวิตของเรา
และเมื่อเราต้องตกลงในภาวะที่อธิษฐานคร่ำครวญอย่างไม่เป็นคำ หรือไม่รู้จะอธิษฐานอย่างไร หมดแรง
สิ้นหวัง ไร้กำลังชีวิต ในเวลาเช่นนั้นโปรดตระหนักชัดว่า
พระเจ้ายังทรงสดับฟังการอธิษฐานที่ไร้สำเนียงเสียงทูลขอที่มาจากบาดแผลและความเจ็บปวดในชีวิตของท่าน และพระวิญญาณบริสุทธิ์จะทรงช่วยท่านอธิษฐานคือ ช่วยท่านให้เปิดพื้นที่ชีวิตจิตวิญญาณของท่านเพื่อให้พระเจ้าเข้ามาแก้ไข
เสริมสร้าง และ ฟื้นฟูชีวิตจิตวิญญาณของท่านขึ้นใหม่
ประเด็นสำหรับการใคร่ครวญ
1. ขอท่านทบทวนถึงเหตุการณ์ในชีวิตที่ผ่านมาว่ามีครั้งใดบ้างที่ท่านอธิษฐานจากส่วนลึกแห่งชีวิตจิตวิญญาณของท่าน ในสถานการณ์เช่นนี้การอธิษฐานเป็นเช่นไรบ้าง?
2. ท่านเคยมีประสบการณ์การอธิษฐานอย่างไม่เป็นคำ
หรือ ไม่สามารถอธิษฐานออกมาเป็นคำหรือไม่?
ท่านประสบกับเหตุการณ์อะไรในครั้งนั้น?
และผลเป็นเช่นไรบ้าง?
3. ท่านคิดเห็นและมีประสบการณ์เช่นไรบ้างในเรื่อง
การอธิษฐานคือการเปิดพื้นที่ชีวิตแด่พระเจ้า เพื่อให้พระองค์เสด็จเข้ามา ตรวจสอบ แก้ไข เยียวยารักษา ฟื้นฟู และ
เสริมสร้างชีวิตจิตวิญญาณของเราขึ้นใหม่ตามพระประสงค์ของพระเจ้า?
ประสิทธิ์
แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย สันทราย
เชียงใหม่
E-mail:
prasit.barnabus@gmail.com
081-2894499
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น