17 เมษายน 2556

จาริกตามพระคริสต์สู่กางเขน


นับจากวันอาทิตย์การคืนพระชนม์ไปอีก 7 สัปดาห์ ถึงวันอาทิตย์การเสด็จมาของ
พระวิญญาณบริสุทธิ์ รวมทั้งสิ้น 50 วัน เป็นช่วงเวลาที่กระผมขอเรียกเอาเองว่า 
ฤดูกาลแห่งชีวิตใหม่ในพระคริสต์เป็นช่วงเวลาที่คริสตชนรับการทรงเปลี่ยนแปลง 
เสริมสร้างชีวิตสาวกพระคริสต์ในชีวิตของตนอย่างเป็นรูปธรรม


อ่านยอห์น 12:23-27

23 และ​พระ​เยซู​ตรัส​ตอบ​พวก​เขา​ว่า ถึง​เวลา​แล้ว​ที่​บุตร​มนุษย์​จะ​ได้​รับ​พระ​เกียรติ   
24 เรา​บอก​ความ​จริง​กับ​พวก​ท่าน​ว่า ถ้า​เมล็ด​ข้าว​ไม่​ได้​ตก​ลง​ดิน​และ​ตาย​ไป ก็​จะ​คง​อยู่​เมล็ด​เดียว แต่​ถ้า​ตาย​ไป​แล้ว​ก็​จะ​งอก​ขึ้น​เกิด​ผล​มาก
25 คน​ที่​รัก​ชีวิต​ตัว​เอง​ต้อง​เสีย​ชีวิต และ​คน​ที่​เกลียด​ชัง​ชีวิต​ตัว​เอง​ใน​โลก​นี้​จะ​รัก​ษา​ชีวิต​นั้น​ไว้​นิรันดร์
26 ถ้า​ใคร​จะ​ปรน​นิ​บัติเรา คน​นั้น​ต้อง​ตาม​เรา​มา และ​เรา​อยู่​ที่​ไหน ผู้​ปรน​นิ​บัติ​ของ​เรา​จะ​อยู่​ที่​นั่น​ด้วย ถ้า​ใคร​ปรน​นิ​บัติ​เรา พระ​บิดา​จะ​ประ​ทาน​เกียรติ​แก่​ผู้​นั้น 
27 เดี๋ยว​นี้​ใจ​ของ​เรา​เป็น​ทุกข์ จะ​ให้​เรา​พูด​อย่าง​ไร? ‘ข้า​แต่​พระ​บิดา ขอ​ทรง​ช่วย​ข้า​พระ​องค์​ให้​พ้น​จาก​ช่วง​เวลา​นี้อย่าง​นั้น​หรือ? แต่​เพื่อ​จุด​ประ​สงค์​นี้​เอง เรา​จึง​มา​ถึง​ช่วง​เวลา​นี้  (ฉบับมาตรฐาน)

เราท่านต่างรู้แน่แก่ใจแล้วว่า  พระเยซูคริสต์ทรงจาริกไปบนเส้นทางสู่เนินเขากะโหลกศีรษะ

แต่ท่านทราบไหมว่า  ผู้ที่ตัดสินใจที่จะติดตามและมีชีวิตตามแบบพระคริสต์ก็ต้องจาริกไปบนเส้นทางเดียวกับพระองค์สู่กางเขน?   ทุกคนที่ตั้งใจใช้ชีวิตไปกับพระคริสต์จะต้องตรึงชีวิตของตนบนกางเขนกับพระองค์   และผู้ใดที่กระหายใคร่มีประสบการณ์ที่ลุ่มลึกกับพระคริสต์ในสัจจะความจริงเดียวกันนี้   พระองค์ทรงจูงมือคนนั้นและนำเขาไปสู่กางเขน   ถึงแม้ว่านี่คือเป้าหมายปลายทางแห่งสุดท้ายที่ทุกคนจะมุ่งไป   แต่นั่นก็เป็นทางเดียวที่พระองค์จะมีส่วนร่วมที่ดีที่สุดในชีวิตของเรา

การจาริกไปบนเส้นทางสู่กางเขนมิใช่เส้นทางที่เราจะไปกับคนในครอบครัวของเราหรือมิตรสหายของเรา   แต่เป็นเส้นทางที่โดดเดี่ยวและเปล่าเปลี่ยว  ที่เราจาริกไปกับพระคริสต์เท่านั้น  แล้วพระองค์ทรงเปลื้องเราจากการพึ่งพิงทุกอย่างที่มีอยู่   แล้วเราเริ่มเรียนรู้ที่จะวางใจพึ่งพิงในพระองค์เท่านั้น    และเมื่อเราอยู่ที่กางเขน   พระองค์ทรงเปลื้องสิ่งที่ปกปิดตัวเราออกทีละชิ้น  ชิ้นแล้วชิ้นเล่า  จนหมดสิ้น  จนเราสามารถเห็นตัวตนที่แท้จริงของตนเองอย่างที่พระองค์ทรงเห็นตัวเรา   ในไม่ช้า การมีตนเองเป็นศูนย์กลางในชีวิตก็ถูกลอกออก  ความไม่เหมาะสมในตัวเราก็ถูกดึงออกไป   ความล้มเหลวถูกขจัดจากตัวเรา  บนกางเขนนั้นพระองค์ทรงเปลื้องเราจนเปล่าเปลือย

บนกางเขนนั้นชีวิตของเราต้องพบกับความแตกหักและฉีกขาด  แต่เป็นที่ที่สำคัญและจำเป็นสำหรับชีวิตของคริสตชน   ถ้าเรายังยึดเกาะชีวิตเดิมที่เป็นอยู่   ไม่ยอมที่จะจาริกไปบนเส้นทางสู่กางเขน ชีวิตของเราก็จะไม่ถูกเปลื้องออก   เราก็จะไม่เห็นความฉีกขาดในชีวิตของเรา  และก็ไม่มีทางอื่นเลยที่ชีวิตของเราจะเกิดผลได้

พระเยซูทรงเปรียบชีวิตของเราเป็นเหมือนเมล็ดข้าว   ถ้าไม่ถูกหว่านลงในดิน   มันจะไม่แตกตัว  ไม่งอก  ไม่เกิดชีวิตใหม่ แล้วมันก็จะไม่เกิดผล

แต่ถ้าเมล็ดข้าวเม็ดใดเต็มใจที่จะถูกหว่านลงในดิน   เปลือกที่หุ้มเมล็ดข้าวยอมเปื่อยและเน่าในที่สุด   เมล็ดข้าวเมล็ดนั้นยอมให้สิ่งที่ห่อหุ้ม ปกป้องชีวิตของตนเองเปื่อยเน่า  แตกออก  เมล็ดนั้นจะเกิดชีวิตใหม่

ถ้าเมล็ดข้าวแห่งชีวิตของเราไม่ถูกหว่านลงดิน   ก็จะไม่เกิดชีวิตใหม่  จะไม่เติบโต

แต่ถ้าใครก็ตามที่จะยอมให้เมล็ดชีวิตเดิมของตนตาย   ผู้นั้นก็จะเป็นเหมือนเมล็ดที่ยอมให้เปลือกที่หุ้มชีวิตเปื่อยเน่า  เพื่อแตกชีวิตใหม่  เติบโตได้  แล้วเกิดผลด้วย

ชีวิตคริสตชนที่มีชีวิตและดำเนินชีวิตตามพระคริสต์  คือผู้ที่ยอมให้ชีวิตของตนถูกตรึงที่กางเขน

พระเจ้าไม่มีพระประสงค์ให้ท่านพอใจกับความรอดที่ท่านรับพระองค์เท่านั้น
แต่พระองค์มีพระประสงค์ที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิต 
ด้วยการทรงกระทำพระราชกิจในชีวิต และผ่านชีวิตของเรา  เพื่อชีวิตของเราจะเกิดผล

เราเต็มใจที่จะจาริกไปบนเส้นทางนี้สู่กางเขนไปกับพระองค์หรือไม่?

ใช่   มันเป็นทางที่ท่านต้องเจ็บปวด  เป็นเส้นทางที่เราต้องโดดเดี่ยวจากผู้อื่น

แต่เป็นเส้นทางที่เราเคียงข้างไปกับพระคริสต์   เป็นเส้นทางที่เราจะเรียนรู้จากพระองค์

แม้เป็นเส้นทางที่เราได้รับความเจ็บปวดในชีวิต  
แต่ผลที่ได้รับยิ่งกว่าคุ้มค่า  
นี่จะเป็นประสบการณ์ที่เราจะได้รับในชีวิต  
นี่คือจุดเริ่มต้นชีวิตใหม่ในพระคริสต์  
นี่เป็นคุณค่าแห่งการเป็นสาวกของพระองค์ 
และเป็นชีวิตที่เกิดผลตามพระประสงค์ของพระองค์

ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย  สันทราย  เชียงใหม่
E-mail: prasit.barnabus@gmail.com
081-2894499

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น