อ่านสดุดี 137:1-6
ณ ริมฝั่งลำน้ำแห่งบาบิโลน ที่นั่นเรานั่งลงร่ำไห้เมื่อระลึกถึงศิโยน
(สดุดี 137:1 ฉบับมาตรฐาน)
พระธรรมสดุดีบทนี้เป็น พระคัมภีร์ที่มีความเศร้าสลดอย่างสุดๆ
บทหนึ่งของคริสตชน!
เป็นบทเพลงที่บรรยายถึงเชลยศึกอิสราเอลนั่งลงร่ำไห้คร่ำครวญถึงความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ในชีวิตของเขา แผ่นดินแห่งพระสัญญา ประเทศที่เจริญรุ่งเรืองที่เป็นที่ภูมิอกภูมิใจของพวกเขา ต้องถูกจู่โจมด้วยกองทัพของศัตรู บดขยี้ทำลายเผาจนมอดไหม้ ยิ่งกว่านั้นพวกเขาต้องถูกทำร้าย ทำลาย
และถูกขู่เข็ญบีบบังคับ กวาดต้อนไปเป็นเชลยศึกในบาบิโลน
พวกเขาถูกพรากให้ต้องจากแผ่นดินที่เขามีความผูกพันกับพระเจ้า ต้องแยกจากครอบครัวญาติสนิท พวกเขาถูกกระชากลากไปอย่างน่าสังเวช
ชีวิตของเขาถูกทับถมด้วยความโศกเศร้า
เจ็บปวด และสูญเสียอย่างสิ้นเชิง
พวกเขาประสบกับการล้มละลายในชีวิต!
ท่ามกลางการล้มละลายในชีวิต พวกเขาคิดถึง “ศิโยน”
ความทรงจำนี้คือมรดกชิ้นเดียวที่หลงเหลือในชีวิตของพวกเขา แม้จะเป็นมรดกที่ย้ำเตือนเขาถึงการสูญเสีย เจ็บปวด
โศกเศร้า
แต่ก็เป็นความชื่นชมยินดีที่ยังริบหรี่ในจิตใจของพวกเขา ที่พวกเขาคิดถึงความยิ่งใหญ่ครั้งหนึ่งที่พระเจ้าประทานให้
ที่พวกเขาเคยภูมิใจในความเป็นชาติอิสราเอลที่ผู้อื่นยกย่องเกรงขาม
ในเวลาเดียวกัน ณ ริมฝั่งแม่น้ำที่บาบิโลน พวกเขามีโอกาสที่จะสะท้อนคิดถึงเหตุการณ์ต่างๆ ที่เคยเกิดขึ้นในอดีตของอิสราเอล
ที่พระเจ้าทรงเตือนผ่านทางผู้เผยพระวจนะ ผู้รับใช้ของพระเจ้า ให้เขาเปลี่ยนวิถีการดำเนินชีวิต
เรียกร้องพวกเขาให้กลับมาหาพระเจ้าและดำเนินชีวิตที่สัตย์ซื่อ เที่ยงธรรม
ด้วยความรักเมตตาตามพระวจนะตามพระบัญญัติของพระองค์ ผู้รับใช้ของพระเจ้าเรียกร้องให้ประชาอิสราเอลหันกลับจากการดำเนินชีวิตที่บูชากราบไหว้
“รูปเคารพ” ในรูปแบบต่างๆ ในเวลานั้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเศรษฐกิจความมั่งคั่งร่ำรวย
เกียรติยศชื่อเสียง อำนาจ กองทัพ ยุทโธปกรณ์ที่ทำให้ตนอยู่เหนือกว่าเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน
เพื่อทำให้สามารถกดขี่ ขูดรีด ข่มเหงสร้างผลประโยชน์และความยิ่งใหญ่มั่นคงให้กับตนเองและพวกพ้อง
และผู้นำศาสนาในเวลานั้นกลับหลับหูหลับตาลุยไปตามกระแสสังคม เศรษฐกิจ การเมืองและวัฒนธรรม คนรับใช้ของพระเจ้าเตือนประชาอิสราเอล ผู้นำประเทศ และผู้นำศาสนาว่า
ขืนทำเช่นนี้ต่อไปผลที่จะเกิดขึ้นคือความหายนะกับชีวิตและประเทศ
พระเจ้าทรงเมตตาและอดทนส่งคนของพระองค์ให้มาเตือนและให้โอกาสประชาอิสราเอลนับเป็นร้อยๆ
ปี
แต่อิสราเอลไม่ฟัง และที่ริมฝั่งน้ำบาบิโลนคือภาพที่สะท้อนถึงผลของความไม่เชื่อฟัง ดื้อดึง และอวดดี
อิสราเอลล้มละลาย อิสราเอลหายนะ อิสราเอลเหลือแต่ตัวเปล่าเปลือยล่อนจ้อน
เมื่อชีวิตตกลงในสภาพเช่นนั้น เขาเจ็บปวด
เขาโศกเศร้า
เขาระลึกและทบทวนอดีต
พวกเขาต้องตกในสภาพ “เชลยศึก”
และลูกหลานเติบโตในบรรยากาศและในฐานะ “คนพลัดถิ่น” แรงงานเชลยศึก คนอพยพ
แล้วคิดย้อนหลังว่า
ถ้าตอนนั้นพ่อแม่บรรพบุรุษของเขาเอาใจใส่
เชื่อฟังการเตือนสอนของคนรับใช้พระเจ้า
ประเทศอิสราเอลก็ไม่ต้องตกอับย่อยยับถึงเพียงนี้
พวกเขาไม่ต้องตกมาเป็นชาติพันธุ์อพยพย้ายถิ่นฐานอย่างที่เป็นอยู่
อย่างที่มีคำกล่าวว่า เราจะไม่รู้คุณค่าของคนๆ นั้น หรือ
สิ่งนั้นๆ
จนกว่าเราสูญเสียคนนั้นหรือสิ่งนั้นไปแล้ว
อิสราเอลก็เช่นกันที่เขาไม่เห็นคุณค่าและความสำคัญของพระบัญญัติ พระวจนะ
และคำสอนคำเตือนของผู้ที่พระเจ้าทรงใช้มา
จนกระทั่งชีวิตและประเทศของตนอับปางแล้วจึงสำนึกได้ พวกอิสราเอลต้องตกลงในสภาพชีวิตที่อับจนสิ้นชาติเป็นเวลายาวนาน
พวกเราชาวคริสตชนไทย คริสตจักรไทย
องค์กรคริสตชนทั้งหลาย
มูลนิธิสภาคริสตจักรในประเทศไทย มูลนิธิสหกิจคริสเตียน แบ๊พติสท์
เซเว่นเดย์ คาทอลิก พระกิตติคุณสมบูรณ์ และ อื่นๆ มากมาย เราต้องรอจนกว่า “ไปนั่งที่ฝั่งน้ำบาบิโลน”
อย่างอิสราเอลแล้วค่อยสำนึกได้หรือ?
ฤาเราต้องรับบทเรียนอย่างอิสราเอลก่อนแล้วค่อย
“คิดได้” ทุกวันนี้พระเจ้าทรงเตือนเราในเรื่องอะไร?
เราไม่สนใจคำเตือนของพระองค์แต่กลับหันหน้าไปทำตามสิ่งที่เป็นตามใจปรารถนาของตนเองหรือเปล่า?
หรือเรายังอวดดีกล่าวอ้างความปรารถนาลึกๆ ของเราว่าเป็นพระประสงค์ของพระเจ้า? หรือเราต้องรอจนกว่าชีวิตของเรา
“ล้มละลาย” จนตัวเปล่าเปลือยล่อนจ้อนถึงกลับมาสนใจคำเตือนของพระเจ้า? ขอให้เรามีจิตใจที่อ่อนน้อมถ่อมลงที่จะพิจารณาประเด็นคำถามเหล่านี้
ข้าแต่พระเจ้าผู้ทรงเมตตาและให้โอกาสแก่มนุษย์
ขอทรงช่วยให้ข้าพระองค์ไม่ต้องได้รับบทเรียนแบบอิสราเอลในอดีต โปรดเมตตา เปิดตา เปิดใจ เปิดความคิดชีวิตของข้าพระองค์ที่จะเห็นและรู้ว่าวิถีทางที่พระองค์ประสงค์ให้ข้าพระองค์ดำเนินไปนั้นคือทางใด ทูลขอพระกำลังของพระองค์ผ่านทางพระวิญญาณบริสุทธิ์ช่วยข้าพระองค์ที่จะดำเนินตามด้วยความถ่อมใจ
เชื่อฟัง ตามการทรงนำของพระองค์ อาเมน
ประสิทธิ์
แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย สันทราย
เชียงใหม่
E-mail:
prasit.barnabus@gmail.com
081-2894499
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น