ทุกวันนี้สังคมต้องเผชิญหน้ากับสถานการณ์วิกฤติจริยธรรม รุนแรงกว่านั้น ในวงการคริสตชนถูกตราว่า ผู้นำของสถาบัน หน่วยงานคริสตชนกำลังตกอยู่ในสภาพ
“วิบัติจริยธรรม”?
มะเร็งจริยธรรมกำลังกัดกิน แผ่ขยายไปทุกขุมขนของสังคม ตั้งแต่ในครอบครัว ในชุมชน
ในหน่วยงาน สถาบัน ในวงการเมือง
วงการราชการ บริษัทเอกชน ในวงการศาสนา จนถึงระดับชาติระดับประเทศ และระดับโลก
ประเด็นต่างๆ ทางจริยธรรมกลายเป็นประเด็นที่ผู้คนต้อง
“ถ่วงดุลในการตัดสินใจ”
ทุกคนรู้ว่าหลักการทางจริยธรรมที่วางไว้เป็นหลักการที่ดี ถูกต้อง
และควรกระทำตามนั้น แต่ในยุค เงินนิยม บริโภคนิยม
และปัจเจกนิยมเป็นรากฐานการคิดและการดำเนินชีวิตของคนเรา ทำให้ผู้คนต้องคิดทบทวนว่า
จะทุ่มหมดใจตัดสินใจตามหลักจริยธรรมทั้งหมด หรือให้เกิดความสมดุลกับ ความอยู่รอดของตนเอง
การรักษาความสัมพันธ์และน้ำใจเพื่อนฝูง
การที่จะอยู่ในพรรคนี้พวกนี้ได้ เพื่อการยอมรับจากลูกน้อง เพื่อเจ้านายจะไว้วางใจ
และ ฯลฯ จนรู้สึกว่าในสถานการณ์เช่นทุกวันนี้ตนไม่มีทางเลือก ตนจำเป็นต้องตัดสินใจทำลงไปเช่นนั้น
และเป็นทางเลือกทางเดียวที่ดีที่สุด!
ดาเนียลและสหาย[1] เป็นชาวยูดาห์ที่ตกไปเป็นเชลยในบาบิโลน ได้รับคัดเลือกให้เป็นบุคลากรจากชาติต่างๆ ที่เป็นผู้สูงศักดิ์ มีปัญญาความรู้
และเป็นมีบุคลิกที่ดีตามคำสั่งของกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ เพื่อจะเลือกให้รับราชการในพระราชวังของพระองค์ แล้วให้มีครูสอนภาษาและวรรณคดีของบาบิโลน
ตลอดจนวัฒนธรรมการดำเนินชีวิตของชาวบาบิโลนชั้นสูง ยิ่งกว่านั้น กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ยังพระราชทานอาหารจากโต๊ะเสวยแก่กลุ่มคนหนุ่มที่ได้รับการคัดเลือกเหล่านี้
(ดาเนียล 1:3-7)
นี่คือโอกาสความก้าวหน้าในชีวิต นี่คือพระพรจากพระเจ้า
และนี่เป็นสิทธิพิเศษที่ดาเนียลและสหายได้รับ
และนี่คือความหวังสำหรับอนาคตเพราะการได้ใกล้ชิดและรับใช้กษัตริย์ในพระราชวัง
แต่สิ่งดีๆ มาพร้อมกับเงื่อนไขที่ดูเป็นอุปสรรคขัดแย้งกัน จนทำให้ดูเหมือนว่าจะเลือกซ้ายหรือขวาเช่นนั้น
ทุกมื้อดาเนียลและสหายได้รับอาหารพระราชทานจากโต๊ะเสวย ซึ่งมีอาหารที่โอชะ
แต่ก็มีอาหารต้องห้ามของยิว และ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์
ที่ดาเนียลและสหายปฏิญาณต่อพระเจ้าแล้วว่าจะไม่แตะต้องของเหล่านี้
นี่คือประเด็นขัดแย้งในใจ นี่คือประเด็นที่จะต้องตัดสินใจเลือก
และนี่คือเวลาที่จะต้องมีการจัดการกับการมีชีวิตตามจริยธรรม ที่สร้างความขัดแย้งใหญ่หลวงอยู่ตรงข้างหน้า
ประการแรก นี่เป็นพระประสงค์ดีของกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ การปฏิเสธของดาเนียลจึงดูเป็นการขัดพระประสงค์ของกษัตริย์ ประการที่สอง การที่บอกว่าการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ขัดกับหลักจริยธรรม ก็เท่ากับกล่าวโทษว่า
กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ทรงประพฤติผิดจริยธรรม
และ ประการที่สำคัญ คือนี่เป็นน้ำพระทัยที่ดีเยี่ยมของกษัตริย์ที่หวังดีให้ชายหนุ่มที่คัดเลือกมีอาหารที่ดีรับประทานเพื่อที่จะแข็งแรง
สมบูรณ์ และถ้าไม่รับประทานเช่นนั้นจะทำให้ซูบผอม ย่อมนำความผิดแก่กรมวังที่ดูในเรื่องนี้ (ข้อ 8-10) และเป็นการขัดต่อพระทัยอันดีของกษัตริย์
ด้วยเหตุผลทั้งสามประการดังกล่าว นอกจากอาจจะทำให้ดาเนียลสูญเสียโอกาสที่หาไม่ได้อีกแล้วในชีวิต ยังนำสู่การสร้างการขัดพระราชหฤทัยของเนบูคัดเนสซาร์
สร้างความยากลำบากแก่กรมวังที่ดูแลในเรื่องนี้ และอาจจะได้รับโทษเพราะการขัดขืนครั้งนี้ก็ได้
ทำให้ดาเนียลต้องตัดสินใจจะยืนหยัดรักษาจริยธรรม หรือ ยอมทำตามพระประสงค์เนบูคัดเนสซาร์?
และนี่คือประเด็นวิกฤติจริยธรรมในปัจจุบัน!
สำหรับดาเนียลแล้วหลักจริยธรรมในชีวิตต้องได้รับการปฏิบัติ
เพราะจริยธรรมของดาเนียลคือวินัยปฏิบัติในชีวิตที่เป็นพระประสงค์ของพระเจ้า
ประการแรก
การที่จะดำเนินชีวิตตามหลักจริยธรรมจะต้องเริ่มต้นที่ตนมีความเชื่อศรัทธา
และ จงรักภักดีต่อพระเจ้าผู้เป็นเอกสูงสุดในชีวิต ดังนั้น
การปฏิบัติตามหลักจริยธรรมจึงมิใช่เพราะเราเป็นคนดีมุ่งมั่นตั้งใจและมีความเข้มแข็งทางจริยธรรมของตนเอง
แต่เพราะเราศรัทธา อุทิศทั้งชีวิต และพึ่งพิงในการทรงนำของพระเจ้า
ประการที่สอง ดาเนียลเชื่อและไว้วางใจพระเจ้าว่า
ในวิกฤติจริยธรรม
พระเจ้าจะทรงทำงานในวิกฤตินั้นถ้าเรายังยืนหยัดมุ่งมั่นที่จะมีชีวิตตามพระประสงค์ พระเจ้าจะทรงเข้ามาแทรกแซงในวิกฤตินั้น “พระเจ้าทรงบันดาลให้หัวหน้ากรมวังชอบพอและเห็นใจดาเนียล”
(ข้อ 9 อมตธรรม)
ประการที่สาม พระเจ้าจะทรงประทานสติปัญญาในการแก้วิกฤตินั้น ดาเนียลมุ่งไปที่เป้าหมายแห่งพระราชประสงค์ของเนบูคัดเนสซาร์ที่ต้องการให้ชายหนุ่มกลุ่มนี้ มีพลานามัยสมบูรณ์ ดูแข็งแรง
สุขภาพดี ดังนั้น จึงเสนอต่อหัวหน้ากรมวังว่า
“โปรดลองให้ผู้รับใช้ของท่านกินแต่ผักและดื่มแต่น้ำสักสิบวัน แล้วเปรียบเทียบหน้าตาของพวกเรากับชายหนุ่มซึ่งรับประทานเครื่องเสวย จากนั้นเชิญท่านปฏิบัติต่อผู้รับใช้ตามที่ท่านเห็นควรเถิด”
(ข้อ 12-13 อมตธรรม)
และในกระบวนการทดลองนั้น
พระเจ้าทรงเข้ามาแทรกแซงกระทำพระราชกิจของพระองค์ในชีวิตของดาเนียลและสหาย
ผลที่เกิดขึ้นคือ “เมื่อครบสิบวันแล้วปรากฏว่าพวกเขาดูแข็งแรงและมีพลานามัยดีกว่าชายหนุ่มอื่นๆ
ที่รับประทานเครื่องเสวย” (ข้อ 15 อมตธรรม) และหัวหน้ากรมวังก็ยอมให้ทั้งสี่รับประทานผักและน้ำต่อไป และเมื่อครบกำหนด ได้นำชายหนุ่มกลุ่มนี้เข้าเฝ้าเนบูคัดเนสซาร์ พระองค์สนทนากับบรรดาชายหนุ่มทั้งหมด และพบว่า
หาชายหนุ่มอื่นเทียบเคียงดาเนียลและสหายไม่ได้ จึงทรงรับเข้ารับราชการอยู่ในราชสำนัก (ข้อ 18-20)
สำหรับคริสตชนแล้ว การปฏิบัติตามกฎบัญญัติ ศีลธรรม
และจริยธรรมนั้นหัวใจความสำคัญมิได้อยู่ที่หลักการ หรือ
บทบัญญัติที่ให้ทำตาม เพราะคริสตชนเชื่อศรัทธา
อุทิศตน และรักพระองค์ด้วยสุดจิตสุดใจ
สุดความคิด ถ้าปราศจากความเชื่อศรัทธา
และ ความรักสุดชีวิตที่มีต่อพระเจ้าแล้ว คริสตชนคนนั้นย่อมไม่มีพลังชีวิตที่จะกระทำตามบทบัญญัติ
และ จริยธรรมในพระคัมภีร์ได้ ดังนั้น การปฏิบัติตามคริสต์จริยธรรมเริ่มต้นที่ความเชื่อศรัทธา
และ การอุทิศทั้งชีวิตแด่พระเจ้าก่อน แล้วพระองค์จะทรงเสริมสร้าง
และ ประทานพลังให้คริสตชนคนนั้นสามารถดำเนินชีวิตตามคริสต์จริยธรรมได้
มองในอีกด้านหนึ่ง คริสตชนคนใดที่ประนีประนอมหลักคริสต์จริยธรรมกับการดำเนินชีวิตตามกระแสสังคมโลก
ย่อมเป็นเครื่องบ่งชี้ถึงความเชื่อศรัทธาของคนๆ นั้นที่มีต่อพระเจ้าว่า กำลังบกพร่อง
หลงทาง หรือไม่?
ประสิทธิ์
แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย สันทราย
เชียงใหม่
E-mail:
prasit.barnabus@gmail.com
081-2894499
[1] ดาเนียล ฮานันยาห์
มิชาเอล และอาซาริยาห์
(ถูกตั้งชื่อตามภาษาบาบิโลนว่า
เบลเทซัสซาร์ ซัดรัค เมชาค
และอาเบดเนโก ตามลำดับ)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น