10 ตุลาคม 2555

อธิษฐานท่ามกลางความสับสน


การอธิษฐานคืออะไร?   คำตอบพื้นฐานก็คงหนีไม่พ้นว่า  การอธิษฐานคือการสนทนากับพระเจ้า   การสนทนากับพระเจ้ามีหลายวิธีการด้วยกัน   บางครั้งเราสนทนากับพระองค์ด้วยคำพูดธรรมดา   แต่บางครั้งบางคนอธิษฐานผ่านบทเพลง   แต่บ่อยครั้งที่ผมมีประสบการณ์ว่า มีเรื่องสับสน ว้าวุ่นใจในชีวิต  จนคุยกับพระเจ้าไม่เป็นคำไม่เป็นประโยค   เพราะบางครั้งรู้สึกว่า ไม่มีคำพูดใดๆ ที่จะสามารถสื่อสารความหมายความรู้สึกนึกคิดของเราในเวลานั้น   แต่เราก็ยังต้องการที่จะสื่อสารความรู้สึกและชีวิตของเรากับพระเจ้าในเวลาเช่นนั้น   ในภาวะเช่นนั้น พระคัมภีร์บางตอนใช้คำว่าเรา “คร่ำครวญ” กับพระเจ้า  ดังเช่นดาวิดได้ระบายภาวะจิตใจเช่นนี้ในสดุดี 5:1 ว่า

“ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า   โปรดสดับฟังคำอธิษฐานของข้าพระองค์
ขอทรงสนพระทัยการคร่ำครวญของข้าพระองค์”  (อมตธรรม)

ในสดุดี 39:3, 12  ดาวิด ทูลขอพระเจ้าให้สนใจในการ คร่ำครวญของท่านว่า

“ความร้อนใจรุมเร้าอยู่ภายใน
ขณะที่ข้าพระองค์ใคร่ครวญไฟก็สุมอก...
ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า  ขอทรงฟังคำอธิษฐานของข้าพระองค์
ขอทรงรับฟังคำทูลขอความช่วยเหลือของข้าพระองค์
ขออย่าทรงเฉยเมยต่อการคร่ำครวญของข้าพระองค์” (อมตธรรม)

ในการอธิษฐานต่อพระเจ้า หรือ ในการสนทนากับพระองค์   เราสนทนาสื่อสารกับพระองค์ทั้งในเวลาที่เราชื่นชมยินดี  เราขอบพระคุณพระเจ้า  เราดีใจที่เห็นพระคุณของพระองค์ที่ทรงกระทำในชีวิตของเรา   เราขอบพระคุณและเรายกย่องสรรเสริญพระองค์   เราได้เรียนรู้และเข้าใจพระเจ้ามากยิ่งขึ้น   ยิ่งกว่านั้นเราเกิดความไว้วางใจในพระองค์มั่นคงยิ่งขึ้น

บางครั้งเราสนทนาสื่อสารกับพระเจ้าในยามที่กำลังเผชิญหน้ากับความทุกข์ยากลำบาก  หมดกำลังใจและสิ้นหวัง  เราตกอยู่ในภาวะสับสน ยุ่งยาก ยุ่งเหยิง จับต้นชนปลายไม่ถูก   ในเวลาเช่นนี้แม้แต่จะพูดสนทนากับพระเจ้าก็พูดหรือสื่อสารอย่างสับสนไม่เป็นคำ (โรม 8:26 ฉบับมาตรฐาน“ในทำนองเดียวกัน พระวิญญาณก็ทรงช่วยเมื่อเราอ่อนกำลังด้วย  เพราะไม่รู้ว่าควรอธิษฐานอะไรอย่างไร  แต่พระวิญญาณทรงช่วยขอแทน  ด้วยการคร่ำครวญซึ่งไม่อาจกล่าวเป็นถ้อยคำ”)   ในภาวะเช่นนั้นมิใช่เราพูดหรือทูลต่อพระเจ้าอย่างสับสนเท่านั้น   แต่พระเจ้าทรงช่วยทำให้จิตใจและชีวิตของเราที่กำลังสับสนสงบลง   เราเริ่มมองดูสถานการณ์นั้นๆ ค่อยๆ ชัดเจนยิ่งขึ้น   เรารอคอยการทรงนำของพระองค์   เราเรียนรู้ว่า  พระเจ้าจะทรงสร้างภายในเราขึ้นใหม่จากความวุ่นวายสับสนสู่ความเป็นระบบระเบียบในชีวิต ในความคิด และในความเข้าใจของเรา (สดุดี 51:10;  “... ขอทรงสร้างใจหนักแน่นขึ้นใหม่ภายในข้าพระองค์”)   ซึ่งนำไปสู่การที่เราไว้วางใจในพระองค์มากยิ่งขึ้น

ถ้าเช่นนั้น   การอธิษฐานจึงมิใช่การสนทนากับพระเจ้าเพียงเพื่อจะบอกพระเจ้าว่าอะไรกำลังเกิดขึ้นในชีวิตของเรา (แท้จริงพระเจ้าทรงทราบอยู่แล้ว)  แล้วบางคนก็บอกพระเจ้าว่าขอช่วยให้ตนเองเป็นเช่นนั้นเป็นเช่นนี้ (สั่งหรือขอพระเจ้าทำตามใจปรารถนาของเรา)   หรือไม่ก็ “ฝาก” สถานการณ์ชีวิตนั้นไว้กับพระองค์ (จนลืมมารับคืน) เพราะมัวพะวง กังวล และหาทางจัดการสถานการณ์นั้นตามความเข้าใจและวิธีการของตนเอง

แต่การอธิษฐานนอกจากจะเป็นการสนทนา การสื่อสาร การคร่ำครวญอย่างไม่เป็นคำต่อพระเจ้าแล้ว   ส่วนสำคัญของการอธิษฐานคือ   การที่เราแต่ละคนยอมเปิดพื้นที่ชีวิตของเราให้พระองค์เสด็จเข้ามา  และทูลขอทรงตรวจสอบ  แก้ไข  เสริมสร้าง ชีวิตภายในของเราขึ้นใหม่   ด้วยกระบวนการนี้เราจึงได้เรียนรู้ถึงพระคุณของพระเจ้า   พระประสงค์ของพระองค์ในชีวิตของเรา   และเสริมหนุนให้เรามีความเชื่อศรัทธา ไว้วางใจในพระองค์มั่นคงยิ่งขึ้น

การอธิษฐานนั้นมากกว่าการสนทนากับพระเจ้าด้วยคำพูด   แต่เป็นการยอมเปิดชีวิตจิตใจภายในของเราให้พระเจ้าเข้ามาครอบครอง   และเราทุ่มเทชีวิตจิตใจของเราทั้งสิ้นน้อมรับเอาพระประสงค์ของพระเจ้าเป็นเป้าหมายในชีวิตของเรา   และเมื่อเราต้องตกลงในภาวะที่อธิษฐานคร่ำครวญอย่างไม่เป็นคำ   หรือไม่รู้จะอธิษฐานอย่างไร  หมดแรง  สิ้นหวัง  ไร้กำลังชีวิต  ในเวลาเช่นนั้นโปรดตระหนักชัดว่า  พระเจ้ายังทรงสดับฟังการอธิษฐานที่ไร้สำเนียงเสียงทูลขอที่มาจากบาดแผลและความเจ็บปวดในชีวิตของท่าน  และพระวิญญาณบริสุทธิ์จะทรงช่วยท่านอธิษฐานคือ  ช่วยท่านให้เปิดพื้นที่ชีวิตจิตวิญญาณของท่านเพื่อให้พระเจ้าเข้ามาแก้ไข เสริมสร้าง และ ฟื้นฟูชีวิตจิตวิญญาณของท่านขึ้นใหม่

ประเด็นสำหรับการใคร่ครวญ

1. ขอท่านทบทวนถึงเหตุการณ์ในชีวิตที่ผ่านมาว่ามีครั้งใดบ้างที่ท่านอธิษฐานจากส่วนลึกแห่งชีวิตจิตวิญญาณของท่าน  ในสถานการณ์เช่นนี้การอธิษฐานเป็นเช่นไรบ้าง?
2. ท่านเคยมีประสบการณ์การอธิษฐานอย่างไม่เป็นคำ หรือ ไม่สามารถอธิษฐานออกมาเป็นคำหรือไม่?  ท่านประสบกับเหตุการณ์อะไรในครั้งนั้น?   และผลเป็นเช่นไรบ้าง?
3. ท่านคิดเห็นและมีประสบการณ์เช่นไรบ้างในเรื่อง  การอธิษฐานคือการเปิดพื้นที่ชีวิตแด่พระเจ้า   เพื่อให้พระองค์เสด็จเข้ามา ตรวจสอบ  แก้ไข เยียวยารักษา  ฟื้นฟู และ เสริมสร้างชีวิตจิตวิญญาณของเราขึ้นใหม่ตามพระประสงค์ของพระเจ้า?

ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย  สันทราย  เชียงใหม่
E-mail: prasit.barnabus@gmail.com
081-2894499

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น