“จงละความกังวลทุกอย่างของท่านไว้กับพระองค์ เพราะว่าพระองค์ทรงห่วงใยท่านทั้งหลาย”
(1เปโตร 5:7)
ความวิตกกังวล หรือ
ในพระคัมภีร์บางตอนใช้คำว่า ความกระวนกระวาย คืออะไรกันแน่?
ตอบแบบตรงไปตรงมา...
การวิตกกังวลเกิดจากการที่เราเอาความทุกข์ของพรุ่งนี้ที่ยังมาไม่ถึงมาเป็นความทุกข์ในวันนี้...
ในขณะนี้
นั่นคือ...ความกังวลสร้างความกระวนกระวายแก่ชีวิตของเราที่เป็นอยู่ในวันนี้
ทั้งที่ไม่มีความจำเป็นต้องแบกรับมันเลยในวันนี้และขณะนี้
บ้างก็วิตกกังวลว่า คนอื่นจะไม่เป็นอย่างที่ตนคาดตนฝัน
บ้างวิตกกังวลว่าสถานการณ์จะไม่เป็นอย่างที่ตนต้องการ
มนุษย์เราวิตกกังวลในสิ่งที่ตนเองไม่สามารถจะไปจัดการได้
แต่กับสิ่งที่ตนเองสามารถจัดการได้ เช่น “ตนเอง” ในขณะนี้แต่กลับหลงลืม
เมินเฉย หรือคิดไม่ถึง ไม่จัดการ
ที่แย่ไปกว่านั้นคือ
เรากังวลจนลืมไปว่า พระเจ้าทรงห่วงใยชีวิตวันนี้ของเราแต่ละคนมากแค่ไหน
เราเอาจิตใจของเราไปผูกติดและเกาะยึดกับทรัพย์สมบัติ
ทรัพย์สินเงินทอง และความมั่งคั่งร่ำรวยในโลกนี้
จิตใจของเราสาละวน
หมกมุ่นกับชื่อเสียง ฐานะ ตำแหน่ง หน้าตาในสังคม
ความต้องการของเราวิ่งตามไล่ล่า
“ความปรารถนา” ของตนเอง
เราจึงห่วงใยว่า
คนอื่นจะมองเราอย่างไร
คนอื่นจะยอมรับเราหรือไม่
คนอื่นจะเชื่อเราแค่ไหน
เราจึงหนีไม่พ้นที่จะต้องไล่ล่าตามติดกระแสสังคมปัจจุบัน
เราจึงหงุดหงิด
“ล่วงหน้า” คิดไปว่า คนอื่นไม่เป็นไปอย่างที่เราคิดเราต้องการ
แล้วเกิดความกระวนกระวายเพราะว่าเราไล่ล่ามันไม่ทัน
แทนที่จะเอาชีวิต จิตใจ
และจิตวิญญาณใกล้ชิดติดสนิทกับพระเจ้า
แล้วแสวงหาว่าพระเจ้ามีพระประสงค์จะกระทำพระราชกิจอะไรในชีวิตของเรา ผ่านชีวิตของเรา
แสวงหาว่า พระเจ้าทรงห่วงใยเพื่อนบ้าน เพื่อนรอบข้างอย่างไร
แล้วเราจะเข้าร่วมในพระราชกิจของพระองค์ดังกล่าวได้อย่างไร
พระเยซูคริสต์กล่าวเตือนเราวันนี้ว่า...
เพราะฉะนั้น อย่ากระวนกระวายถึงวันพรุ่งนี้
เพราะว่าพรุ่งนี้ก็มีเรื่องกระวนกระวายของมันเอง
แต่ละวันก็มีทุกข์พออยู่แล้ว (มัทธิว 6:34 ฉบับมาตรฐาน)
พระเยซูคริสต์ชี้นำทางเดินสำหรับเราในวันนี้ว่า...
แต่พวกท่านจงแสวงหาแผ่นดินของพระเจ้า
และ ความชอบธรรมของพระองค์ก่อน
แล้วพระองค์จะทรงเพิ่มเติมสิ่งทั้งปวงนี้ให้
(ข้อ 33)
เพราะพระบิดาของพวกท่านผู้สถิตในสวรรค์ทรงทราบแล้วว่า
ท่านต้องการสิ่งทั้งปวงนี้(ข้อ 32)
โปรดตระหนักรู้ว่า พระคุณของพระเจ้าที่ทรงประทานให้แก่เรา
เป็นพระคุณสำหรับวันนี้ แล้วก็จะส่งผลกระทบไปถึงพรุ่งนี้
แล้วเราจะวิตกกังวลไปทำไม?
พระเยซูทรงถามคำถามที่แสบๆ
คันๆ ในเรื่องนี้ว่า...
มีใครในพวกท่านที่โดยความกระวนกระวาย
สามารถต่ออายุของตนให้ยาวนานขึ้นอีกนิดหนึ่งได้? (ข้อ 27)
แน่นอนเลยครับ ด้วยความวิตกกังวลของวันนี้ไม่สามารถลดหย่อนความทุกข์ของพรุ่งนี้ได้
แต่ตรงกันข้าม
ความวิตกกังวลกลับดูดกลืนพลังชีวิตในวันนี้ของเราให้ลดน้อยถอยลงจนเหือดแห้ง
พอถึงพรุ่งนี้ที่เราต้องเผชิญหน้า ชีวิตเราหมดสภาพที่จะรับมือวันพรุ่งนี้
เพราะชีวิตของเราตกในสภาพอ่อนระโหยโรยแรง เป็นเหมือนผู้ป่วยในห้องฉุกเฉินที่หายใจ “พะงาบ”
เพราะเราใช้พลังชีวิตล่วงหน้า เราเอาพลังวันนี้ไปใช้เมื่อวานนี้แล้ว!
อย่าหลงผิดคิดพลาดนะครับ
การวิตกกังวลมิได้ทำให้เรามีความพร้อมสำหรับอนาคต
แต่กลับทำให้ชีวิตของเราในอนาคตพร่องขาดโดยการไม่รู้เท่าทันของเราต่างหาก
ความวิตกกังวล
เป็นตัวตนที่เป็นรูปธรรมของอำนาจแห่งความบาปลักษณะหนึ่ง
ที่มาพร้อมกับพลานุภาพแห่งการทำร้ายและทำลายในทุกรูปแบบ รวมถึงชีวิตของเราทั้งสิ้น
มันมาด้วยความมุ่งร้ายทำลายทั้งความคิด
ความตั้งใจ การตัดสินใจ ร่างกาย ความสัมพันธ์และจิตวิญญาณของเรา
และที่ร้ายกว่านั้น
ความวิตกกังวลคืออำนาจชั่วที่มุ่งบีบรัดเมล็ดแห่งพระวจนะที่ตกลงในชีวิตของเรามิให้งอกได้
เมื่อเมล็ดพระวจนะไม่งอก ก็จะไม่มีต้นพระวจนะ พระวจนะก็จะไม่เกิดดอกออกผลในชีวิตของเรา
ชีวิตประจำวันของเราจึงมิได้รับพลังชีวิตจากพระวจนะของพระเจ้า
นี่เอง
ที่เราอ่อนเปลี้ยเพลียแรง
หมดสภาพที่จะรับมือกับชีวิตที่เรามีอยู่
พระเยซูคริสต์ชี้ชัดประเด็นนี้ผ่านคำสอนโดยอุปมาเรื่องการหว่านพืชของพระองค์
(มาระโก 4:13-20)
พระองค์กล่าวถึงความวิตกกังวลและฤทธิ์ชั่วของมันว่า...
“ส่วนพืชที่หว่านลงกลางหนามนั้น ได้แก่คนที่ได้ยินพระวจนะ
แล้วความกังวลของโลก
และความลุ่มหลงในทรัพย์สมบัติ
และความโลภในสิ่งต่างๆ ประดังเข้ามา
และรัดพระวจนะนั้นจึงไม่เกิดผล”
(ข้อ 8-19)
สุดท้ายนี้โปรดสังเกตว่า พระเยซูคริสต์ทรงชี้ให้เห็นชัดเจนว่า
ความกังวลนั้นเป็นผลของอำนาจแห่งความบาป
ความวิตกกังวลมิได้เกิดขึ้นเองโดดๆ แต่มันเกิดจาก “ความลุ่มหลง” “ความโลภ”
และการยอมตนติดตามตามกระแสโลก
การยอมตนอยู่ใต้อำนาจของความบาปทุกรูปแบบย่อมนำมาซึ่งความวิตกกังวล
ผู้เขียนสุภาษิตกล่าวจากประสบการณ์ชีวิตของท่านว่า
“มีทรัพย์น้อยแต่มีความยำเกรงพระยาเวห์
ก็ดีกว่ามีทรัพย์มากแต่มีความวิตกกังวลอยู่ด้วย”
(สุภาษิต 15:16 ฉบับมาตรฐาน)
“มีเล็กน้อยพร้อมกับมีความชอบธรรม ก็ดีกว่ามีรายได้มากพร้อมกับความอยุติธรรม”
(สุภาษิต 16:8 ฉบับมาตรฐาน)
ประสิทธิ์
แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย สันทราย
เชียงใหม่
E-mail:
prasit.barnabus@gmail.com
081-2894499
แล้วเราจะกังวลไปทำไม?
ส่วนมากเรื่องที่เรากังวล เป็นเรื่องที่ไม่จำเป็นที่จะต้องไปกังวล!
ถึงแม้ว่าในการค้นหาถึงปัญหาต่างๆ ทำให้เราเกิดความเครียด
แต่พวกเราส่วนมากแล้วจะวิตกกังวลมากมายหลายเรื่องที่ไม่จำเป็นจะต้องไปกังวลกับมัน จากผลการสำรวจวิจัยพบความน่าประหลาดคือ หลายๆ เรื่องที่เรากังวลไม่มีความสำคัญจำเป็นอะไรเลยที่จะต้องไปกังวล ลองมาดูผลการสำรวจวิจัยดังกล่าว
- 40% ของเรื่องที่เราวิตกกังวลทั้งหมดจะไม่เกิดขึ้นเป็นจริง
- 30% ของเรื่องที่เราวิตกกังวลทั้งหมดเป็นเรื่องในอดีตที่เราไม่สามารถไปเปลี่ยนแปลงอะไรแล้ว
- 12% ของความวิตกกังวลเกิดขึ้นจากคำวิพากษ์วิจารณ์เพราะผู้วิพากษ์รู้สึกว่าตนด้อยกว่า
- 10% ของความวิตกกังวลเกี่ยวกับสุขภาพของเราที่กำลังเสื่อมทรุดลง
- 8% ที่เราวิตกกังวลที่มีเหตุมีผลอันควรและความสำคัญจำเป็นที่จะต้องห่วงใยเอาใจใส่
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น