1... ก่อนอื่นข้าพเจ้าขอกำชับท่านให้ทูลขอ อธิษฐาน
วิงวอน และขอบพระคุณพระเจ้าเพื่อทุกคน
2เพื่อเหล่ากษัตริย์และผู้มีอำนาจทั้งปวง
เพื่อว่าเราทั้งหลายจะได้อยู่อย่างสงบสุข
ใช้ชีวิตอย่างเงียบๆ
ในทางพระเจ้าและความบริสุทธิ์ทุกอย่าง
3การกระทำเช่นนี้เป็นสิ่งที่ดีและเป็นที่พอพระทัยพระเจ้าพระผู้ช่วยให้รอดของเรา (1ทิโมธี 2:1-3 อมต.)
บ่ายที่อากาศอบอ้าวในหน้าร้อนยุคทันสมัยของเรา มีแพทย์
นักวิศวกร และนักการเมือง ทั้งสามคนนั่งวงสนทนากัน
พวกเขากำลังถกเถียงกันอย่างเผ็ดร้อนเช่นเดียวกับอากาศในวันนั้นว่า อาชีพของใครที่มีอายุเก่าแก่มากที่สุด ผู้เป็นแพทย์ยืนยันว่าอาชีพของตนเก่าแก่เท่าๆ
กับชีวิตที่เกิดขึ้นในโลกนี้ เพราะมนุษย์จะอยู่รอดไม่ได้เลยถ้าไม่มีแพทย์ผู้ดูแลสุขภาพ ดังนั้น อาชีพแพทย์ต้องเป็นอาชีพที่เก่าแก่อายุยืนยาวที่สุด
แต่วิศวกรเถียงหัวชนฝาไม่เห็นด้วยกับแพทย์ เขาอ้างว่า
ก่อนที่บนโลกนี้จะมีชีวิตมนุษย์เกิดขึ้น
โลกนี้ปกคลุมด้วยความวุ่นวายไม่เป็นระบบระเบียบ
ดังนั้นจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีผู้ที่ทำหน้าที่จัดการให้โลกใบนี้มีระบบระเบียบ เพื่อชีวิตจะได้เกิดขึ้นได้ ดังนั้น
อาชีพวิศวกรน่าจะเกิดขึ้นก่อนแพทย์เป็นอาชีพที่เก่าแก่ที่สุดในโลกนี้
เมื่อกลุ่มสนทนากำลังครุ่นคิดพิจารณาถึงเหตุผลของวิศวกร บรรยากาศเงียบไปชั่วครู่หนึ่ง ก็มีเสียงหนึ่งที่พูดขึ้นมาอย่างภาคภูมิใจด้วยวาทะคำถามว่า
“แต่ใครล่ะที่สร้างความวุ่นวายสับสนไร้ระบบระเบียบขึ้นมา?” “มิใช่นักการเมืองหรอกหรือ แล้วคุณคิดว่าอาชีพใดล่ะที่เก่าแก่อายุยืนยาวที่สุด?”
น่าจะใช่นะครับ
ถ้าเราพิจารณาว่านักการเมืองในยุคปัจจุบันนี้ สร้างแต่ความวุ่นวายโกลาหล!
เอกลักษณ์ของนักการเมืองในทุกรูปแบบ เป็นพวกที่โฆษณาชวนให้คนอื่นเชื่อตนเอง สร้างแต่เรื่องอื้อฉาวน่าอดสู
ทำทุกอย่างเพียงเพื่อตนจะได้รับการเลือกตั้ง
แล้วก็เข้าถึงโอกาสที่จะเสวยสุขบนความทุกข์ยากของประชาชน
ไม่ว่านักการเมืองระดับสากล ระดับชาติ
หรือนักการเมืองในคราบนักการศาสนา
ต่างก็คิดและทำเช่นเดียวกันนี้
เอกลักษณ์ของผู้คนในกลุ่มอาชีพนี้คือ ไม่ได้ทำในสิ่งที่ตนพูด ตนสัญญา หรือ
ตนเทศนาครับ!
แต่ก็ยังเป็นความรับผิดชอบของเราคริสตชนที่จะต้องอธิษฐานเพื่อผู้นำเหล่านี้ทั้งในองค์กรศาสนา
และ องค์กรการเมืองระดับชาติ
และระดับสากลด้วยครับ
เพราะมีเพียงหนทางเดียวที่จะกู้สถานการณ์ที่เลวร้ายอันเป็นผลของผู้นำองค์กรที่ใช้แนวทางการเมืองที่สร้างความสับสนวุ่นวายและล่มจมในที่สุดคือ
เราต้องอธิษฐานต่อพระเจ้าโปรดเมตตาที่จะเปลี่ยนชีวิต ความคิด จิตใจ และจิตวิญญาณของผู้นำเหล่านี้ ไม่ว่าเราจะลงคะแนนเลือกคนเหล่านี้หรือไม่ก็ตาม
จากข้อเขียนของเปาโลที่เราอ่านในวันนี้ว่า เมื่อชุมชนและองค์กรของเรามีผู้นำที่มาโดยไม่เหมาะสม
ไม่ชอบธรรมแล้วมามีอำนาจบริหารจัดการชุมชนและองค์กรของเรา
ให้เราอธิษฐานเพื่อผู้นำเหล่านี้ต่อพระคริสต์ เพื่อพวกเขาอาจจะเติบโตขึ้นในพระองค์
และยอมปกครองบริหารจัดการด้วยปัญญาที่มาจากเบื้องบน อย่างยุติธรรม
ชอบธรรม และสันติสุข
แต่จะดีกว่านั้น ถ้าเราจะร่วมใจร่วมพลังกันอธิษฐานเพื่อผู้ที่จะมาเป็นผู้นำในองค์กรของเรา ประเทศของเรา...
ให้หลุดรอดออกจากอำนาจความชั่วร้ายที่ใช้วิทยายุทธ์ของมาร ในการหาเสียงเพื่อรับการเลือกตั้งในองค์กร
ในประเทศของเรา
ให้หลุดรอดออกจากวิธีการเสนอผลประโยชน์แต่ซ่อนเร้นการกอบโกยผลประโยชน์แห่งตนไว้ข้างหลัง
ให้ผู้นำเหล่านี้หลุดรอดออกจากกับดักและการทดลองของสิ่งชั่วร้าย
ให้ผู้นำเหล่านี้เข้ามาอยู่ภายใต้การปกครองของพระเจ้า และเป็นทาสรับใช้ของพระคริสต์ เพื่อจะนำคุณภาพชีวิตแห่งแผ่นดินของพระเจ้าเกิดขึ้นเป็นจริงและรูปธรรมในองค์กร สังคม
และในโลกนี้ ด้วยการหนุนเสริมเพิ่มพลังจากพระวิญญาณบริสุทธิ์
ให้ผู้นำเหล่านี้เลิก
“โฆษณาชวนให้คนอื่นเชื่อตนเอง”
แต่กลับใจและอธิษฐานตามแบบที่พระเยซูคริสต์ทรงสอนว่า
“...ขอให้พระนามของพระองค์เป็นที่เคารพสักการะ
...ขอให้แผ่นดินของพระองค์มาตั้งอยู่
...ขอให้เป็นไปตามพระทัยของพระองค์
ในสวรรค์เป็นอย่างไร ให้เป็นเช่นนั้นในแผ่นดินโลก
ขอประทานอาหารประจำวันแก่ข้าพระองค์ในวันนี้
...ขอทรงยกบาปผิดของพวกข้าพระองค์
เหมือนข้าพระองค์ยกโทษบรรดาคนที่ทำผิดต่อข้าพระองค์
...ขออย่าทรงนำพวกข้าพระองค์เข้าไปในการทดลอง
แต่ขอให้พวกข้าพระองค์พ้นจากความชั่วร้าย...”
ประสิทธิ์
แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย สันทราย
เชียงใหม่
E-mail:
prasit.barnabus@gmail.com
081-2894499
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น