04 พฤศจิกายน 2556

เรียนรู้จากความล้มเหลว

ลูกา 22:31-34

33 ฝ่าย​...(เปโตร)​จึง​ทูล​พระ​องค์​ว่า
 “​พระ​องค์​เจ้า​ข้า ข้า​พระ​องค์​พร้อม​แล้ว​ที่​จะ​ไป​กับ​พระ​องค์ ถึง​จะต้อง​ติด​คุก​หรือ​ถึง​ความ​ตาย​ก็​ดี
34 ​พระ​องค์​ตรัส​ว่า “​เปโตร​เอ๋ย เรา​จะ​บอก​ท่าน​วันนี้​ก่อน​ไก่​ขัน ท่าน​จะ​ปฏิเสธ​ว่า​ไม่​รู้จัก​เรา​ถึง​สาม​ครั้ง
32 แต่​เรา(พระเยซูคริสต์)​ได้​อธิษฐาน​เผื่อ​ตัว​ท่าน(เปโตร)   เพื่อ​ความ​เชื่อ​ของ​ท่าน​จะ​ไม่ได้​ขาด และ​เมื่อ​ท่าน​ได้​หัน​กลับ​แล้ว จง​ชู​กำลัง​พี่​น้อง​ทั้ง​หลาย​ของ​ท่าน  (ลูกา 22:33-34, 32 มตฐ.)

เปโตรเป็นสาวกที่แสดงออกถึงความเชื่อและความกล้าหาญที่ยิ่งใหญ่   แต่เราท่านที่ได้อ่านพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่ต่างก็รู้ว่า   ลักษณะที่ปากไวใจถึงทำให้เขาต้องทำให้เขาต้องเสียหน้าอับอาย   ที่เปโตร ปากไวใจถึงจนทำให้เขาเสียคนมากกว่าที่จะมีภาพลักษณะของ “ผู้รับใช้ที่สัตย์ซื่อและเชื่อฟัง”

เมื่อผลที่เกิดขึ้นไม่ได้เป็นไปอย่างที่คาดหวัง   เมื่อเราต้องพ่ายแพ้ต่อการทดลอง หรือ กบฏต่อพระราชอำนาจขององค์พระผู้เป็นเจ้า   เราจะยอมปล่อยให้อำนาจชั่วร้ายใช้ความพ่ายแพ้ของเราลากชีวิตของเราให้พรากไปจากพระเจ้าหรือ   ความจริงที่คริสตชนจะต้องเชื่อและตระหนักชัดเจนว่า   ในเวลาที่ชีวิตพ่ายแพ้นั้น   พระเจ้าทรงอยู่ใกล้ชิดเรา   พระองค์ทรงเปิดโอกาส   พระองค์ทรงพร้อมที่จะเริ่มต้นกับเราใหม่   พระองค์พร้อมที่จะเสริมสร้าง และ ฝึกฝนชีวิตใหม่แก่เรา

สำหรับชีวิตคริสตชนแล้วต้องจำไว้เสมอว่า  ยิ่งชีวิตพ่ายแพ้ ล้มเหลว  ชีวิตไม่ได้เป็นไปอย่างที่ตนคาดหวัง   คริสตชนยิ่งจะต้องใกล้ชิดสนิทพระเจ้า   เกาะยึดพระองค์ไว้แน่น   เพราะการเชื่อฟังพระเจ้าเป็นกระบวนการเรียนรู้  และความล้มเหลวที่เราประสบเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาให้เราเป็นผู้รับใช้ที่ถ่อมลง    

การล้มเหลวเป็นเครื่องมือหนึ่งที่พระเจ้าจะทรงช่วยให้เราเกิดการเรียนรู้ และ พัฒนา เปลี่ยนแปลงชีวิตของเราขึ้นใหม่   การที่ชีวิตได้รับการเปลี่ยนแปลง พัฒนา และจนเกิดผลได้เพราะ ชีวิตของเราต้องติดสนิทกับพระเจ้า   ชีวิตที่พ่ายแพ้เหี่ยวเฉาที่เกิดขึ้นเพราะเรา เป็นเหมือนกิ่งที่ “ขาดน้ำเลี้ยง” จากต้น   ที่ขาดน้ำเลี้ยงเพราะกิ่งนั้นถูกทำให้หักฉีกขาดจากลำต้น   สำหรับคริสตชนแล้วชีวิตเราต้องติดสนิทคือดำเนินชีวิตตามพระวจนะของพระองค์   5เรา​เป็น​เถา​องุ่น พวก​ท่าน​เป็น​แขนง คน​ที่​ติด​สนิท​อยู่​กับ​เรา​และ​เรา​ติด​สนิท​อยู่​กับ​เขา คน​นั้น​จะ​เกิด​ผล​มาก เพราะ​ว่า​ถ้า​แยก​จาก​เรา​แล้ว​พวก​ท่าน​จะ​ทำ​สิ่ง​ใด​ไม่​ได้​เลย   6ถ้า​ใคร​ไม่​ได้​ติด​สนิท​อยู่​กับ​เรา คน​นั้น​ก็​ต้อง​ถูก​ตัด​ทิ้ง​เสีย​เหมือน​แขนง แล้ว​ก็​เหี่ยว​แห้ง​ไป...” (ยอห์น 13:5-14

การพ่ายแพ้ล้มเหลวในชีวิตมิได้เกิดขึ้นเมื่อเราอยู่ลับตาจากพระเจ้า   หรือเมื่อเราอยู่ห่างไกลจากพระองค์   ท่านเชื่อไหมชีวิตของเราต้องลื่นล้มขณะที่กำลังอยู่ใกล้และสนทนากับพระองค์?   ท่านเชื่อไหมว่าอำนาจชั่วมาฉุดลากกระชากเราให้ออกห่างจากพระเจ้า   เมื่อเราพยายามหาทางมีส่วนในการทำงานของพระเจ้า   เมื่อเรากำลังหวังดีต่อพระองค์   เวลาที่เราคิดว่าตนเองเป็นคนสำคัญของพระเจ้า   เวลาที่เรากำลังใกล้ชิดพระองค์   อำนาจชั่วกระตุ้นให้เราคิดอย่างที่ใจเราปรารถนา   แม้ดูว่าจะเป็นการคิดดีต่อพระเจ้าก็ตาม  

แต่ “...เพราะ​เจ้า​คิด​อย่าง​คน ไม่​ได้​คิด​อย่าง​พระ​เจ้า” (ยอห์น 8:33 มตฐ.)  

บ่อยครั้ง มารมาตอนเราเผลอ...  และทำให้เรา  บอกพระเจ้าให้ทำตามความคิดของเรา!

เปโตรทักท้วงแผนการแห่งการทรงช่วยกู้มนุษย์ของพระเจ้า  “...ส่วน​เป​โตร​นั้น​พา​พระ​องค์​แยก​ออก​มา​แล้ว​ทูล​ทัก​ท้วง” (มาระโก 8:32)   แต่พระคริสต์ไม่ยอมให้โอกาสแก่มารที่มาแย่งเปโตรจากพระองค์ ด้วยการความคิดของตนเองที่ขัดขวางแผนการของพระเจ้า   พระองค์ทรงขับไล่อำนาจชั่วที่อยู่ในความคิดของเปโตรว่า “เจ้า​ซา​ตาน จง​ไป​ให้​พ้น เพราะ​เจ้า​คิด​อย่าง​คน ไม่​ได้​คิด​อย่าง​พระ​เจ้า (8:33)   เรามักสนใจเอาใจใส่ระแวดระวังไม่ให้อำนาจชั่วมาชักจูงเราในการกระทำผิด   แต่มักมองข้ามอำนาจชั่วที่มาชักจูงให้เราคิดผิดคิดชั่ว   และการคิดผิดคิดชั่วนี้เองที่ทำให้เราหลงใหลทำสิ่งที่ผิดพลาดมหันต์อย่างเป็นระบบ   อย่างเป็นกระบวนการ

การใกล้ชิดติดสนิทกับพระเจ้าทุกวันจึงเป็นโอกาสที่พระคริสต์จะทรงปกป้องเราจากอำนาจชั่วร้าย   อย่างที่พระองค์ทรงปกป้องเปโตรจากอำนาจชั่วร้ายที่ครอบงำความคิดของเขา

สิ่งที่คริสตชนควรระแวดระวังตรวจสอบตนเองเสมอในการดำเนินชีวิตของตนคือ  ที่อำนาจชั่วร้ายใช้เรื่อง “ความกลัว” เข้ามาทำให้เราหมดความเชื่อไว้วางใจในพระเจ้า   ในกรณีนี้อำนาจชั่วเข้ามามีอำนาจครอบงำ “ความรู้สึกกลัว” ของเรา   แล้วใช้ความรู้สึกกลัวนั้นแสดงออกถึงการที่เราขาดความเชื่อ   ความไว้วางใจพระเจ้าหดหายลง

ความกลัวดังกล่าวที่เกิดขึ้นมิได้เกิดขึ้นเพราะเราอยู่เหินห่างจากพระเจ้า   ที่เราเกิดความกลัวลานเพราะเรามุ่งมองที่สถานการณ์รอบด้านมันน่ากลัว  วุ่นวาย  ร้ายแรง  ทำให้เราเกิดความกลัวอย่างมาก   พระเยซูประทับบนเรือกับสาวก  37... ​มี​พายุ​ใหญ่​เกิด​ขึ้น คลื่น​ก็​ซัด​เข้า​ไป​ใน​เรือ​จน​น้ำ​จวน​จะ​เต็ม​เรือ​อยู่​แล้ว   38 ส่วน​พระ​องค์​กำ​ลัง​บรร​ทม​หนุน​หมอน​หลับ​อยู่​ที่​ท้าย​เรือ พวก​สา​วก​จึง​มา​ปลุก​พระ​องค์​ทูล​ว่า พระ​อา​จารย์ พระ​องค์​ไม่​ทรง​เป็น​ห่วง​ว่า​พวก​เรา​กำ​ลัง​จะ​พินาศ​หรือ?” (มาระโก 4:37-38 มตฐ.)   เสียงพูดแบบนี้ช่างคุ้นๆ หูเรามิใช่หรือ?

เมื่อพระเจ้าไม่ตอบสนองในสถานการณ์วิกฤติของเราอย่างที่เราคาดหวัง   เราเกิดคำถามในจิตใจว่า   ทำไมพระเจ้าไม่ช่วยเรา?   พระเจ้าไม่สนใจเราแล้วหรือ?   บ่อยครั้งเรามักให้ความสนใจมุ่งมองแต่สถานการณ์ที่ล่อแหลม รุนแรง และวิกฤติ   สิ่งเหล่านี้ทำให้ความเชื่อของเราหดหายอ่อนกำลัง   40...ทำ​ไม​พวก​เจ้า​กลัว? พวก​เจ้า​ไม่​มี​ความ​เชื่อ​หรือ? (4:40)   แต่วิกฤติที่เกิดขึ้น กับความอ่อนแอในความเชื่อที่ปรากฏ  และเมื่อสาวกมองไปที่พระคริสต์ที่ทรงห้ามลมพายุ   ทำให้พวกสาวกต้องเรียนรู้ใหม่ว่า ท่าน​ผู้​นี้​เป็น​ใคร​กัน​หนอ? ขนาด​ลม​กับ​ทะเล​ยัง​เชื่อ​ฟัง​ท่าน?” (ข้อ 41)

28เรา​รู้​ว่า​เหตุ​การณ์​ทุก​อย่าง​ร่วม​กัน​ก่อ​ผล​ดี​แก่​คน​ที่​รัก​พระ​เจ้า คือ​แก่​คน​ทั้ง​หลาย​ที่​พระ​องค์​ทรง​เรียก​ตาม​พระ​ประ​สงค์​ของ​พระ​องค์ (โรม 8:28 มตฐ)   สาวกได้นำบทเรียนที่ได้รับเหล่านี้ซึมลึกลงในจิตใจเพื่อให้ความเชื่อของเขาเข้มแข็งเติบโตขึ้น   พระเจ้าทรงใช้ความล้มเหลวของเปโตรเป็นเครื่องมือในการฝึกฝนชีวิตของสาวกให้เติบโตเป็นผู้ใหญ่ในพระองค์   เพราะสาวกต้องการที่เติบโตขึ้นเพื่อรับใช้พระองค์

เราแต่ละคนต้องการที่จะเติบโตขึ้นในความเชื่อโดยที่ไม่ต้องกระทำผิดต่อหน้าพระพักตร์ของพระเจ้า   แต่เราไม่สามารถที่จะปฏิเสธได้ว่าย่างก้าวที่ผิดพลาดเกิดขึ้นได้เสมอ  แต่เป็นสิ่งที่สอนเรา   ความล้มเหลวสอนให้ผู้เชื่อให้มีความเชื่อฟังองค์พระผู้เป็นเจ้าเพื่อมีปัญญามากขึ้นและรับประโยชน์ในชีวิตมากขึ้น   และนี่เป็นบทเรียนชีวิตที่เราทุกคนควรจะใส่ใจ   และระแวดระวังความคิดของเราด้วย

ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย  สันทราย  เชียงใหม่
E-mail: prasit.barnabus@gmail.com
081-2894499

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น