พระคัมภีร์หลายตอนที่ได้ใช้การหว่านพืชเป็นการสอนในหลายเรื่องหลายตอน เช่น
พระเยซูคริสต์ทรงใช้การหว่านพืชในคำอุปมาที่พระองค์ทรงใช้สอนแก่ประชาชน และทรงอธิบายความหมายอุปมานั้นให้สาวกเข้าใจ
ในพระธรรมมัทธิว พระเยซูคริสต์ทรงใช้การหว่านพืชเพื่อเป็นอุปมาสอนถึงการหว่านพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์ลงในชีวิตของผู้คน เมื่อพระกิตติคุณงอกมีชีวิตและเติบโตเกิดผลคนๆ
นั้นก็จะเป็นประชากรในแผ่นดินของพระเจ้า หรือพูดตรงคือ คนๆ นั้นมีชีวิตที่อยู่ภายใต้การครอบครองของพระคริสต์
ชีวิตได้รับการเปลี่ยนแปลง และ เสริมสร้างให้มีชีวิตตามแบบพระคริสต์ มีชีวิตตามพระประสงค์ของพระเจ้า เป็นชีวิตของผู้ที่อยู่ในแผ่นดินของพระองค์
(มัทธิว 13:3-23)
ในพระธรรมบทเดียวกันนี้เอง พระเยซูคริสต์ได้สอนด้วยคำอุปมาเรื่อง
“ข้าวละมาน” พร้อมทั้งคำอธิบายให้สาวกเข้าใจ (มัทธิว 13:24-30; 37-39) และพระองค์ชี้ให้เห็นว่า
เมื่อพระคริสต์และสาวกหว่านข่าวดีแห่งแผ่นดินของพระเจ้า ในเวลาเดียวกัน มาร หรืออำนาจแห่งความชั่วร้ายในรูปแบบต่างๆ
ก็จะหว่าน “ความเลวร้าย”
เพื่อขัดขวางและทำลายคนที่อยู่ในแผ่นดินของพระเจ้า “ผู้หว่านพืชเลวได้แก่มาร...” (13:39 ฉบับมาตรฐาน)
ดังนั้น
การหว่านเมล็ด จึงมิใช่พระราชกิจที่พระเจ้าทรงกระทำเท่านั้น
แต่มารก็ลอกเลียนแบบและใช้วิธีการของพระเจ้าในการทำลายพระราชกิจ และ
ประชากรของพระองค์ด้วย
ในพระธรรมสุภาษิต 6:16-19 กล่าวถึง 7 สิ่งที่พระเจ้าทรงเกลียดชัง ดังนี้
... มีเจ็ดอย่างที่พระเจ้าทรงรังเกียจคือ
ตา ที่หยิ่งยโส
ลิ้น ที่โป้ปด
มือ ที่เข่นฆ่าผู้บริสุทธิ์
จิตใจที่ คิดการชั่วร้าย
เท้า ที่ปราดไปทำชั่ว (เท้าซึ่งรีบวิ่งไปสู่ความชั่ว)
[ปาก] พยานเท็จผู้กล่าวมุสา
และ คน ยั่วยุให้ญาติพี่น้องแตกแยกกัน
(อมตธรรม ในวงเล็บเป็นสำนวนฉบับมาตรฐาน)
[ข้อความที่ผู้เขียนเพิ่ม]
ถ้าเราศึกษาในพระธรรมสุภาษิต จากพระธรรมอมตธรรมฉบับศึกษา (หน้า 1369) เราจะพบว่า ในพระธรรมฉบับนี้บอกถึงสิ่งที่พระเจ้าทรงเกลียดชังว่ามี
14 พฤติกรรมด้วยกัน
แต่เฉพาะในตอนที่ยกมานี้มีถึง 7 พฤติกรรมจากทั้งหมด 14 พฤติกรรมที่พระเจ้าทรงรังเกียจ
ทั้ง 7
พฤติกรรมชั่วที่พระเจ้าทรงรังเกียจที่ยกมาข้างต้นนี้ บ่งชี้ชัดให้เห็นว่า นี่เป็น “เมล็ดแห่งความชั่วร้าย”
ที่มารหรืออำนาจแห่งบาปชั่วใช้ “หว่าน” ลงในชีวิตของมนุษย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในชีวิตของผู้ที่เชื่อและไว้วางใจในพระเจ้า ถ้าในปัจจุบันโดยเฉพาะอย่างยิ่งในชุมชนของคริสตชน
หรือ ในคริสตจักร
ในยุคปัจจุบันนี้ เมล็ดพันธุ์ที่มารร้ายใช้หว่านลงในชีวิตคริสตชน ชุมชนคริสตจักร อย่างเกิดผลคือ “เมล็ดที่บ่มเพาะให้คนๆ นั้น
ยั่วยุให้ญาติพี่น้องแตกแยกกัน” ไม่ต้องมองไกลมองแค่คริสตจักรในประเทศไทยก็เห็นเด่นชัดบาดตา
คงต้องทำความเข้าใจให้ชัดเจนว่า ผู้หว่านในยุคนี้คืออำนาจของมารร้าย ที่แฝงใน “ชีวิตคริสตชน”
บางคนที่เป็นเครื่องมือของมัน
แล้วนำเอาเมล็ดแห่งการยั่วยุให้ต้องแตกแยกกันหว่านลงในชุมชนคริสตจักร ซึ่งเป็นพี่น้องโดยสายเลือดในพระเยซูคริสต์ต้องต่อสู้ทำร้ายทำลายกันเอง
ในพระธรรมตอนนี้ได้จะแจงถึง 6 พฤติกรรมที่นำไปสู่ความร้าวฉานแตกแยกในคริสตจักรของพระเยซูคริสต์คือ ตาที่หยิ่งยโส เป็นทัศนะมุมมอง
ที่มองว่าตนดีกว่าเหนือกว่าคนอื่น มีจิตใจที่คิดชั่วร้าย ดังนั้นสิ่งที่พูดออกมามีแต่ความเท็จที่ต้องการทำร้ายผู้อื่น คำพูดเป็นเท็จ กล้าที่จะเป็นพยานเท็จ ดังนั้น จึงวางแผนลงมือ “ฆ่า” ผู้ถูกต้องบริสุทธิ์
คนเช่นนี้วิถีการดำเนินชีวิตของเขาเดินภายใต้อำนาจแห่งความชั่วร้าย ทั้งๆ ที่ไปๆ
มาๆ ในชุมชนคริสตจักร และคนเช่นนี้แหละ
ที่ตกเป็นเครื่องมืออำนาจมารร้ายที่ยั่วยุให้ญาติพี่น้องในชุมชนคริสตจักรต้องแตกแยกกัน
ในวันนี้ ให้เราคิดพินิจใคร่ครวญว่า...
พฤติกรรมที่เราแสดงออกทั้งในจิตใจ ความคิด
และท่าทีการกระทำ
เป็นผลจากเมล็ดแห่งความชั่วร้ายของมารที่มาขโมยหว่านลงในชีวิตของเราอย่างไม่รู้ตัว ที่ก่อเกิดการแตกแยก ทำร้าย ทำลาย
สร้างความแตกแยกในชุมชนคริสตจักร
หรือ...
พฤติกรรมของเราทั้งความคิด จิตใจ ทัศนคติ
ท่าทีที่แสดงออก และ
การกระทำเป็นผลของเมล็ดแห่งพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์ที่นำสันติสุขและการเสริมสร้างความรักเมตตา ความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน การให้อภัยกันและกัน
และการเสริมสร้างแผ่นดินของพระเจ้าในชุมชนคริสตจักร?
พระวจนะของพระเจ้าได้กล่าวถึงสัจจะความจริงในเรื่องนี้ว่า
“ผู้หว่านความชั่วจะเก็บเกี่ยวสิ่งที่เลวร้าย”
(สุภาษิต 22:8 ฉบับมาตรฐาน)
“และพวกที่สร้างสันติ ซึ่งหว่านสันติ ก็จะได้รับผลคือความชอบธรรม”
(ยากอบ 3:18 ฉบับมาตรฐาน)
ประสิทธิ์
แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย สันทราย
เชียงใหม่
E-mail:
prasit.barnabus@gmail.com
081-2894499
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น