12 ตุลาคม 2555

ท่านเป็นผู้หว่านเมล็ดชนิดไหน?


พระคัมภีร์หลายตอนที่ได้ใช้การหว่านพืชเป็นการสอนในหลายเรื่องหลายตอน  เช่น  พระเยซูคริสต์ทรงใช้การหว่านพืชในคำอุปมาที่พระองค์ทรงใช้สอนแก่ประชาชน  และทรงอธิบายความหมายอุปมานั้นให้สาวกเข้าใจ

ในพระธรรมมัทธิว  พระเยซูคริสต์ทรงใช้การหว่านพืชเพื่อเป็นอุปมาสอนถึงการหว่านพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์ลงในชีวิตของผู้คน   เมื่อพระกิตติคุณงอกมีชีวิตและเติบโตเกิดผลคนๆ นั้นก็จะเป็นประชากรในแผ่นดินของพระเจ้า หรือพูดตรงคือ คนๆ นั้นมีชีวิตที่อยู่ภายใต้การครอบครองของพระคริสต์ ชีวิตได้รับการเปลี่ยนแปลง และ เสริมสร้างให้มีชีวิตตามแบบพระคริสต์   มีชีวิตตามพระประสงค์ของพระเจ้า   เป็นชีวิตของผู้ที่อยู่ในแผ่นดินของพระองค์ (มัทธิว 13:3-23)

ในพระธรรมบทเดียวกันนี้เอง  พระเยซูคริสต์ได้สอนด้วยคำอุปมาเรื่อง “ข้าวละมาน” พร้อมทั้งคำอธิบายให้สาวกเข้าใจ (มัทธิว 13:24-30; 37-39)  และพระองค์ชี้ให้เห็นว่า   เมื่อพระคริสต์และสาวกหว่านข่าวดีแห่งแผ่นดินของพระเจ้า   ในเวลาเดียวกัน มาร หรืออำนาจแห่งความชั่วร้ายในรูปแบบต่างๆ ก็จะหว่าน “ความเลวร้าย”  เพื่อขัดขวางและทำลายคนที่อยู่ในแผ่นดินของพระเจ้า  “ผู้หว่านพืชเลวได้แก่มาร...” (13:39 ฉบับมาตรฐาน)

ดังนั้น  การหว่านเมล็ด จึงมิใช่พระราชกิจที่พระเจ้าทรงกระทำเท่านั้น   แต่มารก็ลอกเลียนแบบและใช้วิธีการของพระเจ้าในการทำลายพระราชกิจ และ ประชากรของพระองค์ด้วย

ในพระธรรมสุภาษิต 6:16-19  กล่าวถึง 7 สิ่งที่พระเจ้าทรงเกลียดชัง ดังนี้

... มีเจ็ดอย่างที่พระเจ้าทรงรังเกียจคือ
ตา          ที่หยิ่งยโส
ลิ้น         ที่โป้ปด
มือ         ที่เข่นฆ่าผู้บริสุทธิ์
จิตใจที่   คิดการชั่วร้าย
เท้า        ที่ปราดไปทำชั่ว (เท้าซึ่งรีบวิ่งไปสู่ความชั่ว)
[ปาก]     พยานเท็จผู้กล่าวมุสา
และ     คน        ยั่วยุให้ญาติพี่น้องแตกแยกกัน 
(อมตธรรม  ในวงเล็บเป็นสำนวนฉบับมาตรฐาน)
[ข้อความที่ผู้เขียนเพิ่ม]

ถ้าเราศึกษาในพระธรรมสุภาษิต  จากพระธรรมอมตธรรมฉบับศึกษา (หน้า 1369) เราจะพบว่า  ในพระธรรมฉบับนี้บอกถึงสิ่งที่พระเจ้าทรงเกลียดชังว่ามี 14 พฤติกรรมด้วยกัน   แต่เฉพาะในตอนที่ยกมานี้มีถึง 7 พฤติกรรมจากทั้งหมด 14 พฤติกรรมที่พระเจ้าทรงรังเกียจ

ทั้ง 7 พฤติกรรมชั่วที่พระเจ้าทรงรังเกียจที่ยกมาข้างต้นนี้  บ่งชี้ชัดให้เห็นว่า  นี่เป็น “เมล็ดแห่งความชั่วร้าย” ที่มารหรืออำนาจแห่งบาปชั่วใช้ “หว่าน” ลงในชีวิตของมนุษย์   โดยเฉพาะอย่างยิ่งในชีวิตของผู้ที่เชื่อและไว้วางใจในพระเจ้า   ถ้าในปัจจุบันโดยเฉพาะอย่างยิ่งในชุมชนของคริสตชน หรือ ในคริสตจักร

ในยุคปัจจุบันนี้  เมล็ดพันธุ์ที่มารร้ายใช้หว่านลงในชีวิตคริสตชน  ชุมชนคริสตจักร  อย่างเกิดผลคือ “เมล็ดที่บ่มเพาะให้คนๆ นั้น ยั่วยุให้ญาติพี่น้องแตกแยกกัน”   ไม่ต้องมองไกลมองแค่คริสตจักรในประเทศไทยก็เห็นเด่นชัดบาดตา

คงต้องทำความเข้าใจให้ชัดเจนว่า   ผู้หว่านในยุคนี้คืออำนาจของมารร้าย  ที่แฝงใน “ชีวิตคริสตชน” บางคนที่เป็นเครื่องมือของมัน   แล้วนำเอาเมล็ดแห่งการยั่วยุให้ต้องแตกแยกกันหว่านลงในชุมชนคริสตจักร   ซึ่งเป็นพี่น้องโดยสายเลือดในพระเยซูคริสต์ต้องต่อสู้ทำร้ายทำลายกันเอง

ในพระธรรมตอนนี้ได้จะแจงถึง 6 พฤติกรรมที่นำไปสู่ความร้าวฉานแตกแยกในคริสตจักรของพระเยซูคริสต์คือ  ตาที่หยิ่งยโส   เป็นทัศนะมุมมอง ที่มองว่าตนดีกว่าเหนือกว่าคนอื่น   มีจิตใจที่คิดชั่วร้าย  ดังนั้นสิ่งที่พูดออกมามีแต่ความเท็จที่ต้องการทำร้ายผู้อื่น   คำพูดเป็นเท็จ  กล้าที่จะเป็นพยานเท็จ   ดังนั้น จึงวางแผนลงมือ “ฆ่า” ผู้ถูกต้องบริสุทธิ์   คนเช่นนี้วิถีการดำเนินชีวิตของเขาเดินภายใต้อำนาจแห่งความชั่วร้าย ทั้งๆ ที่ไปๆ มาๆ ในชุมชนคริสตจักร   และคนเช่นนี้แหละ  ที่ตกเป็นเครื่องมืออำนาจมารร้ายที่ยั่วยุให้ญาติพี่น้องในชุมชนคริสตจักรต้องแตกแยกกัน

ในวันนี้  ให้เราคิดพินิจใคร่ครวญว่า...  

พฤติกรรมที่เราแสดงออกทั้งในจิตใจ ความคิด และท่าทีการกระทำ  เป็นผลจากเมล็ดแห่งความชั่วร้ายของมารที่มาขโมยหว่านลงในชีวิตของเราอย่างไม่รู้ตัว  ที่ก่อเกิดการแตกแยก ทำร้าย ทำลาย สร้างความแตกแยกในชุมชนคริสตจักร  หรือ... 

พฤติกรรมของเราทั้งความคิด จิตใจ  ทัศนคติ  ท่าทีที่แสดงออก และ การกระทำเป็นผลของเมล็ดแห่งพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์ที่นำสันติสุขและการเสริมสร้างความรักเมตตา  ความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน  การให้อภัยกันและกัน  และการเสริมสร้างแผ่นดินของพระเจ้าในชุมชนคริสตจักร?

พระวจนะของพระเจ้าได้กล่าวถึงสัจจะความจริงในเรื่องนี้ว่า

“ผู้หว่านความชั่วจะเก็บเกี่ยวสิ่งที่เลวร้าย”
(สุภาษิต 22:8 ฉบับมาตรฐาน)
“และพวกที่สร้างสันติ ซึ่งหว่านสันติ  ก็จะได้รับผลคือความชอบธรรม”
(ยากอบ 3:18 ฉบับมาตรฐาน)

ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย  สันทราย  เชียงใหม่
E-mail: prasit.barnabus@gmail.com
081-2894499

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น