14 กันยายน 2563

เมื่อเผชิญความขัดแย้ง...อย่าลืม 8 สิ่งที่สำคัญ

ความขัดแย้งเป็นด้านหนึ่งในความสัมพันธ์ อยู่ที่ว่าแต่ละคนจะมีมุมมองเช่นไรต่อความขัดแย้ง และจะใช้ความขัดแย้งในทางสร้างสรรค์ หรือ ในทางเอาแพ้เอาชนะ หรือ ในการทำร้ายทำลาย หรือ หลีกเลี่ยงความขัดแย้ง

ดูเหมือนความขัดแย้งมันมาในชีวิตทุกช่วงวัย ตลอดชีวิตการงานของผมที่วนเวียนเกี่ยวข้องกับชีวิตและการงานคริสตจักร แต่ละช่วงตอนในชีวิตพบกับความขัดแย้งที่แตกต่างกัน และเมื่อมาใคร่ครวญสะท้อนคิดพบอีกว่าผมเองก็มีวิธีการรับมือหรือเผชิญกับความขัดแย้งในช่วงตอนนั้น ๆ ของชีวิตที่แตกต่างจากช่วงตอนอื่น แต่ก็พบว่า บทเรียนรู้ที่ได้จากช่วงตอนช่วงก่อนสามารถนำมาปรับประยุกต์ใช้ในช่วงตอนชีวิตหลัง ๆ ได้อย่างเกิดผล

บทสะท้อนเรียนรู้สั้น ๆ นี้เป็นการถอดบทเรียนรู้ชีวิตการงานของตนเองก่อนที่จะขึ้นแท่นวัย 70 ปี ที่เขียนแบ่งปันนี้ผมตระหนักชัดว่าประสบการณ์ชีวิตของแต่ละคนแตกต่างกัน อยู่ในสถานการณ์ที่ไม่เหมือนกัน ดังนั้น บทเรียนชีวิตการงานก็แตกต่างกันไป และบางบทเรียนชีวิตที่สามารถนำมาใช้ในชีวิตวัยปัจจุบันนี้ได้ที่ค่อนข้างเป็นประโยชน์

นี่คือ 8 สิ่งสำคัญเมื่อเผชิญกับความขัดแย้ง

1. ความขัดแย้งไม่ได้เลวร้ายอย่างที่ตนคิดเสมอไป  

ในสถานการณ์ที่ขัดแย้งรอบด้านในชีวิต ผมย้อนสะท้อนคิดไป หลายครั้งที่พบว่า ผมคาดการณ์ความขัดแย้งว่าจะสาหัสรุนแรงกว่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจริง ดังนั้น การคาดการณ์ล่วงหน้าอย่าตกลงในอิทธิพลของการคิดเชิงลบมากเกินไป เพราะเราต้องไม่ลืมว่า สถานการณ์ที่ดูเลวร้ายนี้ พระเจ้ายังทรงปกป้องควบคุมสถานการณ์ต่าง ๆ ที่ประเดประดังเข้ามาในชีวิตของเรา

2. ถ้าพระเจ้ายังประทานให้เรามีชีวิตอยู่ต่ออีกวัน พรุ่งนี้ดวงอาทิตย์ก็จะยังขึ้นสู่ฟ้าส่องสว่างต่อไป  

นั่นหมายความว่า พระเจ้ายังทรงทำพระราชกิจของพระองค์ พระองค์ยังประทานความหวัง ประทานวันใหม่ และให้เราตระหนักชัดว่าสถานการณ์ต่าง ๆ จะดีขึ้น

3. การที่ได้หลับนอนสนิทเป็นสิ่งอัศจรรย์ที่เป็นพระคุณในชีวิต

บ่อยครั้ง ความขัดแย้งที่เราเผชิญได้ปล้นชิง “คุณภาพในการนอนหลับ” ของเรา ในภาวการณ์เช่นนั้น ผมจะทูลขอพระเจ้าโปรดเมตตาประทานการพักผ่อนหลับนอนที่สงบ หลับสนิท ได้รับการผ่อนพักอย่างสันติในพระองค์ เพื่อจะตื่นขึ้นมีอารมณ์ที่สดชื่น สมองที่ปลอดโปร่ง มองในมุมใหม่ที่พระองค์ประสงค์ และนี่คือของประทานแห่งพระคุณของพระเจ้า

4. ในคริสตจักร หรือ ในที่ทำงานของเรามีทั้งคนที่ “สร้างความขัดแย้ง” แต่ก็มีคนสัตย์ซื่อ ที่สร้างสรรค์ และรักพระเจ้าด้วย

ผู้สร้างความขัดแย้งและความยากลำบากมักจะ “เสียงดัง” และ “ขี้โอ่” ที่มักทำให้จิตใจของเราวอกแวกมองข้ามสิ่งดีดีที่พระเจ้าประทานให้แก่คนของพระองค์ ตระหนักชัดเสมอว่า ในภาวะเช่นนี้ยังมีคนของพระเจ้ายืนเคียงข้างเราอยู่ และจะมีส่วนช่วยในการรับมือกับความขัดแย้งนั้นไปที่ละก้าวตอน

5. คงเป็นการไม่ฉลาดสักเท่าใดนักที่จะสู้กับความขัดแย้งนั้นด้วยตัวของเราเอง

อย่างที่กล่าวก่อนนี้แล้วว่า พระเจ้าทรงประทานพี่น้องที่อยู่เคียงข้างเรา พระองค์ประทานคนที่จะเคียงข้าง และช่วยเรา และนี่คือวิธีการหนึ่งในพระราชกิจของพระเจ้าที่กระทำในชีวิตของเรา ถ้าเราเลือกที่จะ “ลุยเดี่ยว” กับความขัดแย้งนั้นเอง ก็เป็นการที่เราตัดสินใจที่จะไม่สนใจพระราชกิจของพระเจ้าที่จะกระทำในชีวิตประจำวันของเรา

6. การสร้างสาวกที่ด้อยคุณภาพอาจจะนำไปสู่ความขัดแย้งในคริสตจักร

สมาชิกที่ยังเป็น “ทารกในความเชื่อ” มักไม่รู้ว่าจะรับมือและจัดการอย่างไรกับความขัดแย้ง ต่างกับคนที่มี “จิตวิญญาณที่เป็นผู้ใหญ่ในความเชื่อ” และถ้าเราประกาศให้คนมารับเชื่อแล้วไม่ได้เลี้ยงดู บ่มเพาะ ให้เขาเติบโตเป็นสาวกของพระคริสต์ที่ต่อเนื่องเพียงพอ ชีวิตของผู้เชื่อคนนั้นจะไม่เติบโตขึ้นและกลับจะเป็นเหตุของการสร้างความขัดแย้งในคริสตจักรขึ้นได้

7. การที่รีบเร่งตอบสนองต่อสิ่งต่าง ๆ เร็วเกินไปมักก่อให้เกิดความขัดแย้ง

บ่อยครั้ง เรามักใจร้อนรีบเร่งตอบสนองใน “ความขัดแย้ง” ที่เกิดขึ้นเร็วเกินไป อาจจะทำให้เกิดความขัดแย้งที่รุนแรงตามมา เช่น ครั้งหนึ่งมีธรรมกิจท่านหนึ่งอภิปรายความคิดเห็นที่รุนแรงในที่ประชุม หลังการประชุม ประธานธรรมกิจคริสตจักรเขียนจดหมายทางอีเมล์ถึงธรรมกิจท่านนั้น แนะนำธรรมกิจท่านนั้นว่า ไม่ควรกระทำพฤติกรรมที่รุนแรงเช่นนั้น ทำให้เขาไม่พอใจ เขียนอีเมล์ตอบโต้ประธานธรรมกิจ และส่งเวียนไปถึงสมาชิกคนอื่น ๆ ด้วย

8. พระเจ้าทรงกระทำพระราชกิจของพระองค์ และ ทรงใช้ความขัดแย้งที่จะสร้างเสริมให้เราเติบโตขึ้นในพระองค์

มันไม่สนุกเลยครับเมื่อเกิดความขัดแย้งขึ้นในคริสตจักร หรือ ในที่ทำงาน หรือ ความขัดแย้งในการทำพันธกิจ แต่จากประสบการณ์ผมได้เรียนรู้ว่า เมื่อเกิดความขัดแย้งสิ่งแรกและทันทีคือ การหันหน้าเข้าหาพระเจ้า และเวลานั้นเองที่พระเจ้าจะเริ่มทำงานในจิตใจชีวิตของเรา และพระองค์จะประทานมุมมองของพระองค์แก่เรา และประทานกำลังการขับเคลื่อนแก่เรา และพลังการขับเคลื่อนแรกที่ได้รับเสมอคือ “พลังแห่งความอดทน” “พลังที่จะนิ่ง สงบ”  “พลังที่จะฟังอย่างใส่ใจ” และผมพบว่า สิ่งดีดีที่ผมเรียนรู้และได้รับการเสริมสร้างจากพระเจ้ามากที่สุดคือ ชีวิตในภาวะที่ไม่ปกติ ภาวะในความขัดแย้ง ต่อต้าน และในสถานการณ์ที่เกิดความขัดแย้งเช่นนี้คือโรงเรียนของพระเยซูคริสต์ที่สร้างเสริมผมให้เติบโตขึ้นในพระองค์ได้อย่างดีที่สุด อย่างโรงเรียนในทะเลทรายมีเดียที่สร้างโมเสส โรงเรียนในถ้ำร้างที่สร้างกษัตริย์ดาวิด และ โรงเรียนในทะเลทรายอาระเบียที่สร้างเปาโลขึ้นใหม่

ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย  สันทราย  เชียงใหม่
E-mail: prasit.emmaus@gmail.com; 081-2894499



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น