อ่าน
เอเฟซัส 4:11-16
11...พระองค์เองประทานให้บางคนเป็นอัครทูต
บางคนเป็นผู้เผยพระวจนะ
บางคนเป็นผู้ประกาศข่าวประเสริฐ
บางคนเป็นศิษยาภิบาลและอาจารย์
12 เพื่อเตรียมธรรมิกชน(ประชากรของพระเจ้า) สำหรับการปรนนิบัติ(พันธกิจการรับใช้)
และ การเสริมสร้างพระกายของพระคริสต์
13 จนกว่าเราทุกคนจะบรรลุถึงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันในความเชื่อ และ
ในความรู้ถึงพระบุตรของพระเจ้า
จนกว่าเราจะโตเป็นผู้ใหญ่เต็มที่
คือเต็มถึงขนาดความไพบูลย์ของพระคริสต์
14 เพื่อเราจะไม่เป็นเด็กอีกต่อไป
ถูกซัดไปซัดมาและพัดไปพัดมาด้วยลมคำสั่งสอนทุกอย่าง
ด้วยเล่ห์กลของมนุษย์
ตามอุบายที่ฉลาดในการล่อลวง
15 แต่ให้เรายึดถือความจริงด้วยความรัก
เพื่อจะเจริญขึ้นในทุกด้านสู่พระองค์ผู้เป็นศีรษะคือพระคริสต์
16 เนื่องจากพระองค์นี้เอง
ร่างกายทั้งหมดจึงได้รับการเชื่อมและประสานเข้าด้วยกันโดยทุกๆ
ข้อต่อที่ประทานมานั้น
และเมื่อแต่ละส่วนทำงานตามหน้าที่แล้ว
ก็ทำให้ร่างกายเจริญและเสริมสร้างตนเองขึ้น
(เอเฟซัส 4:11-16 มตฐ.)
ท่านเคยมีประสบการณ์ตอนที่เป็นเด็ก ว่าต้องการเติบโตเป็นผู้ใหญ่ เพื่อเราจะทำอย่างโน่นได้ ทำอย่างนี้ได้ จะกินบางสิ่งบางอย่างที่อยากจะกินได้
หรือจะสามารถตัดสินใจไปไหนมาไหนด้วยตนเองได้ แต่เมื่อโตขึ้นหลายคนกลับไม่ต้องการที่จะเป็น
“ผู้ใหญ่” เพราะต้องมีความรับผิดชอบมากมายเหลือเกิน รู้สึกว่าขาดผู้คนที่จะมาเอาใจใส่ ดูแล
และคอยช่วยเหลือ อย่างที่ตอนที่ตนเองเป็นเด็ก แต่เมื่อเป็นผู้ใหญ่แล้วกลับต้องรับผิดชอบห่วงใย
เอาใจใส่คนอื่นรอบข้าง
เราไม่อยากเป็นผู้ใหญ่!
เราไม่อยากโตเป็นผู้ใหญ่ เพราะเราไม่ต้องการที่จะรับผิดชอบ แต่เราต้องการจะทำตามใจชอบมากกว่า
เปาโลกล่าวหนุนเสริมให้กำลังใจแก่ผู้อ่านจดหมายของท่านในตอนนี้ให้
“เติบโตเป็นผู้ใหญ่” ของพระคริสต์
ซึ่งเป็นการเติบโตขึ้นเป็นสาวกที่มีชีวิตเหมือนพระเยซูคริสต์มากยิ่งขึ้นทุกวัน
เปาโลต้องการให้เราเติบโตเป็นผู้ใหญ่
- เพื่อเสริมสร้างพระกายของพระคริสต์(คือชุมชนคริสตจักร)ขึ้น
- เพื่อเราจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ถึงขนาดความไพบูลย์ของพระคริสต์
- เพื่อเราจะไม่เป็นเด็กอีกต่อไป
- เพื่อเราจะจำเริญขึ้นในทุกด้านสู่พระคริสต์ผู้ทรงเป็นศีรษะแห่งพระกาย(คือคริสตจักร)
- เพื่อทั้งร่างกายจะเชื่อมและประสานเข้าด้วยกัน...เติบโต..และเสริมสร้างขึ้นในความรัก (อมต.)
เปาโลคาดหวังให้คริสตชนต้องเติบโตขึ้นในความเชื่อศรัทธา โดยการยอมรับพระคุณของพระคริสต์
ที่จะช่วยให้ตนเติบโตขึ้นตลอดชีวิต
ซึ่งเป็นแผนการของพระคริสต์สำหรับชีวิตของเราแต่ละคน แต่ก็น่าสังเกตว่าคริสตชนหลายต่อหลายคนเลือกที่จะเป็นเด็กต่อไปในความเชื่อ ไม่ต้องการเติบโต ไม่ต้องทำตามพระประสงค์ แต่อยากเป็นเด็กในความเชื่อที่สามารถทำตามใจตนเองได้ การเป็นคริสตชนที่เชื่อแบบเด็ก (เบๆ) เช่น
คิดและเชื่อแค่ว่าถ้าเป็นคริสตชนเมื่อตายไปแล้วจะได้ไปอยู่สวรรค์ เพราะเขาไม่คิดที่จะมีชีวิตคริสตชนที่เป็นประชากรแห่งแผ่นดินของพระเจ้า ตั้งแต่วันนี้และตลอดไป
คริสตชนที่ความเชื่อแบบเด็กๆ เขาต้องการความเชื่อสำเร็จรูป(ความเชื่อแบบ
“มาม่า ไวไว”)
คือเชื่อวันนี้เพื่อไปสวรรค์เมื่อตายไปแล้ว เขาไม่ต้องการความเชื่อที่เติบโตเป็นผู้ใหญ่ในพระคริสต์ ที่ต้องรับการเปลี่ยนแปลง และ
เสริมสร้างจากพระคริสต์ให้เป็นชีวิตใหม่ในพระองค์ และดำเนินชีวิตที่รับผิดชอบต่อพระประสงค์ของพระเจ้าตามที่ทรงสร้างเขาขึ้นใหม่ ตั้งแต่วันนี้
และในแต่ละวันไปตลอดชีวิต
เขาไม่ต้องการให้พระคริสต์มาแทรกแซงความคิด
ความต้องการ จิตใจ และชีวิตของเขา เพราะเขารู้สึกว่า ชีวิตทุกวันนี้มันก็ยุ่งยากวุ่นวายมากพออยู่แล้ว
คงไม่มีเวลาที่จะไปคิดเอาใจใส่ชีวิตคริสเตียนที่จะต้องเติบโตขึ้นทุกวัน
ไม่ว่าคริสตชนคนนั้นจะมีความคิด
ความเชื่อแบบใด ที่ขวางกั้นไม่ให้เราเรียนรู้ที่จะมีชีวิตคริสตชนที่เติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ในพระคริสต์ในแต่ละวัน แต่เราไม่มีทางเลือก ทางเลี่ยง หรือทางเบี่ยงอื่นใด
ที่จะเลือกหรือหลบหลีกได้
ถ้าเป็นคริสตชนชีวิตต้องเติบโตขึ้นสู่ความเป็นผู้ใหญ่ในพระคริสต์ครับ!
ประเด็นสำหรับการใคร่ครวญ
1. ในชีวิตคริสตชนของท่าน
ท่านเคยคิดอยากจะเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ในพระคริสต์หรือไม่?
2. ถ้าท่านจะพิจารณาชีวิตคริสตชนในปัจจุบันของท่านอย่างรอบคอบและใจเป็นกลาง ชีวิตคริสตชนของท่านเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ในพระคริสต์หรือไม่?
(เมื่อเปรียบเทียบกับเมื่อปีก่อน)
3. ในวันนี้ท่านมีชีวิตที่เติบโตขึ้นในพระคริสต์มากกว่าห้าปีก่อนหรือไม่? อย่างไร?
อะไรที่ทำให้เกิดการเติบโตขึ้นในพระคริสต์?
ประสิทธิ์
แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย สันทราย
เชียงใหม่
E-mail:
prasit.barnabus@gmail.com
081-2894499