22 ตุลาคม 2555

เมื่อเกินความสามารถที่จะจัดการ...อธิษฐาน!


เรียนรู้การกระทำงานของพระเจ้าในสถานการณ์ที่เกินความสามารถของเรา
อ่านเนหะมีย์ 2:1-10


ในชีวิตประจำวัน   เราท่านต้องเคยเผชิญหน้ากับเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด   ยิ่งกว่านั้น เราหลายคนเคยพบกับสถานการณ์เลวร้ายที่เราไม่สามารถที่จะควบคุมและจัดการได้   ในเวลาเช่นนั้นท่านทำอย่างไร?   หลายคน     มุมานะพยายามหาทางจัดการ หรือ หาคนมาช่วยจัดการ   บางคนพยายามวางแผนที่จะเอาชนะในสถานการณ์นั้น   แต่บางคนบอกว่า ให้เรายอมรับความจริงของสถานการณ์นั้นที่เกิดขึ้น   และยอมรับว่ามันเกินความสามารถที่เราจะทำอะไรได้ หรือ เกินความสามารถที่เราจะจัดการกับสถานการณ์นั้น  

ยังมีคนอีกกลุ่มหนึ่งเมื่อต้องเผชิญสถานการณ์ที่เลวร้ายและรู้ว่าเป็นสถานการณ์ที่เหนือความสามารถของตนที่จะเข้าไปจัดการได้   คนกลุ่มนี้หยุดชีวิตประจำวัน  เปิดชีวิตทั้งหมดแด่พระเจ้า   เพื่อทูลขอพระเจ้าว่า   พระองค์มีแผนการอะไรในสถานการณ์ที่เลวร้ายนั้น   และ  แสวงหาความชัดเจนว่า  พระเจ้าทรงมีพระประสงค์อะไรในตัวเขาที่จะมีส่วนในแผนการของพระองค์   อย่างเช่นเนหะมีย์

เมื่อเนหะมีย์ ได้รับทราบคนที่กลับจากกรุงเยรูซาเล็มที่มาเยี่ยมว่า

“คนที่เหลือที่รอดพ้นจากการเป็นเชลยและกลับไปยังแว่นแคว้นเดิมนั้น
มีความทุกข์และความอัปยศอย่างยิ่ง  
กำแพงกรุงเยรูซาเล็มปรักหักพัง  
ประตูเมืองก็ถูกเผา”
(1:3 อมตธรรม)

เมื่อเนหะมีย์ได้ยินข่าวร้ายที่ไม่รู้จะทำอย่างไร   สิ่งที่เนหะมีย์ทำคือ 

“...นั่งลงร้องไห้...โศกเศร้า...
ถืออดอาหาร  และอธิษฐานต่อพระเจ้า...” (ข้อ 4)

น่าสังเกตว่า   เมื่อเนหะมีย์เลือกที่จะตอบสนองด้วยการ “อดอาหาร และ อธิษฐาน”   เท่ากับว่าเขาเปิดพื้นที่ในชีวิตของเขาแด่พระเจ้า   เพื่อพระองค์จะทรงสำแดงว่า  พระองค์ประสงค์ใช้ให้เนหะมีย์ทำอะไรตามแผนการของพระองค์   ในพระธรรมตอนนี้มิได้บ่งชี้ว่า เนหะมีย์พยายามแสวงหาอยากรู้ว่าพระเจ้าจะจัดการอย่างไรในสถานการณ์เลวร้ายนี้    แต่สิ่งที่เนหะมีย์ทำคือ   เขา “หยุดตนเอง”  จากกิจการอื่นๆ ในชีวิต   และ “เปิดชีวิตทั้งหมด” แด่พระเจ้า   เพราะเขายอมรับความจริงว่าสถานการณ์นี้เลวร้ายเกินกว่าที่คิด  เกินกว่าที่เขาจะจัดการได้   แต่เขามีใจต้องการที่จะช่วยพี่น้องยิวในเยรูซาเล็ม  แต่ไม่รู้จะทำอย่างไร    สิ่งที่เขาทำคือการแสวงหาน้ำพระทัย  และ  เปิดชีวิตทั้งหมดของตนให้พระเจ้า

นอกจากที่ตนไม่รู้จะจัดการอย่างไรกับสถานการณ์ที่เลวร้ายในกรุงเยรูซาเล็มแล้ว   เขาก็ยังไม่รู้จะทำอย่างไรในการจัดการกับตนเองถ้าจะเข้าไปเกี่ยวข้องเรื่องร้ายที่กรุงเยรูซาเล็ม   เพราะเขาเป็นข้าราชการรับใช้พระราชาในวัง   เขาจะไปกรุงเยรูซาเล็มได้อย่างไร?   เราท่านก็เคยพบกับสถานการณ์เช่นนี้ใช่ไหม?

เมื่อใดก็ตาม  ที่พระเจ้าทรงใส่ภาระใจลงในบุคคลใด   ภาระใจของพระองค์มาพร้อมกับแผนการของพระองค์ในเรื่องนั้น   (ไม่ใช่แผนการของผู้ได้รับภาระใจ)

บ่อยครั้งที่เราผิดพลาดคือเมื่อมีภาระใจ  เรากระตือรือร้นที่จะทำสิ่งนั้นให้ถูกต้อง  ทำสิ่งนี้ให้ชอบธรรม  ทำสิ่งโน้นเพื่อคนอื่นจะได้เห็นพระคริสต์   จนกลายเป็นเรา “ใจร้อน”  รีบไปจัดการสิ่งต่างๆ ในเรื่องนั้นตามความคิด ความสามารถ และแผนการของเราเอง   และมีหลายคนวางแผนเงียบๆ ลับๆ ในการตอบโต้สถานการณ์นั้น   ทำเหมือนกับว่ากำลังช่วยพระเจ้า หรือ รีบเร่งช่วยพระเจ้าจัดการบางเรื่องในสถานการณ์นั้น   อาการเหล่านี้ส่อชัดว่าเขากำลังไม่วางใจพระเจ้าอย่างสุดจิตสุดใจสุดชีวิตสุดความคิดของเขา!   ผลที่ได้รับคือ ทำให้สถานการณ์เลวร้ายนั้นยุ่งยากซับซ้อนยิ่งขึ้น

แต่เนหะมีย์มิได้ทำเช่นนั้น  เขา “หยุดตนเอง” แล้ว “เปิดชีวิตทั้งหมด” แด่พระเจ้า   ผมขอตั้งข้อสังเกตว่า พระเจ้ามิได้ตรัส หรือ ให้นิมิตอะไรเลยแก่เนหะมีย์เลย  แต่ทรงเตรียมจิตใจของเนหะมีย์  เตรียมเขาให้พร้อมสำหรับพระราชกิจของพระเจ้าที่กำลังทำไปข้างหน้าเขา    พระเจ้ามิได้บอกเนหะมีย์ด้วยว่าจะต้องทำอะไรบ้าง   แต่พระเจ้าทำมากกว่าบอกเนหะมีย์ครับ

พระเจ้าทรงกระทำพระราชกิจของพระองค์ตามแผนการของพระองค์เอง!

พระเจ้าทรงกระทำงานในจิตใจของกษัตริย์และพระราชินี   เพราะการอดอาหาร และ จิตใจที่สงบรอคอยพระเจ้าของเนหะมีย์  ทำให้พระราชาสังเกตเห็น “ความผิดปกติ” ในชีวิตของเนหะมีย์   จนพระราชาออกปากถาม เนหะมีย์ตรงๆ ว่า  “ทำไมเจ้าถึงหน้าเศร้าหมองนัก   ในเมื่อไม่ได้เจ็บป่วย   คงไม่มีอะไรนอกจากจะทุกข์ใจ(ใช่ไหม?)”

เมื่อพระเจ้าทรงกระทำพระราชกิจของพระองค์   “โอกาส” ก็เปิดสำหรับเนหะมีย์ ที่จะทูลความในใจแก่กษัตริย์   ด้วยการทูลในรายละเอียดของเนหะมีย์   พระเจ้าทรง “เปิดใจ” พระราชา   มิใช่อนุญาตให้เนหะมีย์ไปเยรูซาเล็มเท่านั้น   แต่พระราชาส่ง เนหะมีย์ให้ไปทำพันธกิจที่ทรงมองหมายในการบูรณะปฏิสังขรณ์เมืองเยรูซาเล็ม (ข้อ 5, 6)  นอกจากนั้น พระราชายังออกใบเบิกทางเพื่อความสะดวกแก่เนหะมีย์ (ข้อ 7)   และออกพระราชสาสน์ให้ทางกรมป่าไม้ตัดไม้ให้เนหะมีย์สำหรับงานนี้ (ข้อ 8)   แล้วให้มีนายทหาร และ กองกำลังทหารม้าคุ้มกันไปร่วมกับขบวนของเนหะมีย์ด้วย (ข้อ 9)   กลายเป็นว่า การกลับไปบูรณะซ่อมแซมกำแพงและเมืองเยรูซาเล็มมิใช่งานที่เนหะมีย์อยากจะทำ   แต่พระเจ้าทรงกระทำให้เป็นพันธกิจของพระราชาที่ส่งเนหะมีย์และกองกำลังของพระองค์ไปทำ   นี่คือพระราชกิจที่พระเจ้าทรงกระทำเพื่อเนหะมีย์  

เมื่อพระเจ้าใส่ภาระใจแก่ใครผู้ใด   พระองค์ไม่ได้ปล่อยให้คนๆ นั้นต้องไปทำงานนั้นตามยถากรรม   แต่พระเจ้าทรงกระทำพระราชกิจนั้น   เพื่อเปิดทางนำคนนั้นเข้าสู่สถานการณ์ดังกล่าว    เพื่อทำงานสานต่อพระราชกิจร่วมกับองค์พระผู้เป็นเจ้า และ  ประชากรคนอื่นๆ ของพระองค์ด้วย   ในข้อที่ 8 ตอนท้าย  เนหะมีย์กล่าวว่า...

“แล้วกษัตริย์อนุมัติตามการทูลขอ  เพราะพระหัตถ์อันเปี่ยมด้วยพระคุณของพระเจ้าอยู่เหนือข้าพเจ้า

เมื่อเราได้รับการทรงเรียกในทำพันธกิจการงานที่เหนือความสามารถที่เราจะทำเองได้   ท่านจะตอบสนองต่อการทรงเรียกนั้นในชีวิตประจำวันอย่างไร?   เราจะเริ่มด้วยการจดรายการที่เราไม่สามารถจะจัดการได้เช่นนั้นหรือ?  ไม่ครับบ่อยครั้งที่เรามุ่งมองไปที่ปัญหา  เราเน้นย้ำในสิ่งที่เราจัดการไม่ได้    แต่จงมั่นใจในวันนี้ว่า ก่อนที่พระเจ้าจะทรงเรียกท่านพระองค์รู้สิ่งที่จำกัดขาดด้อยเหล่านี้ในชีวิตของท่านก่อนแล้ว   แล้วทรงรู้ถึงความรุนแรงของสถานการณ์ที่เลวร้ายนั้นอย่างทะลุปรุโปร่ง

ให้เราตอบสนองต่อการทรงเรียกในพันธกิจที่เหนือความสามารถในการจัดการของเราด้วยการ “หยุดตนเอง”  แล้ว  “เปิดพื้นที่ชีวิต” ทั้งหมดแด่พระเจ้า   และเมื่อพระองค์ทรงเริ่มกระทำพระราชกิจของพระองค์  เมื่อ “โอกาส” เปิดก็ให้เราพร้อมที่จะเคลื่อนไปสู่ทิศทางที่พระองค์ทรงเปิดแก่เราด้วยความเชื่อฟัง  สัตย์ซื่อ  อดทน  และรอคอย

เราต้องไม่ลืมว่า   ในทุกงานที่พระเจ้าทรงเรียกทรงใช้ให้เรากระทำ   พระองค์จะเสริมสร้างเราให้เติบโตขึ้นผ่านในงานนั้น    เพราะพระวิญญาณบริสุทธิ์สถิตในทุกคนที่เชื่อศรัทธาและไว้วางใจในพระองค์   และพระวิญญาณบริสุทธิ์นี้เองจะเป็นกำลังด้านต่างๆ ที่จะนำให้การรับใช้ของเราบรรลุความสำเร็จตามแผนการละพระประสงค์ของพระเจ้า  

อย่าให้สถานการณ์ที่อยู่เหนือความสามารถในการควบคุมและจัดการของท่านเป็นตัวบั่นทอน ดึงฉุดให้ท่านให้ออกจากทางแห่งการเชื่อฟังพระเจ้า   แต่จง “หยุดตนเอง”  และ  “เปิดพื้นที่ชีวิต” แด่พระเจ้า   แล้วเดินตามการทรงนำของพระวิญญาณบริสุทธิ์ด้วยการเชื่อฟัง  สัตย์ซื่อ  และเต็มใจ

ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย  สันทราย  เชียงใหม่
E-mail: prasit.barnabus@gmail.com
081-2894499

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น