29 เมษายน 2556

สาวกพระคริสต์...ไม่ใช่พระคริสต์!


16 เนื่อง​จาก​พระ​องค์​นี้​เอง ร่าง​กาย​ทั้ง​หมด​จึง​ได้​รับ​การ​เชื่อม​และ​ประ​สาน​เข้า​ด้วย​กัน​โดย​ทุกๆ ข้อ​ต่อ​ที่​ประ​ทาน​มา​นั้น และ​เมื่อ​แต่​ละ​ส่วน​ทำ​งาน​ตาม​หน้าที่​แล้ว ก็​ทำ​ให้​ร่าง​กาย​เจริญ​และ​เสริม​สร้าง​ตน​เอง​ขึ้น​ด้วย​ความ​รัก (เอเฟซัส 4:16 ฉบับมาตรฐาน)  

3อย่า​คิด​ถือ​ตัว​เกิน​ที่​ตน​ควร​จะ​คิด​นั้น แต่​จง​คิด​อย่าง​สุขุม​สม​กับ​ขนาด​ความ​เชื่อ​ที่​พระ​เจ้า​ประ​ทาน​แก่​ท่าน 4 เพราะ​ว่า​ใน​ร่าง​กาย​เดียว​นั้น เรา​มี​อวัยวะ​หลาย​อย่าง และ​อวัยวะ​นั้นๆ มี​หน้า​ที่​ต่าง​กัน​อย่าง​ไร 5 เรา​ผู้​เป็น​หลาย​คน​ยัง​เป็น​กาย​เดียว​ใน​พระ​คริสต์​และ​เป็น​อวัยวะ​แก่​กัน​และ​กัน​อย่าง​นั้น 6 และ​เรา​ทุก​คน​มี​ของ​ประ​ทาน​ต่าง​กัน ตาม​พระ​คุณ​ที่​ประ​ทาน​แก่​เรา...คือ

ถ้า​ของ​ประ​ทาน​เป็น​การ​เผย​พระ​วจนะ ก็​จง​เผย​ตาม​กำ​ลัง​ของ​ความ​เชื่อ
ถ้า​เป็น​การ​ปรน​นิบัติ​ก็​จง​ปรน​นิบัติ
ถ้า​เป็น​ผู้​สั่ง​สอน​ก็​จง​สั่ง​สอน
ถ้า​เป็น​ผู้​เตือน​สติ​ก็​จง​เตือน​สติ
ผู้​ที่​ให้ ก็​จง​ให้​ด้วย​ใจ​กว้าง​ขวาง
ผู้​ที่​ครอบ​ครอง ก็​จง​ครอบ​ครอง​ด้วย​เอา​ใจ​ใส่
ผู้​ที่​แสดง​ความ​เมต​ตา ก็​จง​แสดง​ด้วย​ใจ​ยินดี (โรม 5:3-6)

ปัญหาของคริสตชนบางคนบางกลุ่มคือ   มีความเข้าใจคลาดเคลื่อน  มีความตั้งใจเกินร้อย   มีความปรารถนาที่จะทำทุกบทบาทหน้าที่ ทุกภารกิจที่พระกายของพระคริสต์(ชุมชนคริสตจักร)ต้องทำ  จนบางครั้งถูกมองว่า เขาไม่ไว้วางใจว่าคนอื่นในคริสตจักรที่มีหน้าที่และจะมีความสามารถร่วมรับผิดชอบทำในพระราชกิจของพระเจ้า   เหมือนกับไม่เคารพนับถือในความสามารถ และ ความรับผิดชอบของผู้อื่นในคริสตจักร

ยิ่งกว่านั้น เขายังทุ่มเททำในส่วนที่เป็น “ความเป็นพระเจ้า” ของพระคริสต์ทรงกระทำด้วย   เราพูดได้ไหมว่า  คริสตชนคนนั้นทำ “เกิน” กำลังแห่งของประทานที่พระเจ้าทรงให้แก่เขารับผิดชอบและทำเกินจนถึงขนาดจะไปทำแทนในพระราชกิจความเป็นพระเจ้าของพระคริสต์ต้องกระทำด้วย 

เมื่อเราพิจารณาพระราชกิจของพระเจ้า   เพื่อความเข้าใจชัดเจนละเอียดยิ่งขึ้น   จึงขออนุญาตอธิบายให้เห็นเป็นส่วนๆ   แต่ในความจริงแล้วทุกส่วนแห่งพระราชกิจของพระเจ้าเป็นความสัมพันธ์ที่เป็นเนื้อเดียวกัน   ซึ่งพิจารณารายละเอียดเป็นส่วนๆ ได้ดังนี้

  • พระราชกิจแห่งการทรงสร้างของพระบิดา   มนุษย์เราไม่สามารถทำพระราชกิจนี้แทนพระเจ้าได้   แต่เราแต่ละคนสามารถมีส่วนในพระราชกิจแห่งการทรงสร้างของพระองค์   ตามของประทานที่พระเจ้าให้แก่แต่ละคนในชีวิต
  • พระราชกิจแห่งการทรงกอบกู้และการทรงไถ่ของพระเจ้า   พระบิดาทรงมอบหมายให้พระเยซูคริสต์ พระบุตรของพระองค์เป็นผู้ทรงรับผิดชอบพระราชกิจนี้   และเป็นพระราชกิจที่พระคริสต์ได้เทชีวิตทั้งชีวิตเพื่อเป็นตัวเชื่อมสร้างให้มนุษย์ได้เกิดการคืนดีกับพระเจ้า   ดังนั้น  เราต้องระมัดระวังที่อาจเข้าใจคลาดเคลื่อนคิดจะทำหน้าที่แทนพระเยซูคริสต์   ซึ่งเราไม่สามารถจะกระทำได้  เพราะเราไม่ใช่พระเจ้า
  • พระราชกิจของพระเจ้าในพระคริสต์ในความเป็นมนุษย์   คือแบบอย่างชีวิตของพระเยซูคริสต์ในส่วนความเป็นมนุษย์ของพระองค์  ที่ทรงสำแดงให้เราเห็นชัดเจนว่า พระเจ้ามีพระประสงค์เช่นไรต่อการดำเนินชีวิตของมนุษย์เรา   และพระเยซูคริสต์ชี้ชัดว่า ที่พระองค์เป็นแบบอย่างชีวิตมนุษย์ตามพระประสงค์ของพระเจ้าได้เช่นนั้น   เพราะพระคริสต์ดำเนินชีวิตความเป็นมนุษย์ของพระองค์ด้วยพระกำลังจากพระวิญญาณ  เพื่อให้ชีวิตได้เป็นไปตามที่พระเจ้าประสงค์    และนี่คือส่วนที่คริสตชนแต่ละคนที่จะต้องได้รับการเสริมสร้างให้มีชีวิตที่เป็นสาวกของพระคริสต์  คือชีวิตส่วนนี้ที่พระเยซูคริสต์ทรงเป็นแบบอย่างแก่เรา และคาดหวังให้เราเติบโตขึ้นเป็นเหมือนพระองค์มากยิ่งขึ้นทุกวัน   แต่สิ่งสำคัญที่เราต้องตระหนักชัดในตนเองเสมอคือ   ที่เราสามารถมีชีวิตที่เป็นเหมือนพระคริสต์มากยิ่งขึ้นทุกวันได้นั้นเพราะเราได้รับพระกำลังหนุนเสริมเพิ่มพลังแก่เราในแต่ละวันจากพระวิญญาณบริสุทธิ์
  • พระราชกิจของพระเจ้าที่ทรงกระทำผ่านชีวิตชุมชนคริสตจักร เมื่อพระคริสต์ทรงเรียกแต่ละคนให้มาเป็นสาวกของพระองค์   พระเยซูคริสต์ทรงคาดหวังว่า คริสตชนแต่ละคนจะแสวงหาและพัฒนา “ของประทาน” ในชีวิตที่ได้รับจากพระเจ้าใช้ในการดำเนินชีวิต และ ร่วมในพระราชกิจต่างๆ ของพระองค์ตามของประทาน ความสามารถที่แต่ละคนมีในชีวิต   และมีส่วนร่วมในพระราชกิจเสริมหนุนกันและกันแก่คนอื่นๆ ในชุมชนคริสตจักร   ทั้งนี้เป็นการร่วมทำพระราชกิจที่มีเป้าประสงค์ของพระเจ้าเป็นเป้าหมายปลายทาง    ดังนั้น เราแต่ละคนต้องตระหนักชัดเช่นกันว่า  เราไม่ได้ทำกิจกรรมต่างที่เราอยากทำ หรือ ที่เราทำได้   แต่สิ่งที่เราทำนั้นเป็นพระราชกิจของพระเจ้า  ที่มีพระประสงค์ของพระองค์เป็นตัวกำกับการทำพันธกิจด้านต่างๆ ในคริสตจักร 


บางครั้ง  เราคิดทำพันธกิจ “เกินที่ตนควรจะคิด...”  มิได้คิดอย่างสุขุมกับขนาดความเชื่อที่พระเจ้าประทานแก่เราหรือไม่?   ในชีวิตการทำงาน  ผมได้พบเพื่อนหลายคนที่ทุ่มเททำงานพันธกิจ  หรือนักกิจกรรมที่ทำงานเพื่อสังคม   เรียกว่า “ทุ่มทั้งชีวิต” สำหรับงานที่เขาทำ   และต้องยอมรับว่า ทำเกินตัว ทำเกินความสามารถ   และสิ่งที่พบเห็นในที่สุดบ่อยครั้งจะตกลงในสภาพ “เหนื่อยอ่อน หมดแรง หมดไฟ”   บ้างถึงกับท้อแท้ผิดหวัง   ผมมีเพื่อนใกล้ชิดคนหนึ่งเขาทุ่มเทสุดตัว   แต่ผลที่ได้รับสังคมชุมชนไม่ได้เป็นไปอย่างที่เขาคิดเขาคาด   เสียใจ  จนเป็นโรคประสาท   ต้องส่งตัวเข้ารักษาในโรงพยาบาลประสาท   ใช้เวลาแรมปีในการรักษา

ผู้คนกลุ่มนี้ไม่มีปัญหาเรื่องการอุทิศทุ่มเทชีวิตเพื่องานของพระเจ้า  เพื่อสังคมที่ดีกว่านี้   คนกลุ่มนี้เอาใจใส่ต่อพระประสงค์ของพระเยซูคริสต์   ด้วยจิตใจที่รักเมตตาที่กระตุ้นจูงใจให้เขาตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงเสริมสร้างสังคมชุมชนและโลกขึ้นใหม่   เขาเอาทั้งชีวิตเข้ารองรับภาระโลกอันหนักอึ้งที่เกินกำลังชีวิตที่เขาได้รับจากพระเจ้า  

ไหล่ของเราเล็กเกินไปสำหรับภาระที่ใหญ่โตหนักอึ้งนั้น! 

เราคงต้องตระหนักว่า  เราเป็นสาวกของพระคริสต์   ที่ถวายทั้งชีวิตรับใช้พระประสงค์ของพระองค์ผ่านการดำเนินชีวิตประจำวันของเรา   ด้วยของประทาน และ พระกำลังตามที่พระเจ้าประทานแก่เราผ่านพระวิญญาณบริสุทธิ์   เราต้องบอกกับตนเองว่า  “เราไม่ใช่พระคริสต์ พระบุตรองค์เดียวของพระเจ้า”   เราจึงไม่ได้รับการทรงมอบหมายพระราชกิจแห่งการกอบกู้ เปลี่ยนแปลง ไถ่ถอนให้โลกหลุดรอดออกจากใต้อำนาจแห่งความบาปชั่วในรูปแบบต่างๆ   สิ่งนี้เราต้องพึ่งพระราชกิจของพระคริสต์!   และมีพันธกิจในบางส่วนที่พระเจ้าทรงมอบให้เรากระทำประสานกับคริสตชนคนอื่นในชุมชนคริสตจักรท้องถิ่น และ คริสตจักรสากล  

แท้จริงแล้วเราเป็นพระคริสต์องค์เล็กๆ   ที่สำแดงชีวิตการเป็นคนของพระคริสต์   เรามิใช่พระคริสต์!

17 พระ​องค์​ทรง​ดำ​รง​อยู่​ก่อน​ทุก​สิ่ง และ​ทุก​สิ่ง​ถูก​ยึด​เข้า​ด้วย​กัน​โดย​พระ​องค์... 20 และ​โดย​พระ​องค์ พระเจ้า​ทรง​ให้​ทุก​สิ่ง​คืน​ดี​กับ​พระ​องค์​เอง ไม่​ว่า​สิ่ง​นั้น​จะ​อยู่​บน​แผ่น​ดิน​โลก​หรือ​อยู่​บน​สวรรค์ โดย​ทรง​ทำ​ให้​เกิด​สันติ​ภาพ​โดย​พระ​โลหิต​แห่ง​กาง​เขน​ของ​พระ​องค์ (โคโลสี 1:17, 20)

เมื่อคริสตชนแต่ละคนมีชีวิตที่เติบโต  พัฒนา แข็งแรง และ เกิดผลอย่างพระคริสต์   ความเป็น “พระคริสต์องค์น้อยๆ” ที่คนทั่วไปสามารถเห็นได้นั้น  เกิดจาก DNA แบบพระเยซูคริสต์  หรือ ต้นกำเนิดที่ถ่ายทอดพันธุกรรมพระคริสต์ในชีวิตจิตวิญญาณของเรา   เมื่อคริสตชนแต่ละคนมีพันธุกรรมต้นกำเนิดจากพระคริสต์แหล่งเดียวกัน   ย่อมทำให้เราทำงานรับใช้ในชีวิตที่ประสานกลมกลืน เสริมหนุนกันและกัน   และที่สำคัญคือทุกคนทุกพันธกิจต่างกระทำที่มุ่งไปสู่ทิศทางเป้าหมายเดียวกันคือ พระประสงค์ของพระเจ้าในพระเยซูคริสต์

เราต้องตระหนักชัดเจนว่า   พระเยซูคริสต์ประสงค์ให้เราคริสตชนกระทำหน้าที่ตามส่วนที่เราเป็นเรามี ที่เราได้รับของประทานและความสามารถจากพระเจ้า   อย่างประสานกลมกลืนกัน   ไปสู่พระองค์ผู้ทรงเป็นศีรษะแห่งพระกาย

พระองค์ไม่มีพระประสงค์ให้ใครทำหน้าที่เป็นศีรษะแห่งพระกายนี้แทนพระองค์ครับ!

ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย  สันทราย  เชียงใหม่
E-mail: prasit.barnabus@gmail.com
081-2894499

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น