25 กันยายน 2563

“มิเรียม”...วีรสตรีน้อย

วีรบุรุษ และ วีรสตรี ทุกคนต่างมีเรื่องราวที่น่าสนใจ ที่บอกเล่าถึงพลังจากการต่อสู้การทำร้ายทำลายที่พวกเขาต้องเผชิญหน้าต่อสถานการณ์ภัยร้ายในเวลานั้น ทำให้เราคิดถึงเรื่องราวของโมเสส ซึ่งคนส่วนใหญ่มักจะคิดถึงเหตุการณ์ครั้งสำคัญที่โมเสสพบกับ “ต้นไม้ที่ไฟไม่ไหม้” หรือ “ภาพของโมเสสชูไม้เท้าเหลือทะเลแดงที่น้ำแยกออก”

แต่สำหรับผมแล้ว ผมสนใจเรื่องราวเล็ก ๆ แต่เป็นที่มาของ “ไม้ซีกที่งัดกับไม้ซุงแห่งอำนาจล้นฟ้าของฟาโรห์” จนมหาอำนาจโลกในเวลานั้นต้องยอมปล่อยชนชาติอิสราเอลออกจากการเป็นทาสในแผ่นดินอียิปต์ และเรื่องราวเล็ก ๆ ที่ว่านี้คือเรื่องของเด็กหญิงมิเรียมที่เดินตามตะกร้าที่ลอยไปตามแม่น้ำไนล์ ข้างในมีทารกน้อยโมเสสซึ่งเป็นน้องชายของเธอเอง

หลังจากแม่คลอดทารกน้อยโมเสส และพยายามเลี้ยงดูเด็กชายคนนี้จนไม่สามารถที่จะซ่อนต่อไปได้อีกแล้ว จึงวางแผนสานตะกร้าเอาทารกชายของตนใส่ในตะกร้านั้น ปล่อยให้ลอยไปตามแม่น้ำไนล์ แต่มีพี่สาวซึ่งเป็นเด็กหญิงมิเรียมเดิมตามตะกร้านั้นห่าง ๆ พระคัมภีร์ไม่ได้บอกว่า แม่ของมิเรียมสั่งให้เธอทำเช่นนั้น หรือเพราะเธอห่วงและรักน้องชายจึงเดิมตามตะกร้านั้นไป เพราะเธอคงต้องการรู้ว่าจะมีอะไรเกิดกับน้องชายของเธอ ในที่นี้คงเดาไม่ได้ว่า  แม่ของโมเสสรู้หรือไม่ว่า มิเรียมเดินลุยน้ำตามตะกร้าไปห่าง ๆ หรือไม่? หรือเป็นความคิดของเด็กเล็ก ๆ คนหนึ่ง?   แต่ที่ผมรู้แน่ชัดว่า เด็กหญิงมิเรียมเป็นส่วนหนึ่งในพระราชกิจแห่งการกอบกู้ช่วยให้ชนชาติอิสราเอลหลุดรอดออกจากการเป็นทาสแรงงานในอียิปต์

เมื่อพระธิดาของฟาโรห์เสด็จมาสรงน้ำที่แม่น้ำไนล์ และบรรดานางกำนัลกำลังเดินเลียบตลิ่ง พระนางทรงสังเกตเห็นตะกร้าในกอปรือจึงรับสั่งให้ทาสสาวไปนำมา เมื่อทรงเปิดดูก็เห็นทารกเพศชายกำลังร้องไห้ พระนางจึงรู้สึกสงสารและตรัสว่า “นี่ต้องเป็นทารกชาวฮีบรูแน่ ๆ” พี่สาวของทารกนั้นจึงทูลถามพระธิดาว่า “ให้หม่อมฉันไปหาแม่นมชาวฮีบรูมาเลี้ยงเด็กให้ไหม?” (อพยพ 2:5-7 อมธ.)

ในมีคาห์ 6:4 พระเจ้าทรงทบทวนให้อิสราเอลระลึกถึงพระราชกิจของพระองค์ที่กระทำแก่ชนชาติของพวกเขาที่ผ่านมาว่า “...เราได้นำเจ้าขึ้นมาจากแผ่นดินอียิปต์ และไถ่เจ้ามาจากเรือนทาส และเราใช้ให้โมเสส อาโรน และ มิเรียมนำหน้าเจ้าไป” (มตฐ.) 

ในที่นี้พระเจ้าทรงกล่าวถึงมิเรียมในสถานะความสำคัญเท่ากับ โมเสส และ อาโรน ในการนำการปลดปล่อยประชาอิสราเอลสู่ดินแดนเสรีแห่งแผ่นดินพระสัญญาตามแผนการของพระเจ้า นั่นหมายความว่า แผนการที่เรามักมองข้ามกันที่พระเจ้าทรงมอบหมายและประทานสติปัญญาแก่มิเรียม ที่เสนอตัวต่อธิดาฟาโรห์ว่า เธอจะหาแม่นมชาวฮีบรูให้มาเลี้ยงทารกคนนี้ ที่เป็นการรู้เท่าทันปัญหาที่ธิดาฟาโรห์ต้องการหาทางออก และคำถามของมิเรียมกลับกลายเป็นคำตอบที่เหมาะเจาะตามที่ธิดาฟาโรห์ต้องการ แต่ไม่สำคัญเท่ากับเป็นไปตามแผนการของพระเจ้าผ่านความกล้าหาญ และ ความรักน้องของเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ คนนี้

เมื่อเราพูดว่า เราร่วมสานต่อในพระราชกิจของพระเจ้าที่พระองค์ทรงเรียก เรามักคิดถึงงานใหญ่งานโตที่อยู่ข้างหน้า บางครั้งจนทำให้เกิดความกลัว ความไม่กล้าสานต่อพระราชกิจ เพราะกลัวว่าจะล้มเหลว แต่หญิงน้อยมิเรียมทำในสิ่งที่เล็กน้อย ด้วยความรัก เอื้ออาทร แต่ด้วยความกล้าเพราะตัดสินใจทำในสิ่งที่ตนทำได้ ตอนนั้นเธอไม่รู้ตัวหรอกว่า นี่เธอเป็นส่วนหนึ่งในการสานต่อพระราชกิจแห่งการทรงสร้างที่นำไปสู่การปลดปล่อยกอบกู้ครั้งยิ่งใหญ่ในพระราชกิจของพระเจ้า แต่บางคนอาจจะมองว่าเป็นเรื่องธรรมดาที่น่ารัก แต่นี่เป็นพระราชกิจมหัศจรรย์ที่ผ่านชีวิตของหญิงน้อยมิเรียม เพราะผมถามในใจว่า “เธอเรียนรู้ได้อย่างไรว่า เธอจะเดินตามตะกร้าน้องชายไปห่าง ๆ เธอเอาสติปัญญาที่เฉียดแหลมฉับไวอย่างไรที่เสนอทางออกแก่ธิดาฟาโรห์ว่า จะให้เธอหาแม่นมชาวฮีบรูมาช่วยเลี้ยงไหม? นี่เป็นพระราชกิจของพระวิญญาณพระเจ้าทรงกระทำในชีวิตของเธอทั้งสิ้นมิใช่หรือ?  

น่าสนใจว่า สตรีที่เป็นแม่ของทารกโมเสส นางผดุงครรภ์ และหญิงน้อยมิเรียม ที่พระเจ้าทรงใช้ให้เป็น “หัวหอก” เริ่มต้นของกระบวนแห่งการช่วยกู้และปลดปล่อยที่พระเจ้าช่วยให้ชนชาติอิสราเอลหลุดรอดออกจากการเป็นแรงงานทาสในอียิปต์

บางทีพลังอำนาจของมิเรียมก็คือ ความรักเมตตาเพียงเล็กน้อย ความอยากรู้อยากเห็นและความคิดสร้างสรรค์ของเธอที่อยู่ในพระหัตถ์ของพระเจ้า พระองค์ได้ใช้ร่วมสร้างสานในพระราชกิจที่นำชนชาติอิสราเอลไปสู่อิสรภาพและการฟื้นฟูชีวิตใหม่ในแผ่นดินของพระเจ้า และความยิ่งใหญ่เช่นนี้ท่านสามารถมีส่วนร่วมในพระราชกิจของพระเจ้าในปัจจุบันได้ เมื่อความรักเมตตา ความคิดสร้างสรรค์ ความกล้าหาญของท่านที่อาจจะดูน้อยนิด เมื่ออยู่ในพระหัตถ์ของพระเจ้าย่อมจะเกิดสิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่แม้แต่ตัวท่านเองก็คาดไม่ถึง

ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย  สันทราย  เชียงใหม่
E-mail: prasit.emmaus@gmail.com; 081-2894499



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น