24 เมษายน 2556

ใครขโมยความรักจากผู้นำ?


“แต่ความรักนั้นใหญ่ที่สุด...” (1โครินธ์ 13:13)

ทำไมหลายคนในพวกเราที่ล้มเหลวและเพลี่ยงพล้ำในความรักเมตตา   ทั้งๆ ที่บ่อยครั้งเราสามารถที่จะรักและเมตตาได้   เหตุผลประการหนึ่งคือ  เราได้บ่มเพาะมุมมองทัศนคติ และ การกระทำของเราที่ขัดขวางยับยั้งความสามารถของเราที่จะรักและเมตตา   เฉกเช่นเศษไขมันที่ก่อตัวจนใหญ่พอที่จะเกิดการอุดตันในเส้นเลือด  ขวางการไหลเวียนของกระแสเลือด   เช่นเดียวกัน ในชีวิตของเราสามารถที่จะสะสมก่อตัว “ก้อนอุดตัน” ในชีวิตของเรา   จนกลายเป็นตัวขัดขวางอุดตันกระแสความรักของพระเจ้าที่ไหลเวียนทำงานในชีวิตของเรา

อะไรคือตัวยับยั้งและอุดตันความรักเมตตาในชีวิตของเรา?   เราสามารถหาพบได้ในข้อเขียนของเปาโลว่าด้วยเรื่องความรักเมตตา (1 โครินธ์ บทที่ 13)   ในข้อเขียนดังกล่าวเราพบทั้งคุณภาพแห่งความรักเมตตา  และ  ตัวยับยั้งกีดขวางกระแสแห่งความรักเมตตา

ความรักในพระวจนะ:  ความรักนั้นอดทนนาน
อุปสรรคขัดขวางความรัก:  ขาดความอดทน  ใจร้อน หุนหันพลันแล่น

การขาดความอดทน ใจร้อน หุนหันพลันแล่น เป็นลักษณะของคนที่เอาแต่ใจตนเอง  เรื่องในชีวิตของตนเป็นเรื่องที่สำคัญเหนือกว่าใครอื่นใด   คนจำพวกนี้ให้ความสนใจเอาใจใส่คนอื่นเพียงน้อยนิดหรือไม่ให้ความสนใจเลย   คนที่ขาดความอดทนมักต้องการให้คนอื่นเอาใจตน   แล้วจะไม่สนใจคนอื่นเลยถ้าคนอื่นมิได้ตอบสนองความต้องการความรู้สึกของตน   คำภาษากรีกของคำว่า “อดทน” ที่เปาโลใช้ในที่นี้หมายถึงคนที่ถูกคนอื่นทำสิ่งที่ผิดหรือไม่ดี  และคนๆ นั้นมีอำนาจในการแก้แค้นแต่เขากลับไม่ทำ   สำหรับ “การขาดความอดทน” คือคนที่แสวงหาทางที่จะแก้แค้น   ที่คนมีความอดทนจะไม่ทำเช่นนั้น

ลองให้คะแนนตนเอง  ให้วงกลมรอบหมายเลขที่ใกล้เคียงความจริงของท่านมากที่สุด (ถ้าคะแนนเต็ม 5)

ฉันมีความอดทน           น้อยที่สุด 0         1          2          3          4          5 มากที่สุด
ฉันขาดความอดทน       น้อยที่สุด 0         1          2          3          4          5 มากที่สุด

ความรักในพระวจนะ:  มีใจปรานี
อุปสรรคขัดขวางความรัก:  จิตใจที่ไร้ความปรานี

บางท่านบอกว่าการมีใจปรานีเป็นลักษณะของความอ่อนแอ  ดังนั้น เขาจึงคิดว่า  ไม่มีใครที่จะมีอำนาจเข้มแข็งด้วยการมีใจที่ปรานี   คนที่มองตนเองว่ากำลังต้องแข่งขันกับคนอื่นรอบข้างเสมอมักเป็นคนที่ไร้ความปรานี(เพราะต้องเอาชนะคนอื่นให้ได้)   ความรู้สึกว่าตนเองต่ำกว่าด้อยกว่าผู้อื่นที่ซ่อนเร้นในผู้ใดก็จะเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดจิตใจที่ไร้ความปรานี   ตรงกันข้าม  คนที่มีความรักเมตตาย่อมพร้อมที่จะยอมรับและหนุนเสริมชีวิตของคนอื่นรอบข้าง

ลองให้คะแนนตนเอง  ให้วงกลมรอบหมายเลขที่ใกล้เคียงความจริงของท่านมากที่สุด (ถ้าคะแนนเต็ม 5)

ฉันมีใจปรานี                น้อยที่สุด   0      1      2       3       4       5 มากที่สุด
ฉันมีใจไร้ความปรานี    น้อยที่สุด  0      1       2       3       4      5 มากที่สุด

ความรักในพระวจนะ:  ไว้วางใจผู้อื่น
อุปสรรคขัดขวางความรัก:  ความอิจฉา

ผู้ที่มีความรักเมตตาย่อมห่วงหาอาทรเอาใจใส่ผู้อื่น   เมื่อความรักเมตตาเติบโตขึ้น  คนที่รักและได้รับความรักก็เติบโตขึ้นเช่นกัน   แต่บ่อยครั้งที่เราไม่ทันรู้เท่าทันว่า ความรักเมตตาอาจจะแคระแกร็นได้   ถ้าคนๆ นั้นแทนที่จะมีความไว้วางใจและเอาใจใส่คนอื่นแต่กลับเป็นความอิจฉา   ต้องการอยู่เหนือหรือมีความสำคัญกว่าคนอื่น     ความอิจฉาเป็นสิ่งที่อยู่เหนือการควบคุมของเรามันเติบโตขึ้นเฉกเช่นมะเร็งที่โตวันโตคืนตลอดเวลาโดยร่างกายไม่สามารถควบคุมเลย   ความอิจฉาต้องการที่จะเป็นเจ้าของอย่างสิ้นเชิง  ต้องการมีสิทธิเฉพาะเหนือคนอื่น   อารมณ์ความรู้สึกเช่นนี้มีพลังอำนาจที่จะครอบงำและทำลายความสัมพันธ์ที่ดีๆ และความรู้สึกมั่นคงลงเสีย  และยังจะทำลายคนที่มีเหตุมีผลอีกด้วย

ลองให้คะแนนตนเอง  ให้วงกลมรอบหมายเลขที่ใกล้เคียงความจริงของท่านมากที่สุด (ถ้าคะแนนเต็ม 5)

ฉันมีความไว้วางใจคนอื่น   น้อยที่สุด   0      1      2      3      4      5 มากที่สุด
ฉันมีใจที่อิจฉา                    น้อยที่สุด   0      1      2      3      4      5 มากที่สุด

ความรักในพระวจนะ:  ถ่อมสุภาพ
อุปสรรคขัดขวางความรัก:  อวดตัว หยิ่งผยอง

อุปสรรคที่ขัดขวางความรักในประการนี้คือ การอวดตัว  หยาบคาย  หยิ่งผยอง  คุยโม้โอ้อวด  ชื่นชมในความสำคัญของตนเอง   เป็นคนที่อวดตัวคือคนที่ทำเป็นให้ความรักเพื่อที่จะรับ  รับการยกย่อง  นับหน้าถือตาจากคนอื่น  แต่ทั้งนี้เป็นการกระทำที่ยกตนข่มท่าน  ยกตนเองขึ้นให้สำคัญเหนือคนอื่น

ลองให้คะแนนตนเอง  ให้วงกลมรอบหมายเลขที่ใกล้เคียงความจริงของท่านมากที่สุด (ถ้าคะแนนเต็ม 5)

ส่วนมากฉันถ่อมสุภาพ       น้อยที่สุด   0      1       2       3       4       5 มากที่สุด
ส่วนมากฉันอวดตัว หยิ่ง     น้อยที่สุด   0      1       2       3       4       5 มากที่สุด

ความรักในพระวจนะ:  ใจกว้างขวาง  เอื้อเฟื้อ  อารี
อุปสรรคขัดขวางความรัก:  เห็นแก่ตัว

อุปสรรคประการสำคัญที่ขัดขวางความรักเมตตาที่เรายากที่จะเอาชนะได้คือ ความเห็นแก่ตัว   การกระทำที่เกิดจากแรงกระตุ้นผลักดันจากความเห็นแก่ตัวแตกต่างอย่างสิ้นเชิงหรืออยู่คนละขั้วกับการกระทำที่ได้รับแรงกระตุ้นผลักดันจากความรักเมตตา   พระเยซูคริสต์ทรงรู้ดีถึงพิษสงค์ของการเห็นแก่ตัว  พระองค์กล่าวว่า “เราบอกความจริงกับพวกท่านว่า ถ้าเมล็ดข้าวไม่ได้ตกลงดินและตายไป  ก็จะคงอยู่เมล็ดเดียว  แต่ถ้าตายไปแล้วก็จะงอกขึ้นเกิดผลเป็นอันมาก” (ยอห์น 12:24)   ความเห็นแก่ตัวจะมุ่งแต่เสาะหาเพื่อตนเอง  ไม่ยอมที่จะต้องสูญเสียตนเอง   พูดง่ายๆ ถ้าเป็นเมล็ดข้าวก็ไม่ยอมที่จะให้ตนเองต้องตกลงในดิน เปื่อยเน่า และตาย   แสวงหาทุกหนทางที่จะรักษาตนเองไว้   แต่ความรักเมตตาแสวงหาแนวทางเพื่อคนอื่น   เพื่อประโยชน์สุขของผู้อื่น   เพื่อผู้อื่นจะได้มีชีวิตอยู่   ถ้าเป็นเมล็ดข้าวก็ยอมเน่า เปื่อย และตาย   เพื่อที่จะได้เกิดต้นข้าวต้นใหม่ๆ ที่จะเกิดผลเป็นอันมาก

ลองให้คะแนนตนเอง  ให้วงกลมรอบหมายเลขที่ใกล้เคียงความจริงของท่านมากที่สุด (ถ้าคะแนนเต็ม 5)

ส่วนมากฉันมีใจกว้างขวาง     น้อยที่สุด   0      1       2       3       4       5 มากที่สุด
ส่วนมากฉันเห็นแก่ตัว             น้อยที่สุด   0      1       2       3       4       5 มากที่สุด

ความรักในพระวจนะ:  ไม่ฉุนเฉียวโกรธง่าย  ช้าในการโกรธ
อุปสรรคขัดขวางความรัก:  ฉุนเฉียว  โกรธง่าย  ขี้โมโห

พระคริสต์เคยตรัสถึงคนที่ไวในการโกรธว่า  “แต่เราบอกพวกท่านว่า  ใครโกรธพี่น้องของตน  คนนั้นจะต้องถูกพิพากษา   ถ้าใครพูดกับพี่น้องอย่างเหยียดหยามคนนั้นจะต้องถูกนำไปยังศาลสูงให้พิพากษา   และถ้าใครพูดว่า “อ้ายโฉด” คนนั้นจะมีโทษถึงไฟนรก” (มัทธิว 5:22)   ยากอบเตือนคริสตชนไว้ว่า  “พี่น้องที่รักของข้าพเจ้า  จงเข้าใจเรื่องนี้  คือให้ทุกคนไวในการฟัง  ช้าในการพูด  ช้าในการโกรธ” (1:19)

ลองให้คะแนนตนเอง  ให้วงกลมรอบหมายเลขที่ใกล้เคียงความจริงของท่านมากที่สุด (ถ้าคะแนนเต็ม 5)

ส่วนมากฉันช้าในการโกรธ         น้อยที่สุด   0      1       2       3       4       5 มากที่สุด
ส่วนมากฉันฉุนเฉียวโกรธง่าย     น้อยที่สุด   0      1       2       3       4       5 มากที่สุด

ความรักในพระวจนะ:  ยอมยกโทษ
อุปสรรคขัดขวางความรัก:  ช่างจดจำความผิด  แค้นเคือง  แค้นที่รอเวลาชำระ

ความแค้นเคือง ไม่พอใจเป็นการสะสมของความขุ่นเคือง หงุดหงิดในอดีตที่ปะทุขึ้นในปัจจุบัน  คำว่า “ช่างจดจำความผิด”  ที่เปาโลใช้ในที่นี้เป็นภาษาทางการบัญชีที่บันทึกตัวเลขไว้เพื่อไม่ให้ลืม   และนี่คือพฤติกรรมที่หลายต่อหลายคนได้ทำเช่นนั้น   และการจดจำความผิด  ความแค้นที่คนอื่นทำกับตนแบบไม่ให้ลืมเช่นนี้เป็นอุปสรรคใหญ่ขวางทางความรักเมตตา   “ฉันพร้อมที่จะยกโทษ  แต่ฉันไม่สามารถที่จะลืมได้”  เป็นการยกโทษที่จอมปลอม   การไม่ยอมยกโทษเป็นการมองไปที่อดีตมิใช่การมุ่งมองไปยังอนาคต   ความรักเมตตาเป็นพลังปลดปล่อยความจำที่ยึดเกาะที่ความทุกข์ในความผิดที่คนอื่นกระทำกับตนหรือความผิดที่สร้างความเจ็บปวดแก่ตน

ลองให้คะแนนตนเอง  ให้วงกลมรอบหมายเลขที่ใกล้เคียงความจริงของท่านมากที่สุด (ถ้าคะแนนเต็ม 5)

ส่วนมากฉันยอมยกโทษ        น้อยที่สุด   0      1       2       3       4       5 มากที่สุด
ส่วนมากฉันจดจำความผิด     น้อยที่สุด   0      1       2       3       4       5 มากที่สุด

ความรักในพระวจนะ:  เกลียดชังความชั่วอธรรม  ชื่นชมยินดีในสัจจะความจริง
อุปสรรคขัดขวางความรัก:  ชื่นชมยินดีในความชั่วอธรรม

เมื่อเปาโลกล่าวว่า ความรักนั้นไม่ชื่นชมยินดี(เกลียด)ในความอธรรม หมายความว่าอะไรกันแน่?     ในการรักความชั่วหรือความอธรรมไม่จำเป็นว่าจะต้องกระทำความชั่วหรืออธรรมเสมอไป   แต่หมายถึงการที่มีเจตนาร้าย  หรือพอใจที่ได้ยินได้ฟังการกล่าวร้ายป้ายสีผู้อื่น  น่าแปลกใจว่า คนที่พยายามทำตนให้เป็นผู้มีจริยธรรมสูงส่งมักเป็นคนที่ชื่นชอบในความชั่วอธรรมมากที่สุด   ในการที่เขาพยายามที่จะมีชีวิตที่ละเว้นจากกระแสโลก   พวกเขากล่าวร้ายคนอื่นที่ไม่ทำอย่างเขา   พวกเขาสะใจที่เห็นคนอื่นผิดพลาดสะดุดล้มเพราะยอมประนีประนอมกับวิถีทางโลก   แล้วคนหน้าซื่อใจคดพวกนี้ตั้งหน้าตั้งตาที่จะตัดสินพิพากษาคนเหล่านั้นเมื่อได้โอกาส   ข่าวดีหรือพระกิตติคุณของคนพวกนี้เริ่มต้นด้วยการตัดสินกล่าวร้าย   มุ่งเน้นที่การพิพากษา  แล้วจบสิ้นด้วยการแตกแยก   ดูเหมือนว่าข่าวดีหรือพระกิตติคุณของพวกนี้มองหาไม่พบความรักเมตตา  

ลองให้คะแนนตนเอง  ให้วงกลมรอบหมายเลขที่ใกล้เคียงความจริงของท่านมากที่สุด (ถ้าคะแนนเต็ม 5)

ส่วนมากฉันชื่นชมยินดีในความจริง   น้อยที่สุด   0    1     2      3     4    5 มากที่สุด
ส่วนมากฉันชื่นชมในความชั่วอธรรม น้อยที่สุด   0    1     2      3     4    5 มากที่สุด

ความรักในพระวจนะ:  ความรักไม่มีวันเสื่อมสูญ  มีความทรหดมั่นคง
อุปสรรคขัดขวางความรัก:  มีความทรหดอดทนที่จำกัด

ความรักที่จอมปลอมมีความทรหดอดทนที่จำกัด   เมื่อเกิดความทุกข์ลำบากทุกอย่างก็แตกหัก   เป็นเหมือนเขื่อนที่มีการแตกร้าว  เริ่มสูญเสียความแข็งแรง   เริ่มมีน้ำไหลซึมออกจากรอยร้าวนั้น   จนขยายรอยกว้างและกลายเป็นรอยแยกที่น้ำทะลักไหลล้นออกมา   ความรักที่แท้จริงนั้นไม่มีการเสื่อมสลาย   แต่เป็นเหมือนเขื่อนที่แข็งแรงมั่นคงที่สามารถรองรับแรงดันของน้ำมหาศาล   ความรักจะไม่สบประมาท เหยียดหยามดูหมิ่นคนอื่น  ความรักจะไม่ประทุษร้าย ทำร้ายให้ใครบาดเจ็บ   ความรักเมตตาจะไม่มีวันสิ้นหวัง   แต่ความรักจะยืนมั่นเข้มแข็ง

ลองให้คะแนนตนเอง  ให้วงกลมรอบหมายเลขที่ใกล้เคียงความจริงของท่านมากที่สุด (ถ้าคะแนนเต็ม 5)

ส่วนมากฉันมีความทรหดมั่นคง      น้อยที่สุด   0   1     2    3    4    5 มากที่สุด
ส่วนมากฉันมีความอดทนที่จำกัด   น้อยที่สุด   0   1     2    3    4    5 มากที่สุด

เมื่อเราได้แยกแยะค้นพบอุปสรรคที่ขัดขวางความรักในตัวเรา โดยเฉพาะผู้นำคริสตชนแล้ว   หนทางที่จะแก้ไขเติมเต็มสภาพชีวิตที่ขาดความรักเมตตา หรือ มีอุปสรรคที่ขัดขวางยับยั้งความรักเมตตาในชีวิตของเรา  มีเพียงทางเดียวคือ   ให้เราเติมเต็มชีวิตของเราด้วยความรักเมตตา   เพื่อเราจะเป็นคนที่ชุมช่ำด้วยความรักเมตตาและเป็นผู้นำที่เปี่ยมด้วยความรักเมตตาที่พระเจ้าทรงประสงค์  “จงดำเนินในวิถีแห่งความรัก...” (1โครินธ์ 14:1 อมตธรรม)

การที่จะให้ตัวขัดขวางความรักเมตตาในชีวิตของเรามลายหายสูญไปจากชีวิตของเราได้นั้นมีเพียงหนทางเดียวคือ  ให้เราเติมเพิ่มความรักเมตตาของพระคริสต์ลงในชีวิตของเรา   เฉกการเติมน้ำลงในแก้วน้ำ   ที่ทำให้ที่ว่างในแก้วน้ำลดน้อยลงไป   แต่มีน้ำที่เพิ่มมากขึ้นจนเต็มแก้ว และล้นออกนอกแก้วในที่สุด

การขจัดอุปสรรคที่ขัดขวางความรักเมตตาในชีวิตของเรา  มิใช่ขัดขวาง ทำลายอุปสรรค

แต่เติมเต็มชีวิตของเราด้วยความรักเมตตาของพระคริสต์ต่างหาก   ที่ตัวขจัดสิ่งเหล่านั้นจะออกไปจากชีวิตของเรา

ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย  สันทราย  เชียงใหม่
E-mail: prasit.barnabus@gmail.com
081-2894499

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น